WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1440'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ 11.35 จุดปิดที่ 1458.19 ถือว่า Outperform ภูมิภาค ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ก่อนลงแรงและเร็วกว่า ปัจจัยหนุนคือการซื้อ Cover short และการทยอยซื้อลงทุนของนักลงทุนที่มีสายป่านยาว รวมถึงการเพิ่ม Position หุ้น KBANK หลังจากได้รับการคัดเลือกเข้าไปคำนวณใน DJSI เพิ่ม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 19 ก.ย.นี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.5 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิเล็กน้อย ขณะที่รายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ


      สำหรับ วันนี้ ตลาดยังเทรดรอผลประชุมเฟด (20-21 ก.ย.) และผลประชุม BOJ (21 ก.ย.) สัปดาห์หน้า ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าเฟดจะขยับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้เลยหรือไม่ ส่วนของญี่ปุ่น นักลงทุนมีความหวังว่าอาจจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษวันนี้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายก็จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะมีผลต่อตลาดไม่มาก ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยังทรงๆที่ 95+/- จุด ดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ บวก/ลบไม่มาก ส่วนในประเทศ แม้ธปท.ปรับเพิ่ม GDP Growth ปีนี้เป็น +3.2% แต่ก็เพิ่มจากเดิมไม่มาก (เดิม +3.1%) ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงขาลงจากมูลค่าส่งออกที่ฟื้นช้าและมีโอกาสติดลบต่อในปี 60 (ธปท.คาด -2.5% ปีนี้และ -0.5% ปีหน้า) การจัดระบบทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงแต่ก็ไม่ถึงกับรุนแรง กลยุทธ์ : ยังคแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ธุรกิจและกำไรยังเติบโตได้ดีหลังราคาอ่อนตัวแรง ทั้งนี้ เน้นเพื่อการเล่นเด้งตามรอบไว้ก่อน (จนกว่าจะมีปัจจัยบ่งชี้ทางบวกใหม่เข้ามาแล้วค่อยถือยาว) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น LPH
    การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1470, 1480 สำหรับหุ้นแนะนำซื้อตามค่าบวก ได้แก่ KBANK, KTB, GPSC, JMART, BH, LPH, IVL, BWG (ดูรายละเอียดใน Traders Spectrum)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
อังกฤษ : วันนี้มีประชุม BOE คาดคงนโยบายการเงินไว้ที่เดิม
วันนี้ 15 ก.ย.59 มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งผลสำรวจคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25% ก่อน

- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับลงเล็กน้อยและ DJIA ปิดเหนือระดับ 18,000
      ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่ยังไม่แน่นอน และราคาพลังงานที่ลดลง แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้นสวนทางตลาดเพราะการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลหลังจากยอดจองไอโฟน 7 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ลดลงแรง ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 18,034.77 จุด ลดลง 31.98 จุด หรือ -0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,173.77 จุด เพิ่มขึ้น 18.52 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,125.77 จุด ลดลง 1.25 จุด หรือ -0.06%

- ราคาน้ำมันดิบ : ปรับลดลงต่อ
      สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 43.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.ดิ่งลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 45.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดันยังคงเป็นปริมาณอุปทานที่สูง โดยเฉพาะจากลุ่มโอเปกที่หลายประเทศผลิตน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบางเดือนของปีนี้
    ด้าน EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนลดลง 5.59 แสนบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้นเกินคาด โดยเฉพาะน้ำมันกลั่นที่เพิ่ม 4.6 ล้านบาร์เรลจากที่คาดว่าจะเพิ่ม 1.5 ล้านบาร์เรล

ราคาทองคำ : ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย
     สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,326.1 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด 20-21 ก.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น

ไทย : กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย & ปรับเพิ่ม GDP Growth ปีนี้เป็น +3.2% (เดิม +3.1%)
      คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.59) และปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 59 เป็น +3.2% (เดิม +3.1%) เพราะการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 2 สูงกว่าคาด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล สำหรับภาคส่งออกยังประเมินมูลค่า -2.5% ในปีนี้เหมือนเดิม สำหรับปี 60 ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยไว้ที่ +3.2% โดยมีการปรับลดมูลค่าส่งออกจากเติบโต 0% เป็น -0.5%
      ทั้งนี้ ธปท.ได้มีการปรับลดตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 59-60 ลดลงเป็น 33.6 และ 36.3 ล้านคน/ปี (จากเดิม 34 และ 36.7 ล้านคน/ปี) สะท้อนการจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญที่จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงไป อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ส่งผลกระทบไม่มากและเป็นเพียงช่วงสั้นๆ
      ด้านอัตราเงินเฟ้อปี 59 ประมาณการไว้ที่ 0.3% (เดิม 0.6%) ส่วนปี 60 คาดไว้ที่ 2.0% (เดิม 2.2%)

+ กลุ่มไฟแนนซ์ : ผู้ประกอบการในไทยเร่งขยายกิจการในภูมิภาคมากขึ้น
      ผู้ประกอบการไฟแนนซ์ในไทยกำลังหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปในภูมิภาคมากขึ้น หลังจากการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตในไทยค่อนข้างอิ่มตัว เพราะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเศรษฐกิจเติบโตไม่มาก (ประมาณ 3+% ต่อปี) ขณะที่เศรษฐกิจของหลายประเทศในภูมิภาคยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะ CLMV ซึ่งไฟแนนซ์ที่มีการขยายธุรกิจไปแล้วและกำลังจะทำเพิ่มอีก ได้แก่ AEONTS, GL, SAWAD, บริษัทย่อยของ BAY เป็นต้น ซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นโอกาสเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจก็ต้องมีพันธมิตรท้องถิ่นและ Platform ของธุรกิจที่ดีเพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็น NPL และบริหารต้นทุน & ค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกลุ่มไฟแนนซ์ ทีมกลยุทธ์ Retail research ยังคงให้ GL เป็นหุ้น Top pick โดยราคาพื้นฐานทางฝ่ายวิจัยฯ เราให้ไว้ที่ 50 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

---------------------------------------

 

BSP

 

adsoptimal100

paidtoclick copy

  

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!