- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 September 2016 16:22
- Hits: 778
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
Fed กับ BOJ ตัดสินใจอย่างที่ตลาดชอบ
คาดหุ้นไทยขึ้นต่อวันนี้ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนยินดีต้อนรับการตัดสินใจของ Fed ที่ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายล่าสุด และของ BOJ ที่ยกเครื่องมาตรการการเงินด้วยการเน้นเป้าให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวกลับมาเป็นบวกซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธนาคาร ประกัน กองทุน ราคาน้ำมันพุ่งจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงผิดคาด ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ปัจจัยสำคัญภายในประเทศวันนี้ นอกจากความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงในเดือน ส.ค. ที่เหลือเป็นบวกหมดกล่าวคือ ยอดขายรถภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากกระทรวงการคลัง และโครงการรถไฟไทย-จีน ที่จะเริ่มได้เดือน ธ.ค.
หุ้นเด่นวันนี้ : GLOW (ราคาปิด 80.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 89.00 บาท)
เราเลือกบมจ. โกลว์ พลังงาน เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์ Defensive play จากค่า Beta ที่ต่ำเพียง 0.59 เท่า ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของตลาดในปัจจุบัน ขณะที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจนปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึงระดับราว 6.5-7.0% ต่อปี โดย GLOW ปีที่แล้วประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2558 ในอัตรา 5.75 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend payout ratio ที่ระดับราว 100% เป็นครั้งแรก ซึ่งเราคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลในอัตราที่มากขึ้นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง
จากนโยบายเดิมที่จ่ายในระดับไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ขึ้นเป็นระดับ 100% เนื่องจากบริษัทฯ มีเงินสดในมือมากและไม่มีแผนการลงทุนใหญ่ๆ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ จากการประเมินของเราพบว่า GLOW มีความสามารถเพียงพอที่จะจ่ายปันผลได้ไม่น้อยกว่าระดับในปีที่แล้ว หนุนจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวของกำไรสุทธิเนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าเช่นในปีที่แล้ว จากประมาณการของ Bloomberg consensus คาด EPS ปีนี้ฟื้นตัวเล็กน้อย 6% YoY ก่อนที่จะทรงตัวในปีหน้ารวมถึงปี 2561 ถัดไป Price Pattern ของ GLOW เพิ่งจะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่จากการ Rebound และปิดตลาดที่ 80.00 บาท จึงทำให้ Price Pattern ของ GLOW เริ่มกลับมาเกิดความแข็งแกร่งครั้งใหม่ในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม Price Pattern ของ GLOW ยังคงถูกกดดันจากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อยู่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GLOW ในระยะสั้นนั้นมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 83.50 บาท โดยมีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 76.75 บาท (แนวต้าน: 80.50, 81.25, 81.75; แนวรับ: 79.50, 79.00, 78.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ยอดขายรถภายในประเทศเดือน ส.ค. กลับเป็นบวก ส.อ.ท. วานนี้รายงานตัวเลขยอดขายภายในประเทศที่ 63,609 คัน เพิ่มขึ้น 2.6% เทียบปีก่อน เพราะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น การออกรถรุ่นใหม่ๆและยอดจองซื้อในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แกรนด์ มอเตอร์ เซลส์ 2016 สำหรับยอดผลิตรถลดลง 1.8% จำนวนส่งออก (คัน) ลดลง 7.6% และมูลค่าส่งออก (บาท) ลดลง 3.4% (Bangkok Post) ความเห็น: เราคิดว่าตลาดในประเทศน่าจะดีขึ้นและน่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของภาคยานยนต์แทนได้ ส่วนการส่งออกระยะยาวก็น่าจะดีขึ้นหากเศรษฐกิจโลกค่อยๆ ดีขึ้น
รถไฟระหว่างไทยกับจีน 3.5 ก.ม. จะเริ่มลงมือในเดือน ธ.ค. ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ร่างสัญญา สำหรับรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทยกับจีน ควรจะได้ข้อสรุปในเดือนถัดไป และการประมูลจะเริ่มต้นในเดือน พ.ย. โดยจะให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้างระยะทางแรก 3.5 ก.ม. ของโครงการ จากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในเดือน ธ.ค. ความเห็น: ระยะทางของรถไฟสายนี้เกินไป เราเชื่อว่าผู้รับเหมาไทยอาจจะให้ความสนใจกับรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มากกว่าโครงการนี้ เพราะในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าจะได้ผลผู้ชนะการเสนอราคาของสัญญางานก่อสร้างงานโยธาของรถไฟฟ้าสายสีส้ม (มูลค่า 79 พันล้านบาท) หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดว่าจะกลับมาคึกคักรับข่าวดังกล่าวอีกครั้ง Top Pick ของเรา คือ CK และ UNIQ
ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยประจำเดือน ส.ค. 2559 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันอยู่ที่ระดับ 83.3 จากระดับ 84.7 ในเดือนก.ค. โดยมีปัจจัยที่ส่งผลลบต่อค่าดัชนีฯ ได้แก่ ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมไปถึงปัญหาการปรับค่าจ้างแรงงาน (ส.อ.ท.) ความเห็น:
อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ยังคงยืนเหนือระดับ 100 อยู่ที่ระดับ 101.6 ซึ่งชี้ให้ว่าผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อมั่น และยังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 100.7 ในเดือนก.ค.
รมว.คลังเตรียมมาตรการใหม่ๆ เสริมการกระตุ้น มอง GDP ไตรมาสสามแข็งแกร่ง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่ภาคการเกษตร เพื่อกระตุ้นการบริโภคและจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ ซึ่งพร้อมใช้ทันทีหากรัฐบาลเห็นว่ามีสัญญาณเชิงลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเกิดขึ้น ขณะที่ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 3.5% (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง หลังจากเฟดปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจและปรับลดระดับอัตราดอกเบี้ยเพื่อหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 9/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.655% ลดลง 3 bps จากเมื่อวันก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งอ่อนไหวต่อนโยบายเฟดมากที่สุดทรงตัวอยู่ที่ระดับ 0.778% หลังจากแตะที่ระดับ 0.848% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากเฟดคงนโยบายทางการเงินไว้ตามเดิมและคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกน้อยลงในปีต่อ ๆ ไป ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงต่อสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 วันที่ 95.515 ลดลงกว่า 0.50% และต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 96.333 ในช่วงก่อนหน้านี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินเยนที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ครึ่งที่ 100.37 เยน ลดลง 1.3% เมื่อวันพุธหลังการประชุมเฟด (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันพุธ โดยดัชนีแนสแดคปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งช่วยหนุนตลาดกระทิง ก่อนหน้านี้อารมณ์ตลาดดีขึ้นอย่างเด่นชัดหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนตอบรับข่าวมติที่ประชุมของบีโอเจที่ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินโดยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย เพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ (Reuters)
ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ตามเดิมเมื่อวันพุธ ที่ระดับ 0.25-0.50% แต่ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดจนถึงสิ้นปีนี้เนื่องจากตลาดแรงงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีความเห็นต่างกันในการประชุมเมื่อวานนี้โดยมีสมาชิกในคณะกรรมการ 3 ใน 10 รายออกเสียงให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คณะกรรมการยังได้ปรับลดโอกาสที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เหลือ 1 ครั้งจากเดิมที่ 2 ครั้ง นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกลดลงในปีหน้าและในปี 2561 อีกทั้งปรับลดประมาณการอัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 2.9% จากเดิมที่ 3.0% (Reuters)
เฟดปรับลดประมาณการการขยายตัวจีดีพีสหรัฐในปีนี้ อยู่ที่ 1.8% จาก 2.0% ของประมาณการก่อนหน้า แต่ยังคงประมาณจีดีพีในปี 2560 และ 2561 ไว้ตามเดิมว่าจะขยายตัวที่ 2.0% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และก่อนที่จะทราบผลการประชุมกำหนดนโยบายของ Fed โดยตลาดได้แรงหนุนจากที่ BOJ มีมติยกเครื่องนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งช่วยหนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวสูงขึ้นนำตลาด โดยเฉพาะราคาหุ้น Banco Popular ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่น 9.1% หลังจากที่บริษัทฯ เปิดเผยว่าจะปิดสาขาธนาคารลง 300 แห่ง ตามแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ (Reuters)
เอเชีย :
BOJ เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในการดำเนินนโยบายการเงินในวันพุธที่ผ่านมา ในการกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ หลังจากการพิมพ์เงินจำนวนมหาศาลล้มเหลวในดึงเศรษฐกิจออกจากภาวะชะลอการเติบโตนานหลายสิบปี ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% และดำเนินการซื้อพันธบัตรรัฐบาล 80 ล้านล้านเยนต่อปี (788 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ภายใต้กรอบการทำงานใหม่นี้ BOJ จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวตามที่จำเป็นเพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับปัจจุบันประมาณ 0.0 %% นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมอีก 2.7 ล้านล้านเยน (26.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยการซื้อรูปแบบของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงิน (ETFs) เพื่อเชื่อมโยงไปยังดัชนี Topix (Reuters)
ตลาดการเงินของญี่ปุ่นจะปิดในวันนี้สำหรับวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ฤดูใบไม้ร่วงมีนาคม)
จีนจะต้องให้การปรับปรุงความโปร่งใสของระบบอัตราแลกเปลี่ยนหยวน หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนสำรองการเงินระหว่างประเทศในตะกร้าสกุลเงินของ IMF เมื่อวันที่ 1 ต.ค. เจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวว่า การแต่งตั้งจะทำให้เงินหยวนเป็น "สกุลเงินที่ใช้งานได้อย่างอิสระ" ในสายตาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ สำหรับการกู้ยืมเงินให้กับสมาชิกกองทุนการเงินระหว่างประเทศและการชำระคืน เงินหยวนจะเข้าร่วมดอลลาร์, ยูโร, เยนและปอนด์อังกฤษ ในตะกร้า"สิทธิพิเศษถอนเงิน" โดยสกุลเงินเหล่านี้จะได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นเวลาห้าปี นับจาก 30 ก.ย.เพื่อให้บรรลุการถ่วงน้ำหนักตามที่กำหนดในปีที่ผ่านมา (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกถึง 3% ในวันพุธ หลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงผิดคาดเป็นสัปดาห์ที่สามหนุนโดยแนวโน้มอุปสงค์ของผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่สุดของโลก US EIA ระบุสต็อกน้ำมันลดลง 6.2 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้วสู่ 504.6 ล้านบาร์เรล สวนกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่ม 3.4 ล้านบาร์เรล Brent เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ (+2%) ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 1.29 ดอลลาร์ (+2.9%) ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำบวกสู่จุดสูงสุดรอบสัปดาห์ครึ่งวันพุธ บวกต่อหลังสหรัฐคงดอกเบี้ยแต่ส่งสัญญาณชัดว่าจะดำเนินนโยบายการเงินแบบรัดตัว (ขึ้นดอกเบี้ย) ก่อนสิ้นปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 1.2% ปิดที่ 1,330.08 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังขึ้นไปถึง 1,335.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับแต่ 9 ก.ย. ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับขึ้น 1% ปิด 1,331.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีการแถลงของ Fed (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094