- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 September 2016 17:07
- Hits: 1005
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AOT
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
SET อาจผันผวนย้อนลบบ้าง แต่คาดยังมีลุ้นขึ้นต่อได้อีก จึงยังเน้นถือ!
ตลาดหุ้นวานนี้ : ความหวังที่ว่าเฟดอาจจะยังไม่ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ช่วยหนุนให้ SET ยังสามารถขยับบวกขึ้นต่อเนื่องได้อีกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้สัปดาห์ที่แล้วดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถดีดกลับขึ้นมาถึงเกือบ 70 จุด หลังจากการปรับตัวลงแรงในรอบก่อน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ส่วนเช้านี้ SET อาจถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นบ้าง หลังขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อค่ำวันศุกร์ก็ปิดเป็นลบด้วย โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากหุ้นดอยซ์แบงก์ ดิ่งลงกว่า 9% จากข่าวค่าปรับกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเรียกร้อง และราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับลงอีกกว่า 2% จากข่าวการเพิ่มการส่งออกน้ำมันของลิเบียและไนจีเรีย แต่ FSS คาดว่ากรอบลบช่วงนี้จะยังค่อนข้างจำกัด และ SET ยังมีแนวโน้มที่จะขยับบวกต่อได้อีกมากกว่า ซึ่งพิจารณาได้จากตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นบวกได้ดี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มมีจังหวะฟื้นตัวกลับ รวมทั้งฟิวเจอร์สดัชนีดาวโจนส์ก็ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้ว่าช่วงวันหยุดจะมีเหตุการณ์ระเบิดในนิวยอร์กกดดันด้วยก็ตาม
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่าในระยะสั้นนี้ SET ยังมีโอกาสขึ้นไปแถว 1500 จุด(+/-) ซึ่งเป็นระดับดัชนีหลังมี panic sell ครั้งแรก และลุ้นสูงกว่าได้ด้วย
แนวรับ 1475-1472 , 1468-1460 จุด
แนวต้าน 1480-1482 , 1485-1487 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CSS, UKEM , HANA(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$54ล้าน โดยไหลเข้าไทยประเทศเดียว US$165ล้าน ขณะที่ไหลออกเวียดนาม US$66ล้านและฟิลิปปินส์ US$34ล้าน (ไต้หวันและเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลเข้าเพื่อรอการประชุม Fed และ BOJ ซึ่งจะมีขึ้นในกลางสัปดาห์นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) สัปดาห์สำคัญของตลาด มีทั้งการประชุม Fed 20-21 ก.ย. การประชุม BOJ 21ก.ย. แม้ตลาดจะคาดว่า Fed จะคงดอกเบี้ยในครั้งนี้ แต่ก็เพิ่มแรงกดดันในการขึ้นดอกเบี้ย15 ธ.ค. นี้ ส่วนการประชุม BOJ แม้จะมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า BOJ อาจทำนโยบายดอกเบี้ยติดลบมากขึ้น แต่ก็มีความเป็นไปได้มากที่ BOJ อาจไม่ทำอะไรแต่จะรอความเคลื่อนไหวของ Fed ก่อนเพราะหากดอกเบี้ยเฟดปรับขึ้น ค่าเงินเยนจะอ่อนไปเอง
• (+) กลุ่มไฟแนนซ์ เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ราคาปรับลงแรงในช่วงที่ตลาด correction (1-12ก.ย.) แต่การรีบาวนด์ในช่วง 4 วันที่ผ่านมาขึ้นมาน้อยกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของหลายบริษัทยังสดใส นอกจาก MTLS (ราคาพื้นฐานปีหน้า 28 บาท) และ KTC (ราคาพื้นฐานปีหน้า 168 บาท) ที่เราชอบอยู่แล้วแต่หุ้นทั้ง 2 ตัวปรับลงไม่แรงในรอบนี้ เราเห็นว่า GL ปรับลงมาจนอยู่ในจุดที่น่าสนใจอีกครั้ง โดย Forward PE ปีหน้าปรับลงจาก 50เท่าเป็น 42 เท่า ไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรที่คาด +84% ปีนี้ (2H16 ดีกว่า 1H16) และ+44% ปีหน้า จึงกลับมาแนะนำซื้ออีกครั้ง ราคาพื้นฐานปีหน้า 41 บาท สำหรับผู้ที่ชอบhigh dividend yield stock แนะนำ ASK (ราคาพื้นฐานปีนี้ 26 บาท) คาด Yield 7.5%
• (+) กลุ่มค้าปลีก แม้จะร่วงแรงกว่าตลาดไม่มากนักตั้งแต่ต้นเดือนแต่การรีบาวนด์ในช่วง4 วันที่ผ่านมากลัว laggard กว่าหลายกลุ่ม ขณะที่จับจ่ายใช้สอยของประชาชนกำลังฟื้นตัวได้ดี HMPRO, BEAUTY, BIG เป็นหุ้นพื้นฐานดีที่ปรับฐานแรงในช่วงที่ผ่านมา HMPRO(ราคาพื้นฐานปีหน้า 11.60 บาท) Forward PE ลดลงจาก 33 เท่าเหลือ 28 เท่า ขณะที่คาดกำไรปีหน้า +15% ส่วน BEAUTY (ราคาพื้นฐานปีหน้า 10.20 บาท) Forward PEลดลงจาก 41 เท่าเหลือ 36 เท่า ขณะที่คาดกำไรปีหน้า +20% ส่วน BIG (ราคาพื้นฐานปีหน้า 5.55 บาท) Forward PE ลดลงจาก 19 เท่าเหลือ 15 เท่า ขณะที่คาดกำไรปีหน้า+15% หุ้นทั้ง 3 ตัวมี PEG ตั้งแต่ 1-1.8 เท่า ซึ่งกลับมาอยู่ในระดับปกติของกลุ่มค้าปลีก
• (+) AOT เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 470 บาท (DCF) โดยปรับกำไรปกติปี 2017(ต.ค.16-ก.ย.17) ขึ้น 4% จากการเริ่มใช้ส่วนปรับปรุงของท่าอากาศยานภูเก็ตเต็มปีในปี2017 ช่วยเพิ่มกำลังรองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคน เป็น 12.5 ล้านคน ทำให้คาดกำไรปกติปีหน้า +13% ส่วนปี 2016 คาดกำไรปกติ +17% โดยกำไร 4Q16 (ก.ค.-ก.ย.16)คาด -12% Q-Q จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และ +10% Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20-21 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
20 ก.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (ส.ค.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
21 ก.ย. - BOJ ประชุม
22 ก.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23 ก.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
27 ก.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (ส.ค.)
28 ก.ย. - สหรัฐ: คำสั่ง ซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนลบแม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะออกมาดีกว่าคาด แต่ตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับต่ำกว่าคาด โดยตลาดจับตาดูการประชุม FED ในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดลบแรงพอควรนำโดยหุ้นในกลุ่มธนาคารจากข่าวทีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้เรียกร้องให้Deutsche Bank จ่ายเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเกี่ยวกับMBS
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ อย่างไรก็ตามตลาดจับตาดูการประชุม BoJ และ FED ในสัปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-34.95 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.88 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 43.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องอุปทานที่ล้นตลาดอีกครั้ง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 7.8 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,310.2 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้นก่อนการประชุม BoJ และ FED ในสัปดาห์นี้