- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 September 2016 16:05
- Hits: 1113
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : ---
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
ลุ้น SET ขึ้นต่อได้ แต่ระยะสั้นระวังผันผวนก่อน จึงน่ารอซื้อช่วงอ่อนตัวตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์กลับขึ้นมาแกว่งตัวด้านบวกได้อีกครั้ง หลังนักลงทุนยังคาดหวังว่าที่ประชุมเฟดในช่วงค่ำจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ทรงตัวได้ดีต่อเนื่อง จากความคาดหวังเชิงบวกกับการประชุมนอกรอบของกลุ่มโอเปกในช่วงกลางสัปดาห์หน้า รวมทั้งการที่นักลงทุนต่างประเทศยังมียอดซื้อสุทธิอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกลงได้บ้างแนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ค่อนข้างสดใส หลังผลประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ออกมาตามคาด โดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในเชิงบวก
ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งถึงเกือบ 3% จากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET จะเริ่มกลับไปแกว่งไต่ระดับขึ้นหาดัชนีตามพื้นฐานที่เราประเมินไว้แถว 1650 จุดได้ทันก่อนสิ้นปีตามคาด อย่างไรก็ตามเนื่องจาก SETขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วพอควรในช่วงสัปดาห์เศษที่ผ่านมา และที่ประชุมเฟดยังส่งสัญญาณว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดันให้ SET อ่อนตัวก่อนไว้ด้วย
กลยุทธ์ : ซื้อแล้วยังเน้นถือรอรอบบวกใหญ่ แต่ซื้อใหม่น่ารอช่วงอ่อนตัวลง
แนวรับ 1485-1480 , 1475-1470 จุด
แนวต้าน 1490-1497 , 1500-1512 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PLANB , STPI , TU(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นขึ้น US$367ล้าน นำโดยไต้หวัน US$233ล้าน และเกาหลีใต้ US$73ล้าน ส่วนไทยไหลเข้า US$9.4ล้านรองจากอินโดนีเซียในกลุ่ม TIP ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ US$7ล้าน แนวโน้มเงินทุนพร้อมไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหลัง Fed คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 6 ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่อาจคึกคักน้อยกว่าในช่วงก่อนหน้าเพราะประธาน Fed ระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ซึ่งเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในเดือนพ.ย. และ ธ.ค.
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) หุ้นทั่วโลกตอบรับ Fed คงดอกเบี้ยที่ 0.25-0.5% เราคิดว่าแถลงการณ์ของ Fedที่ระบุว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง เงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าที่ 2% ค้านกับสิ่งที่Fed ทำคือการคงดอกเบี้ย น่าจะเป็นเพราะ Fed ไม่ต้องการให้เกิด shock กับตลาดทุนหรือ wealth ของนักลงทุนซึ่งจะมีผลทางอ้อมต่อมายังการจับจ่ายใช้สอย เช่นเดียวกับBOJ ที่คงดอกเบี้ยและคงปริมาณเงิน QE แต่หันมา focus ที่ Yield curve ระยะยาว 10 ปีให้อยู่ที่ 0% (ต่ำกว่า 0% มา 7 เดือน) และยกเลิกกรอบระยะเวลาการทำ QE ซึ่งไม่มีผลกับตลาดหุ้นและตลาดเงิน แต่ตลาดหุ้นกลับตอบรับในทางบวก (ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาทรงตัวเดิม) เมื่อนักลงทุนเลือกมองในทางบวก ตลาดหุ้นอาจถึงคราวที่พร้อมจะปรับขึ้น
• (+) รมว.คลังเล็งออกมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ เน้นช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการที่รัฐบาลออกมาก่อนหน้านี้ เราเชื่อว่าการมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคเป็นระยะๆเป็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำ ตราบใดที่การลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้น หุ้นที่เกี่ยวข้องการบริโภคและกลุ่มไฟแนนซ์จึงได้ประโยชน์ก่อน (BIG, BEAUTY, FSMART,ROBINS, KTC, MTLS) ขณะที่กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างซึ่งอ่อนไหวกับการลงทุนจึงยังผันผวน แต่เมื่อการลงทุนของเอกชนฟื้นแล้ว เชื่อว่ารัฐบาลจะผ่อนการกระตุ้นการบริโภคลง เมื่อนั้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
• (0) KBANK สินเชื่อเดือน ส.ค. +0.13% M-M (+2.02% YTD) เป็นอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียง BBL, SCB ที่ประกาศก่อนหน้านี้ ส่วนเงินฝากเพิ่มแรง +2.1% M-M น่าจะเป็นการตุนสภาพคล่องสำหรับการปล่อยสินเชื่อใน 4Q16 สำหรับกำไรใน 3Q16 เบื้องต้นเราคาดว่าจะออกมาดี +11% Q-Q, +7% Y-Y จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง ส่วนกำไรทั้งปีคาด -2% และปีหน้า +12.8% ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2017 ที่ 232 บาท
• (+) PLANB Valuations เริ่มน่าสนใจ โดย 2017Forward PE ปรับลงจากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือนที่ 43 เท่าเหลือ 36 เท่า แม้กำไร 1H16 -7.7% Y-Y ตามภาวะเศรษฐกิจ แต่แนวโน้มจะดีขึ้นตั้งแต่ 2H16 เป็นต้นไปจาก (1) ส่วนแบ่งรายได้ของ Hello เพิ่มขึ้น (2)การเริ่มดำเนินงานสื่อดิจิตอลใน BIGC ตั้งแต่ปลาย 2Q16 (3) ได้ส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลและบริษัทพรีเมียร์ลีก และ (4) มีพอร์ตของสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดกลาง ส.ค. ที่ผ่านมา PLANB ซื้อหุ้น 50% ใน Bright SkyMedia ทำให้ PLANB มีพื้นที่เช่าเพื่อติดป้ายโฆษณาในสนามบินอีก 22 แห่งทั่วประเทศเรายังคาดกำไรปีนี้ +0.8% และปีหน้า +34.5% แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 7 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22-28 ก.ย. - ไทย: กกพ.ให้ยื่นขายไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไม่เกิน 50 MW
22 ก.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23 ก.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
27 ก.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (ส.ค.)
28 ก.ย. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
26-28 ก.ย. - ประชุม OPEC กับ Non-OPEC
29 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างดีหลังที่ประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ย รวมถึงให้มุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกตอบรับ BoJประกาศการเป้าหมายนโยบายใหม่ อย่างไรก็ตามตลาดปิดทำการก่อนที่จะทราบผลการประชุม FED
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังจาก FED คงดอกเบี้ย
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.60-34.70 บาท/ดอลลาร์และมีโอกาสลงมาแตะรดับ 34.55 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ API
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 13.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,331.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าเก็งกำไรก่อนที่จะทราบผลการประชุม FED ซึ่งเปิดเผยหลังจากตลาดทองคำปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research