- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 September 2016 17:02
- Hits: 1731
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : ขายที่แนวต้าน 1500
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1492.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,625 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1485 จุดขึ้นไปได้ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1500 จุด แต่เป็นจังหวะขายเพื่อลดพอร์ต
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1485 จุดที่ระดับ 50% ของการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1555 ไปทำจุดต่ำสุดที่ 1410 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังคงลดลงต่อเนื่อง จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1485 และ 1500 จุด น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญสำหรับการฟื้นตัว และมีแนวรับที่ 1465 จุด
กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1485 จุดขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1500 จุด ซึ่งเราคาดว่า น่าจะเป็นเป้าหมายในการฟื้นตัวของโครงสร้างในระยะยาว จึงแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะขายหุ้นออก เพื่อลดพอร์ต
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
JAS ขายที่แนวต้าน 7.25-7.30 แนวรับ 7.10 7.10 / 7.00 7.25 / 7.30
TRUE สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 8.00 และ 8.20 7.50 / 7.40 7.80 / 8.00
JAS-W3 ขายที่แนวต้าน 3.68-3.70 แนวรับ 3.60 3.60 / 3.56 3.68 / 3.70
DTAC แนวต้านสำคัญ 35.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 37.00 33.50 / 33.00 34.50 / 35.00
ADVANC แนวต้าน 168 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 172 และ 174 166 / 165 168 / CPALL สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 62.00 แนวรับ 59.00 60.00 / 59.00 61.00 / 62.00
SCB แนวโน้มขึ้นทดสอบ 160 แนวรับ 150 152 / 150 155 / 157
KBANK แนวต้าน 190 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 195 แนวรับ 185 186 / 185 190 / 192
BEM ขายที่แนวต้าน 7.60 แนวรับ 7.40 และ 7.20 7.40 / 7.20 7.50 / 7.60
PTT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 340 และ 350 แนวรับ 325 328 / 325 334 / 340
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 16.80) - ซื้อ
แนวต้าน : 17.70 และ 18.00
แนวรับ : 16.80 และ 16.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 40
แนะนำซื้อ UNIQ โดยมีแนวรับที่ 16.80 และ 16.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.70 และ 18.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 16.00 ลงไป
Union Petrochemical (UKEM TB; THB 1.25) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.34 และ 1.40 / แนวต้านสำคัญ 1.60
แนวรับ : 1.25 และ 1.22
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยไปทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ UNIQ โดยมีแนวรับที่ 1.25 และ 1.22 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.34 และ 1.40 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.18 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...Valuation gap ห่างกันสูงสุดในรอบ 13 ปี กำลังบอกอะไร?
การประชุม FOMC วันนี้เป็นวันแรกและผลเราจะทราบในวันพุธ ซึ่งคาดกันว่าทาง FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ส่วนการประชุม BoJ คาดคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมหลังประกาศไปก่อนหน้านี้ สำหรับเหตุการณ์ระเบิดในสหรัฐถึง 3 ครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่ตอบสนองต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งอาจจะรอการพิสูจน์ ว่าเป็นผลมาจากอะไร ส่วนแรงกดหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรป จากผลของธนาคาร Deutsche เยอรมัน ถูกฟ้องร้องให้ชำระเงิน 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ยังต้องติดตาม
ประเด็นที่ส่งผลด้านบวกกับราคาน้ำมันในตอนนี้ คือ การออกมาประกาศของรัฐมนตรีน้ำมันของเวเนซูเอล่าว่าทาง กลุ่ม OPEC และ Non OPEC กำลังจะบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต ซึ่งอาจจะประกาศในช่วง 26-28 ก.ย. นี้ ผลทางจิตวิทยาดังกล่าวได้เป็นแรงหนุนราคาน้ำมันให้ขยับตัวขึ้น และหากเกิดบรรลุข้อตกลงจริง ก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์ขึ้นไปยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่หากไม่บรรลุ ราคาน้ำมันก็น่าจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 45+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์
ประเด็นของการลงทุนในขณะนี้ คือ เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะลงต่อในตลาดหุ้นเกิดใหม่หรือไม่ และหากยังลงทุน จะลงทุนหุ้นประเภทไหน? ในประเด็นการลงทุน เรามองว่า หากดอกเบี้ยของสหรัฐยังไม่ขึ้นในเดือนนี้ เม็ดเงินลงทุนน่าจะยังอยู่ และหากซื้อเพิ่ม ก็น่าจะเป็นหุ้นประเภท Value มากกว่า Growth เหตุที่มองว่าเป็นหุ้นประเภท Value คือ ยังถูกเมื่อเทียบ Growth ขณะที่อัตราการขึ้นในปีนี้ยังต่ำกว่าและที่สำคัญมองว่าอัตราการขยายตัวของกำไรในปีหน้า (EPS growth) ของหุ้นในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เริ่มทรงๆตัว หรือขยายตัวได้มากแล้วเทียบกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาสูง
รูปด้านซ้ายคือตัวที่กำลังบ่งบอก ถึงแนวโน้มการเคลื่อนย้ายการลงทุนจาก Growth มายัง Value เนื่องจาก ส่วนต่างการประเมิน (Valuation gap) ของทั้ง 2 ห่างกันมากที่สุดในรอบ 13 ปี หรือพูดง่ายๆ ว่าหุ้น Growth แพงกว่า Value มากๆ (ผ่านค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้า) โดยหุ้นประเภท growth ค่า P/E ขึ้นไปสูงที่ 17.3 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 13.7 เท่า ส่วนหุ้นประเภท Value ค่า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 10.1 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยที่ 10.6 เท่า นอกจากนั้นอัตราการขึ้นของหุ้น Value ในปีนี้ ขึ้นเพียง 7.5% (ขณะที่ลงในปีที่แล้วถึง -14.7%) เทียบหุ้น Growth ที่ขึ้น 9.7%
เมื่อเรามาดูหุ้นประเภท Growth และ Value ของไทยที่จัดทำโดย MSCI จะพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2015 ถึงปัจจุบัน หุ้นประเภท Growth ขึ้นสูงกว่า Value ประมาณ 15% โดยหุ้นประเภท Growth ขึ้นไปเล่นใกล้เคียงภูมิภาค ขณะที่ Value เล่นต่ำกว่าภูมิภาคมากๆ ภาพตรงนี้น่าจะสะท้อนให้เห็นว่า หุ้นประเภท Value น่าสนใจมากขึ้นตามลำดับ โดยหุ้นประเภท Value ที่ถูกจัดทำโดย MSCI น่าจะเป็นหุ้นในกลุ่ม สื่อสารใหญ่ (INTUCH ADVANC) อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารและสาธารณูปโภค (คำนิยามหุ้น MSCI EM Growth จะเน้นที่ค่า EPS สูงๆ (ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต) ขณะที่ Value จะเน้น 3 ตัวแปร คือ P/BV P/E 12 เดือนล่วงหน้าและ Dividend Yield)
ทิศทางดัชนี SET ในวันนี้ไปถึงวันพฤหัสบดี คาดยังแกว่งทั้งเชิงบวกและลบ เพื่อรอดูความชัดเจนของการประชุม FOMC แต่การที่ราคาน้ำมันค่อยๆขยับตัวขึ้น น่าจะหนุนให้เกิดแรงซื้อหุ้นพลังงานเข้ามา รวมทั้งแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพื่อเก็งผลการดำเนินงาน Q3/16 โดยวันนี้มองดัชนี SET จะยังขึ้นต่อไปทดสอบใกล้ ๆ 1500 จุด แต่อาจจะเผชิญแรงขายออกมาโดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1496-1500 จุด แนวรับที่ 1485-1480 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: การประชุม FOMC วันนี้เป็นวันแรกและผลเราจะทราบในวันพุธ ซึ่งคาดกันว่าทาง FED น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ส่วนการประชุม BoJ คาดคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมหลังประกาศไปก่อนหน้านี้ สำหรับเหตุการณ์ระเบิดในสหรัฐถึง 3 ครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่ตอบสนองต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งอาจจะรอการพิสูจน์ ว่าเป็นผลมาจากอะไร ส่วนแรงกดหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรป จากผลของธนาคาร Deutsche เยอรมัน ถูกฟ้องร้องให้ชำระเงิน 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ยังต้องติดตาม ประเด็นที่ส่งผลด้านบวกกับราคาน้ำมันในตอนนี้ คือ การออกมาประกาศของรัฐมนตรีน้ำมันของเวเนซูเอล่าว่าทาง กลุ่ม OPEC และ Non OPEC กำลังจะบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต ซึ่งอาจจะประกาศในช่วง 26-28 ก.ย. นี้ ผลทางจิตวิทยาดังกล่าวได้เป็นแรงหนุนราคาน้ำมันให้ขยับตัวขึ้น และหากเกิดบรรลุข้อตกลงจริง ก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์ขึ้นไปยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่หากไม่บรรลุ ราคาน้ำมันก็น่าจะแกว่งตัวต่อในกรอบ 45+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ทิศทางดัชนี SET ในวันนี้ไปถึงวันพฤหัสบดี คาดยังแกว่งทั้งเชิงบวกและลบ เพื่อรอดูความชัดเจนของการประชุม FOMC แต่การที่ราคาน้ำมันค่อยๆขยับตัวขึ้น น่าจะหนุนให้เกิดแรงซื้อหุ้นพลังงานเข้ามา รวมทั้งแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพื่อเก็งผลการดำเนินงาน Q3/16 โดยวันนี้มองดัชนี SET จะยังขึ้นต่อไปทดสอบใกล้ ๆ 1500 จุด แต่อาจจะเผชิญแรงขายออกมาโดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1496-1500 จุด แนวรับที่ 1485-1480 จุด
Themes play :
SPALl : เราแนะนำ ซื้อ SPALI โดยมีราคาเป้าหมาย 26.75 บาท โดยเรามองประเด็นที่น่าสนใจในการลงทุน 3 ประการคือ 1) ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมามากจนกลับมามีราคาน่าสนใจในการเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยคาดหวังผลตอบแทนรวม 24% จาก upside gain 18% และอัตราเงินปันผลตอบแทนอีก 5.6% 2) แนวโน้มการเติบโตของผลกำไรมีความชัดเจนและเติบโตโดดเด่นถึง 13% ในปีหน้า 3) เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของรายได้ภาคการเกษตรที่กลับมา +3.3% yoy ในไตรมาส 2/59 จากการที่เป็นผู้เล่นที่มีสินค้าในตลาดต่างจังหวัดมากที่สุดในกลุ่มอสังหาฯ (ประมาณ 25% ของ presales เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปีก่อน) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำ presales ได้ 1.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% yoy คิดเป็น 63.7% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 2.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าบริษัทจะสามารถทำได้ตามคาด
ประเด็นในสัปดาห์
20 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Housing Starts เดือนส.ค. โดยตลาดคาด 1.19 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.211 ล้านยูนิต
20 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Building Permit เดือนส.ค. โดยตลาดคาด 1.173 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.144 ล้านยูนิต
22 ก.ย. : การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อกำหนดนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
Fundamental Stock :
JAS : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.65 บาท)
Technical Pick:
SET Index มีแนวต้านสำคัญ 1500 จุด
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 16.80) - ซื้อ
Union Petrochemical (UKEM TB; THB 1.25) - ซื้อ
SET Index : ขายที่แนวต้าน 1500
Retail Research Team