- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 September 2016 17:46
- Hits: 2555
บล.โนมูระ พัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดยังคงจับตา BOJ & FOMC 20-21 ก.ย.นี้ แนะสะสมหุ้นอิงการบริโภคในประเทศฟื้น (MC, SALEE) ผสานเก็ง PPAไฟฟ้าขยะ (BWG)
Nomura : Key Factors
(+) US Rate: โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ก.ย. จาก BB ยังอยู่ในระดับเพียง 20%
(*) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.63% สู่ $43.3/bbl ขณะที่เช้านี้ย่อลงสู่ $43.25/bbl
(*) Ex Factor: ระยะสั้นตลาดยังคงจับตาการประชุม FOMC และ BOJ 20-21 ก.ย. นี้
(-) Fund Flow: ต่างชาติขาย 3441 ลบ.,Short Future 12,142 สัญญา, ซื้อ Bond 1876 ลบ.
(-) Currency: ค่าเงินเอเชียเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย ก่อนการประชุมของ FED วันพรุ่งนี้
(-) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F ที่ 15.75 เท่า สูงกว่า LT Avg PER 14.7 เท่า
SET PER 16F: CNS 16x (EPS 93.25) vs Cons.15.75x (LT-Avg 14.7x)
2017 SET Target: CNS Base-Bull case 1638-1716pts(PER17F 15.75-16.5x)
2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 93.25, PER16.25x)
Nomura Daily Top Picks: MC, SALEE, BWG
Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ Sideway ในกรอบแนวต้าน 1501/1507จุด และแนวรับ 1482/1477 จุด แนวโน้มราคาน้ำมั้นดิบโลกระยะสั้นยังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดยวานนี้ช่วงแรกราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ รีบาวน์ค่อนข้างโดดเด่นกว่า +1% ตอบรับทิศทางค่าเงิน Dollar ที่อ่อนค่าลง แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบในช่วงท้ายตลาดเริ่มมีแรงขายกดดันลดช่วงบวกลงเหลือเพียง +0.6% ปิดที่ระดับ 43.3 เหรียญต่อบาร์เรล จากประเด็นกดดันของอุปทานส่วนเกินจากลีเบีย และไนจีเรีย ที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดียังคงแนะติดตามการประชุม OPEC อย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 27 ก.ย. นี้ ว่าที่ประชุมจะสามารถหารือคงกำลังการผลิตของกลุ่มได้หรือไม่ ซึ่งหากตกลงกันได้จริง จะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงถัดไป โดยจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบโลกดังกล่าว ส่งผลให้ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือปรับตัวขึ้นช่วงแรกกว่า 100 จุด และถูกแรงขายช่วงท้ายตลาด ปิดลบ -3 จุด
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญระยะสั้นที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทาง Fund Flow ในช่วงถัดไปเรายังคงแนะติดตาม การประชุม FOMC และ BOJ ในช่วง 20-21 ก.ย. นี้ โดยสำหรับการประชุม FOMC คาด FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม โดยเราให้น้ำหนักการปรับขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.2016 มากกว่า ส่วนการประชุม BOJ รอบนี้ Nomura คาด BOJ จะยังไม่เปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยนโยบายและขนาดการซื้อสินทรัพย์ แต่จะมีความพยายามในการทำให้ yield curve มีความชันมากขึ้น (ซื้อพันธบัตรระยะสั้น และขายพันธบัตรระยะยาว) ส่วนปัจจัยในประเทศ วานนี้ปริมาณการซื้อขายของตลาดอยู่ในระดับค่อนข้างสูงราว 6 หมื่นล้านบาท โดยส่วนหนึ่งคาดมาจากประเด็นการประกาศ Tender Offer ของ JAS ที่ราคา 7.25 บาทต่อหุ้น (ปริมาณการซื้อขายคิดเป็น 26% ของยอดซื้อขายทั้งตลาดวานนี้) ซึ่งหากพิจารณายอดซื้อขายสุทธิเมื่อวานทั้งตลาดพบว่า ต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิราว 3.4 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งคาดจะมาจากแรงขายของ JAS ซึ่งสะท้อนจากยอด NVDR วานนี้ที่ขาย JAS ราว 592 ล้านบาท ดังนั้นระยะสั้นจึงแนะจับตายอดซื้อสุทธิของต่างชาติอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดไป ส่วนทางด้าน Nomura เช้านี้มีการออกบทวิเคราะห์ Asia Strategy โดยมองว่าปัจจัยที่ทำให้ EM underperform ตลาดอื่นในช่วง 6ปีที่ผ่านมา มาจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่างๆลดลง ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้ EM กลับมา Outperform อีกครั้ง คือการเติบโตจากภายในที่แข็งแกร่ง ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณบวกหลังจากการปรับลดประมาณการกำไรโดยนักวิเคราะห์ใกล้สิ้นสุดลง โดยสำหรับไทย Nomura ได้มีการแนะนำหุ้นที่น่าจับตามอง ที่มี 2015-2018 EPS CAGR ที่โดดเด่น และมีมูลค่าการซื้อขายเกิน 1ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อวัน ซึ่งก็คือ BCH
Asset allocation : หุ้น 50% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 32.5%
Short-Term Strategy : ตลาดยังคงแกว่งรอการประชุม FOMC และ BOJ 20-21 ก.ย. นี้ ดังนั้นระยะสั้น ยังคงแนะสลับมาทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Mid-Small Caps อิงสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ โดยเช้านี้เรามีการออก Initiate Coverage หุ้นใน Theme : Consumer Spending Recovery เลือก MC (TP20.2) และ SALEE (TP2.0) เด่น ส่วน Nomura มีการออก Initiate Coverage กลุ่มรับเหมาฯ อิงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดย แนะนำ BUY CK (TP37.5), STEC (TP28) และ Neutral ITD (TP5.25) ผสานหุ้นที่คาดหวังกำไร 2H16 ฟื้นตัวเด่น นำโดย BCH, BJC, CPF, GFPT, BA, AAV, PSTC, TPCH, BWG, NYT, MONO และอาจเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประมูล PPA ไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50MW ยื่น 22-28 ก.ย.นี้ รู้ผล 28 ต.ค. โดยคาดผู้ที่จะเข้าร่วมประมูล คือ BWG, GENCO, CWT, AMATA, SUPER, EGCO และ SCC ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำหุ้น Portfolio Top picks SEP 2016 CPF, BA, BJC, ERW, BCP, PSTC ส่วนสำหรับวันนี้แนะนำ *Daily Top Picks: MC, SALEE, BWG*
Mid-Long Term Strategy : คาดตลาดเดือน ก.ย. 2016 ช่วงต้น มีแรงหนุนจาก FTSE Rebalance ที่เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยใน FTSE EM จาก 2.78% สู่ 3.93% คิดเป็นเม็ดเงินเข้า 1.36 พันล้านเหรียญฯ แต่ให้ใช้เป็นจังหวะลดน้ำหนักการลงทุนลงจาก 70% เหลือ 50% หลังดัชนีเข้าใกล้ PER17F 15.5X กลยุทธ์แนะเก็งกำไรหุ้นที่ FTSE เพิ่มน้ำหนักสัดส่วนสูง ได้แก่ SCC, PTT, KBANK, SCB, BDMS, CPN, BEM, KTB, MINT, CPALL และ CPF ผสาน Theme เด่น 1)FOOD ต้นทุนอาหารสัตว์ลด + Seasonal(CPF, GFPT, BR) 2) BANK Deep Valuation & Earning Recovery (BBL, SCB, KBANK) 3) Earning 2H16 (BJC, BA, AAV, MONO, PLANB, ERW, MINT) และ 4)พลังงานทางเลือกยื่นซองประมูลขยะอุตสาหกรรม&ขยะชุมชน ก.ย.–ต.ค. นี้ แนะ TPCH, PSTC, BWG เด่น สำหรับ Portfolio Top picks SEP 2016 CPF, BA, BJC, ERW, BCP, PSTC ส่วน DARK Horse BWG, BRR, MONO
Investment Theme:
. 2016 AEC Connectivity :
Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT
. 3Q16 Top Picks : Inflation Play SCB, BBL, TCAP, HMPRO, GLOBAL, CPF, GFPT
: Earning Momentum Play PYLON, ERW, PSTC
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
MC (TP20.2*): Support 13.2/13.0 Resistance 14.0/14.5
Theme : Consumer Spending Recovery
Earning Outlook : คาดยอดขายในปี 2016F จะเติบโต 13.5% y-y สู่ระดับ 4.42 พันล้าน บาท ต่อเนื่อง +14%y-y ในปี 2017F ที่ 5.04 พันล้านบาท จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
Valuation : แนะนำ ”ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 17F ที่ 20.20 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายในโซนต่ำ PER17F เพียง 12.5x
Catalyst : ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในโซนต่ำ โดยซื้อ-ขายที่ระดับ PER17F เพียง 12.5x (ต่ำกว่ากลุ่มค้าปลีกที่ 25x) อีกทั้งยังมี Dividend Yield สูงถึง 6% ต่อปี
SALEE (TP2.0*): Support 1.28/1.25 Resistance 1.4/1.5
Theme : Turnaround + Spending recovery
Earning Outlook : กำไรช่วง 2 ปีนี้จะกลับมาโตแรงปีละ 100% จากออเดอร์ทยอยฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ + ทำ M&A (ต่อยอดสู่ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ : เริ่ม 2H16) ขณะที่ ระยะสั้นคาดกำไร 2H16 45 ล้านบาท (+487% YoY, +118% HoH)
Valuation : ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ระดับ PER 17F เพียง 15x และ PEG ต่ำเพียง 0.4 เท่า (เติบโตเฉลี่ย 50% p.a. ใน 4 ปีนี้) เทียบกับผู้ประกอบการต่างประเทศที่ PER ระดับ 23 เท่า
Catalyst : ราคาหุ้นปรับฐานลง 19% สวนทางกำไร 2H16 ที่จะเป็นจุดพีค พร้อม Upside 48% + โอกาสที่ตลาดจะเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น + ในระยะยาวมีโอกาสนำบ.ลูก (เพชรสยาม) เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
BWG (TP3.14*): Support 2.16/2.06 Resistance 2.36/2.44
Theme : WISE – Eco Friendly
Earning outlook: คาดกำไรสุทธิ 3Q16F ทรงตัว q-q จากแนวโน้มปริมาณขยะส่งเข้ากำจัดในระบบมากขึ้น ประกอบกับ เตรียม COD โรงไฟฟ้าขยะที่ 1 กำลังการผลิต 8 MW ในช่วง 4Q16F
Valuation: ราคาปัจจุบันซื้อขายบนมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจกำจัดขยะเพียงอย่างเดียว โดยธุรกิจรับกำจัดขยะมูลค่า 2.26 บาทต่อหุ้น และโรงไฟฟ้าขยะ 4 โครงการ มูลค่า 0.88 บาทต่อหุ้น มี Upside สูง 41.4%
Catalyst: บริษัทเดินหน้าเข้าประมูล ยื่นขอขายไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50 MW ในวันที่ 22-28 ก.ย.16 ยังคงน้ำหนัก BWG จะชนะการประมูล 2 โครงการหรือ 16 MW
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
[email protected] : 0-2287-6771, 0-2638-5771
Wijit Arayapisit : Analyst Registration No. 044799
[email protected] : 0-2287-6871, 0-2638-5871
Chavaratt Changpakorn : Assistant Strategist
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS,Nomura)