- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 September 2016 17:16
- Hits: 2362
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยตกในช่วงแรกของสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่กลับมาฟื้นตัวในภายหลัง หุ้นที่อ้างอิงเศรษฐกิจในประเทศยังคงเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มบ้านที่ดิน รวมทั้งนักลงทุนต่างให้ความสนใจลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก-กลางเพราะราคาหุ้นแกว่งตัวได้ดีกว่า เราคาดว่านักลงทุนจะคลายความกังวลต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย Federal Funds Rate ถึงแม้ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในไตรมาส 2 ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบ 0.1% พร้อมกับปรับแผนซื้อพันธบัตรรัฐบาล
และจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหากจำเป็น โดยมองเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% และมีโอกาสที่จะขยายนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบพร้อมกับนโยบายการควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะไม่เพิกเฉยต่อความเสี่ยงต่อการเติบโตของ เศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั้วทั่งภูมิภาคเอเชียปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง 1480 จุด (75-days EMA) ได้อีกครั้ง เราคาดว่าเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิคและปริมาณจะมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นในขณะนี้ และด้วยสภาพคล่องที่ล้นระบบ ตลาดหุ้นไทยจึงยังดูเหมือนว่าจะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารญี่ปุ่นและการคงดอกเบี้ยของสหรัฐได้สร้างความคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดดัชนีของตลาดหุ้นไทยจะสามารถเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1500 จุดได้อีกครั้ง
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
Quantitative Strategy เรามองภาพตลาดเดือน ต.ค. ตลาดกระทิง หรือ Bull market จะเริ่มกลับมา และจะดีต่อเนื่องไปเดือน พ.ย. แต่แนะนำระมัดระวังความผันผวนในเดือน ธ.ค. โดยเครื่องมือที่เราใช้ประกอบการวิเคราะห์ต่างบ่งชี้ถึงทิศทางที่ดีของตลาด แม้ระยะสั้นตลาดอาจจะมีการแกว่งตัวไปจนถึงสัปดาห์หน้า แต่หากปรับตัวลงมาเรามองเป็นจังหวะเข้าซื้อ เราเพิ่ม หุ้น ADVANC, DTAC, HMPRO และ MINT เข้าพอร์ต
Quant seasonality หลังจากเราออกรายงานพิเศษไปฉบับแรกช่วงเดือน พ.ค. ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยอัตราการชนะ (winning chance) อยู่ที่ 78% และอีตราผลตอบแทนอยู่ราว 7.14% สำหรับกรอบระยะเวลาการถือ 2 เดือน สำหรับรายงานฉบับนี้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับรายชื่อหุ้นที่ถูกคัดเลือกมาจากปัจจัยด้านราคาและผลประกอบการ โดยเราเชื่อว่าจะเป็นหุ้นที่จะสามารถปรับตัวได้ดีในช่วง 2 เดือนข้างหน้า โดยรายชื่อหุ้นที่ผ่านการคัดเลือกมีดังนี้ ASK, BAFS, BDMS, BH, BJC, BLAND, CFRESH, CPALL, CPF, GLOW, HMPRO, KCE, KKP, MINT, RATCH, SYNEX, SYNTEC, THANI, TISCO และWORK และหุ้นกลุ่มพิเศษที่เป็นหุ้นใหม่และสด (เข้าตลาดได้ไม่นาน) เราเลือก COM7, CBG, TPBI และ TACC
(+) กลุ่มธนาคาร ตัวเลขสินเชื่อของธนาคาร 9 แห่งที่เรา cover อยู่ เติบโตขึ้น 0.4% MoM ในเดือน ส.ค. และเติบโต 1.1% นับแต่ต้นปีYTD (KTB ยังไม่ประกาศ) โดยที่ BAY, TMB และ KKP รายงานตัวเลขเติบโตสูงที่สุด หนุนโดยกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อย เราคาดธนาคารที่จะรายงานกำไร 3Q16 โต YoY สูงสุดได้แก่ TISCO (58%), SCB (44%), KKP (30%) and KTB (27%) เรายังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารที่ “มากกว่าตลาด” เพราะ PBV valuation ที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.35 เท่า ปัจจุบันอยู่ที่ราว 1 เท่า และคาด NPL จะเริ่มลดลงหลังจาก 3Q16 เราเลือก SCB, KBANK และ KKP เป็น top picks
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค