- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 September 2016 18:17
- Hits: 930
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1500
SET Index: 1489.86 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1490 จุด หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นไปทดสอบแนวรับที่ 1465 จุด ในขณะที่โครงสร้างหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 จุด ซึ่งเป็นเป้าหมายในการฟื้นตัวที่ระดับ 61.80% ของการปรับตัวลดลงจากระดับ 1555 ไปทดสอบ 1410 จุด และเป็นแนวต้านของเส้นแนวโน้มขาขึ้นเดิม และมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1485 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1465 จุด
แนวต้าน : 1490 และ 1492
แนวรับ : 1488 และ 1485
JAS = 7.40 / 7.70, TRUE = 7.40 / 7.60, TPIPL = 2.30 / 2.40, SCB = 154 / 155, DTAC = 33.50 / 34.50
WHA Corporation (WHA TB; THB 3.24) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.40 และ 3.48 / แนวต้านสำคัญ 3.60
แนวรับ : 3.24 และ 3.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ WHA โดยมีแนวรับที่ 3.24 และ 3.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.40 และ 3.48 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.04 ลงไป
Plan B Media (PLANB TB; THB 5.30) - ซื้อ
แนวต้าน : 5.60 และ 5.80
แนวรับ : 5.30 และ 5.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ PLANB โดยมีแนวรับที่ 5.30 และ 5.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.60 และ 5.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.00 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 930 เมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นแนวรับของสัดส่วน Fibonacci ของการปรับตัวลดลงในรอบที่ผ่านมา แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 950-952 น่าจะใช้เป็นจังหวะขายทำกำไรสถานะ Long โดยมีแนวรับที่ 942-944
แนวต้าน : 950 และ 952
แนวรับ : 944 และ 942
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ขายทำกำไรสถานะ Long ใน S50U16 ที่แนวต้าน 950-952 เพื่อการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 942 และ 930
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50U16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 940 ลงไป
AAVU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวในระยะสั้น หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นสวนกับสัญญาณฟื้นตัวเมื่อวันก่อน แต่เรายังคงคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.60 และ 8.30 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 7.00
แนวต้าน : 7.40 และ 7.60
แนวรับ : 7.25 และ 7.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน AAVU16 ที่แนวรับ 7.20-7.25 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.60 และ 8.00
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า AAVU16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 7.00 ลงไป
ITDU16
เคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นที่บริเวณแนวต้าน 5.60 แต่แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80-5.90 เป็นจังหวะขายทำกำไร และมีแนวต้านสำคัญ 6.50 โดยมีแนวรับที่ 5.30 และ 5.20
แนวต้าน : 5.80 และ 5.90
แนวรับ : 5.30 และ 5.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ที่แนวรับ 5.30 และ 5.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า ITDU16 ปิดต่ำกว่าระดับ 5.00 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รอผลการประชุม FOMC
หลังดัชนี SET ขึ้นมาสูงสุดที่ 1493 จุด แล้วมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ถือว่ายังไม่มีอะไร โดยหลังจากนี้ไป เรามองว่าปัจจัยที่จะเข้ามากระทบกับดัชนี SET คงยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล หากมีก็เป็นเรื่องแรงขายพันธบัตรหรือตราสารหนี้ในเอเชียในบางตลาด ที่จะส่งผลต่อค่าเงิน ส่วนประเด็นอื่นๆ ถือยังเป็นปัจจัยหนุนกับตลาด อย่าง การประชุม FOMC ที่คาดว่าทาง FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย การประชุม OPEC (หากไม่มีการบรรลุข้อตกลง ราคาน้ำมันคงแกว่งในกรอบปัจจุบัน แต่หากมีข่าวดี ราคาน้ำมันน่าจะขึ้นไปได้มากกว่านี้) งบ Q3/16 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และผลการประชุม BoJ ในวันนี้ว่า BoJ จะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอะไรเพิ่มเติม
สำหรับแรงขายหุ้นของต่างชาติในวันจันทร์ ถือว่ายังไม่เห็นสัญญาณด้านลบ เพียงแต่เป็นการขายหลังการทำ FTSE rebalancing หรืออาจเป็นการ Shift การลงทุนจากกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่ม ที่ยังไม่แพงหรือยังไปได้ ส่วนแนวโน้มการขายหุ้นแรงๆ ของต่างชาติ เรามองว่ายังมีเปอร์เซ็นต่ำ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมหลายด้านยังหนุนการลงทุนในตลาดหุ้น แรงขายต่างชาติที่ผ่านมาเป็นแค่ ขายทำกำไร หลังดันดัชนีขึ้นมาจาก 1410 จุด
สำหรับงบ Q3/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าจะออกมาในช่วงกลางเดือนหน้า จากฐานข้อมูลของ IBES พบว่าส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้นเมื่อเทียบทั้ง YoY และ QoQ% โดยส่วนหนึ่งคงมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (ผ่านธุรกิจ Investment banking) หุ้นเด่นในกลุ่มยังคงเป็น SCB และ KBANK หากดูจากอัตราการทำกำไรของหุ้นธนาคารใหญ่-กลาง 5 ธนาคารในปีนี้ (EPS growth) พบว่าปัจจุบันอยู่ที่ -0.75% เทียบเดือนก่อนที่-0.92% ภาพตรงนี้พอได้ว่าอัตราการทำกำไรของกลุ่มธนาคารผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
ในวันพรุ่งนี้ หาก FED ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นเอเชีย จะขึ้นรับข่าว แต่คงไม่แรง เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายมาตลอด โดยแนวโน้มดัชนี SET น่าจะขึ้นไปแตะ 1500 จุด (อย่างช้าอาทิตย์หน้า) แล้วจะขึ้นต่อหรือปรับตัวลง ยังต้องดูปฎิกริยาของต่างชาติ หากขายออกมาในมูลค่าที่สูง ดัชนี SET ก็อาจย่อลงมาและเล่นในกรอบต่ำกว่า 1500 จุดไปอีกสักพัก แต่หากยังซื้อต่อดัชนีจะดีดตัวขึ้น กลุ่มที่มองว่าน่าสนใจมากขึ้น คือ สื่อสารใหญ่ ธนาคารพาณิชย์บางตัวและอสังหาริมทรัพย์ (สร้างบ้านและรับเหมา) โดยกลุ่มเหล่านี้มีจุดเด่นคือ ราคาหุ้นยังไม่แพงมาก ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและเล่นที่ค่า P/E ไม่สูงมากนัก
หากกลับไปดูดัชนี SET ที่วิ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากแรงซื้อของต่างชาติหลังการทำ Brexit vote ในวันที่ 23 มิ.ย. ถึงปัจจุบัน จะพบว่ากลุ่มที่ขึ้นแรง จะเป็นกลุ่มที่โตจากภายใน ส่วนกลุ่มที่ขึ้นได้ไม่มากจะเป็นหุ้นที่อิงสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น defensive และหุ้น Laggard บางกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาล หากตลาดปรับฐานในช่วงสั้นเสร็จ เรามองหุ้นในกลุ่มที่กล่าวมา จะน่าสนใจกว่ากลุ่มอื่น (ดูรูปด้านซ้าย) ส่วนรูปขวา คือหุ้นใน SET 50 ที่ให้ Dividend Yield 12 เดือนล่วงหน้าสูง
การปรับตัวลงของดัชนีเมื่อวานนี้เป็นการลงในช่วงสั้น แล้วจะค่อยๆดีดตัวกลับ โดยวันนี้มองดัชนี SET จะดีดตัวขึ้นกลับ จากแรงหนุนของดัชนีในภูมิภาค ราคาน้ำมันและแรงซื้อของต่างชาติ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1480-1485 และแนวรับที่ 1468-1463 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ESSO SPALI CK และ PSL
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: ในวันพรุ่งนี้ หาก FED ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นเอเชีย จะขึ้นรับข่าว แต่คงไม่แรง เนื่องจากอยู่ในความคาดหมายมาตลอด โดยแนวโน้มดัชนี SET น่าจะขึ้นไปแตะ 1500 จุด แล้วจะขึ้นต่อหรือปรับตัวลง ยังต้องดูปฎิกริยาของต่างชาติ หากขายออกมาในมูลค่าที่สูง ดัชนี SET ก็อาจย่อลงมาและเล่นในกรอบต่ำกว่า 1500 จุดไปอีกสักพัก แต่หากยังซื้อต่อดัชนีจะดีดตัวขึ้น กลุ่มที่มองว่าน่าสนใจมากขึ้น คือ สื่อสารใหญ่ ธนาคารพาณิชย์บางตัวและอสังหาริมทรัพย์ (สร้างบ้านและรับเหมา) โดยกลุ่มเหล่านี้มีจุดเด่นคือ ราคาหุ้นยังไม่แพงมาก ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและเล่นที่ค่า P/E ไม่สูงมากนัก หากกลับไปดูดัชนี SET ที่วิ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากแรงซื้อของต่างชาติ จะพบว่ากลุ่มที่ขึ้นแรง จะเป็นกลุ่มที่โตจากภายใน ส่วนกลุ่มที่ขึ้นได้ไม่มากจะเป็นหุ้นที่อิงสินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น defensive และหุ้น Laggard บางกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาล หากตลาดปรับฐานในช่วงสั้นเสร็จ เรามองหุ้นในกลุ่มที่กล่าวมา จะน่าสนใจกว่ากลุ่มอื่น การปรับตัวลงของดัชนีเมื่อวานนี้เป็นการลงในช่วงสั้น แล้วจะค่อยๆดีดตัวกลับ โดยวันนี้มองดัชนี SET จะดีดตัวขึ้นกลับ จากแรงหนุนของดัชนีในภูมิภาค ราคาน้ำมันและแรงซื้อของต่างชาติ โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1480-1485 และแนวรับที่ 1468-1463 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ESSO SPALI CK และ PSL
Themes play :
KSL : เราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ สำหรับ KSL โดยมีราคาเป้าหมาย 4.58 บาท จากมุมมองขาขึ้นของราคาน้ำตาลในตลาดโลกและผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ที่คาดว่าจะออกมาดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจไฟฟ้าหลังจากที่โรงไฟฟ้าที่บ่อพลอยได้มีการเลื่อนการปิดซ่อมบำรุงไปเป็นไตรมาส 3/59 ส่งผลให้ไตรมาสนี้สามารถเดินเครื่องสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทได้ (ต่างจากอดีตที่ปกติจะปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าในไตรมาส 4) สำหรับราคาน้ำตาลที่ปัจจุบันปรับขึ้นมายืนในระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 22.69 เซนต์/ปอนด์ (เพิ่มขึ้น 49% นับจากต้นปีที่ 15.21 เซนต์/ปอนด์) จากปริมาณการผลิตอ้อยที่ออกมาน้อยกว่าคาดของบราซิลและภาวะความขาดแคลนน้ำตาลในตลาดโลกที่มากกว่าที่ตลาดประเมินก็จะเป็นปัจจัยช่วยหนุนราคาน้ำตาลให้ปรับตัวขึ้นต่อได้ในปีนี้ นอกจากนั้นแล้ว KSL ยังมีแผนจะนำบริษัทย่อยในธุรกิจเอทานอลเข้ามาจดทะเบียนในตลาดในช่วงต้นปีหน้าก็จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นของบริษัทอีกด้วย
ประเด็นในสัปดาห์
22 ก.ย. : การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อกำหนดนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
22 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Existing Home Sales เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.39 ล้านยูนิต
23 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Markit U.S. Manufacturing PMI เดือนก.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 52.0
Fundamental Stock :
KTB : Company Note (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท)
Technical Pick:
SET Index มีแนวรับ 1465 จุด แนวต้าน 1485 จุด
Nava Nakorn (NNCL TB; THB 1.32) - ซื้อ
Star Sanitaryware (STAR TB; THB 5.10) - ซื้อ
SET Index : ผันผวนในกรอบ
Retail Research Team