- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 September 2016 17:14
- Hits: 1074
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1485 และ 1500
SET Index: 1484.19 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1485 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านของการฟื้นตัวทางเทคนิคที่ระดับ 50% ของการปรับตัวลดลงจากระดับ 1555 ไปทำจุดต่ำสุดที่ 1410 จุด แต่ถ้าพิจารณาสัดส่วนของการปรับฐานในแนวโน้มขาลง เราคาดว่า แนวโน้มของ SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 จุดที่ระดับ 61.80% ของการปรับตัวลดลงเป็นเป้าหมายของการฟื้นตัว และแนวต้านสำคัญของแนวโน้มขาขึ้นเดิม
แนวต้าน : 1485 และ 1490
แนวรับ : 1480 และ 1477
JAS = 7.15 / 7.25, JAS-W3 = 3.60 / 3.70, DTAC = 34.00 / 35.00, ADVANC = 166 / 168, BEM = 7.40 / 7.50
VGI Global Media (VGI TB; THB 5.55) – ซื้อ
แนวต้าน : 5.80 และ 6.00
แนวรับ : 5.55 และ 5.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ VGI โดยมีแนวรับที่ 5.55 และ 5.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.15 ลงไป
Loxley (LOXLEY TB; THB 2.98) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.14 และ 3.30
แนวรับ : 2.98 และ 2.94
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ LOXLEY โดยมีแนวรับที่ 2.98 และ 2.94 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.14 และ 3.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.88 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...สิ่งที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้
อาทิตย์นี้ปัจจัยที่ตลาดจับตามองมากที่สุดคือ การประชุม FOMC ในวันที่ 20-21 ก.ย. และการประชุม BoJ วันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ เริ่มริบหรี่ลง คือประมาณ 12% (CME Fedwatch) หลังตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือน ส.ค.ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าสหรัฐคงไปขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่วนการประชุม BoJ ตลาดคาดว่าจะไม่มีมาตรการอะไรใหม่ๆ ออกมา ดังนั้นหากผลเป็นไปอย่างที่คาด เรามองว่าทิศทางตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยในอาทิตย์นี้ น่าจะสดใสขึ้น
สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกในปีนี้ เทียบกับปีที่แล้ว จะพบว่า ราคาของสินทรัพย์ส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ขึ้น อย่าง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน ทองคำ) ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ทั้งพันธบัตรและค่าเงิน ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ พันธบัตรและตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนที่แย่ลงกว่าปี 2015 คือ ดัชนีตลาดหุ้นชายขอบ ค่าเงินดอลลาร์ ดัชนีตลาดหุ้นในยุโรป และตลาดหุ้นจีน ส่วนที่ประคับประคองตัว คือการขึ้นปีนี้ เท่าๆ กับปีที่แล้ว คือ ดัชนีตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว เราจะพบว่าในปีนี้สินทรัพย์ ที่มีแรงซื้อเข้ามาหนักๆ จะเป็นพวกพันธบัตรเอกชนหรือตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ ที่ให้อัตราผลผลตอบแทนสูง จากผลของการมองว่าธนาคารกลางทั่วโลก (สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น อังกฤษ) จะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีก
อย่างไรก็ตามหลังการประชุม ECB BoJ และ BoE กลับไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมา ส่งผลให้เริ่มมีแรงขายพันธบัตรและตราสารหนี้ทั่วโลกรวมทั้งล่าสุดคือ ค่าเงินเอเชีย จากความกังขาและสังสัย ว่าธนาคารกลางเอเชียจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆออกมาหรือไม่ จากเดิมคือตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.ที่นักลงทุน Bullish ค่าเงินในเอเชียจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางเอเชีย จะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อเพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรในตลาดเอเชียที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง หากภาพที่กำลังเกิดขึ้น คือ มุมมองในเชิงบวกของนักลงทุนที่คาดหวังว่าธนาคารกลางเอเชียจะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ เริ่มลดลง ก็น่าจะทำให้เกิดแรงขาย ค่าเงินหรือตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียรวมทั้งพันธบัตรทั่วโลกแล้วทำให้อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรปรับตัวขึ้น ซึ่งตอนนี้เริ่มที่จะเห็นแรงขายค่าเงินในเอเชีย อย่าง มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ และจีน
สำหรับในตลาดหุ้นไทย ตอนนี้มีแรงซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ แต่กลับมีแรงขายตราสารหนี้ออกมา ตรงนี้อาจส่งผลกระทบกับค่าเงินบาท แต่อย่างไรก็ตาม หากมีแรงขายตราสารหนี้ในตลาดเอเชียออกมา ในส่วนของไทยน่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจาก ไทยยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต อย่าง การลงทุนของภาครัฐ และยังเปิดโอกาสในการลดดอกเบี้ย
วันนี้มองดัชนี SET อาจผันผวน หลังการทำ FTSE rebalancing มีผลไปตอนราคาปิดในวันศุกร์ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีแรงขายหลังการทำ rebalancing หรือไม่ หากไม่มีแรงขายออกมาจากเป็นแรงหนุนดัชนี SET ให้ไปต่อ แต่หากมีแรงขายออกมาดัชนีจะย่อลงในช่วงสั้นแล้วจะดีดกลับ หาก FED ไม่ขึ้นดอกเบี้ยโดยดัชนี SET มีโอกาสขึ้นไปที่กรอบ 1500-1510 จุด โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1485-1490 จุดและแนวรับที่ 1470-1465 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: อาทิตย์นี้ปัจจัยที่ตลาดจับตามองมากที่สุดคือ การประชุม FOMC ในวันที่ 20-21 ก.ย. และการประชุม BoJ วันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ เริ่มริบหรี่ลง คือประมาณ 12% (CME Fedwatch) หลังตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือน ส.ค.ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าสหรัฐคงไปขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่วนการประชุม BoJ ตลาดคาดว่าจะไม่มีมาตรการอะไรใหม่ๆ ออกมา ดังนั้นหากผลเป็นไปอย่างที่คาด เรามองว่าทิศทางตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยในอาทิตย์นี้ น่าจะสดใสขึ้น สำหรับในตลาดหุ้นไทย ตอนนี้มีแรงซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ แต่กลับมีแรงขายตราสารหนี้ออกมา ตรงนี้อาจส่งผลกระทบกับค่าเงินบาท แต่อย่างไรก็ตาม หากมีแรงขายตราสารหนี้ในตลาดเอเชียออกมา ในส่วนของไทยน่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจาก ไทยยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต อย่าง การลงทุนของภาครัฐ และยังเปิดโอกาสในการลดดอกเบี้ย วันนี้มองดัชนี SET อาจผันผวน หลังการทำ FTSE rebalancing มีผลไปตอนราคาปิดในวันศุกร์ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีแรงขายหลังการทำ rebalancing หรือไม่ หากไม่มีแรงขายออกมาจากเป็นแรงหนุนดัชนี SET ให้ไปต่อ แต่หากมีแรงขายออกมาดัชนีจะย่อลงในช่วงสั้นแล้วจะดีดกลับ หาก FED ไม่ขึ้นดอกเบี้ยโดยดัชนี SET มีโอกาสขึ้นไปที่กรอบ 1500-1510 จุด โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1485-1490 และแนวรับที่ 1470-1465 จุด
Themes play :
CPF : เราแนะนำ ซื้อ CPF โดยมีราคาเป้าหมาย 39 บาท เราคาดว่า CPF จะมีกำไรเติบโตสูงขึ้นใน 3Q16 เนื่องจากเป็นช่วงไฮ-ซีซั่นของการส่งออก บวกกับแนวโน้มที่สดใสจากอุปสงค์ไก่และกุ้งที่แข็งแกร่ง โดยใน 1H16 ไทยมีการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น 9% yoy เนื่องจากมีอุปสงค์แข็งแกร่งในญี่ปุ่น ขณะที่ราคาไก่ในประเทศน่าจะได้รับผลดีจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เพราะกำลังการผลิตส่วนเพิ่มจะถูกดูดซับด้วยการส่งออกที่ขยายตัว ส่วนปริมาณการส่งออกกุ้งของไทยเพิ่มขึ้น 35% yoy ใน 1H16 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์กุ้งจากไทยมีความต้องการสูงในตลาดโลก ทั้งนี้ CPF ยังเป็นหุ้น top pick ของเราในกลุ่มเกษตรและอาหารเนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตแข็งแกร่งถึง 52% CAGR ในปี FY16-18
ประเด็นในสัปดาห์
20 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Housing Starts เดือนส.ค. โดยตลาดคาด 1.19 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.211 ล้านยูนิต
20 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Building Permit เดือนส.ค. โดยตลาดคาด 1.173 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.144 ล้านยูนิต
22 ก.ย. : การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อกำหนดนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
22 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Existing Home Sales เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.39 ล้านยูนิต
Fundamental Stock :
BIGC : Company Note (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 220.70 บาท)
Technical Pick:
SET Index มีแนวรับ 1470 จุด แนวต้าน 1485 และ 1500 จุด
The Siam Cement (SCC TB; THB 524.00) - ซื้อ
Quality Houses (QH TB; THB 2.46) - ซื้อ
SET Index : ทดสอบแนวต้าน
Retail Research Team