- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 September 2016 17:19
- Hits: 1150
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ไปต่อๆ'
SET วานนี้ยังคงได้รับอานิสงค์ต่อเนื่องมาจากวันก่อนหน้า รวมถึงได้รับข่าวดีจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับเป้าการเติบโตของ GDP ไทยปี 59 ขึ้นเป็น 3.2% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.1% เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงมียอดซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวลดลงตามดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สำหรับกลุ่มที่หนุนดัชนีให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากได้แก่กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นกว่า 8% รวมถึงกลุ่มปิโตรเคมี และธนาคารที่เพิ่มขึ้น 6% และ 5% ตามลำดับ ปิดตลาดดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.35 จุด (0.78%) และรวม 2 วันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 3%
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) ความกังวลต่อนโยบายของธนาคารกล่าง หลังจากที่ ECB ไม่ได้ขยายวงเงิน QE ตามที่ตลาดคาด ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อท่าทีของ BOJ และ FED
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 2.9% จากวันก่อนหน้า มาอยู่ที่ 43.58 US/barrel หลังจาก IEA หั่นคาดการณ์ฝั่งอุปสงค์ ทำให้คาดว่าตลาดน้ำมันจะเริ่มตึงตัวในช่วง 2H17 ซึ่งช้ากว่าคาดการณ์เดิม
(+) วานนี้นักลงทุนต่างประเทศ Net Buy หุ้นไทย 1.4 พันลบ. รวมตลอดทั้งเดือนก.ย. Net Buy 1.26 หมื่นลบ.
(+) จับตา Fund Flow ไหลเข้าจากการ Rebalance FSTE INDEX (16 ก.ย.)
(+) EIA เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 559,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล
(+/-) กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11
(+/-) เบน เบอร์นันเก้ อดีตประธาน FED เผย FED ควรพิจารณาการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ แม้ว่าเฟดอาจจะยังไม่จำเป็นต้องรีบใช้ในเร็วๆนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ราคาน้ำมันดิบและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหลัก
การระบาดของโรคไข้ซิก้าในประเทศไทย
การประชุม BOE ในช่วงเย็นนี้ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%
อัตราเงินเฟ้อของ EU ช่วงเย็นวันนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐ ยอดค้าปลีก วันพฤหัส เงินเฟ้อ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิชิแกนวัน ศุกร์
การประชุม FOMC และ BOJ ในสัปดาห์หน้า 20-21 ก.ย.
กลยุทธ์การลงทุน 'เก็งกำไรเร็ว'
ประเมินดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ แม้ว่าภาพรวมของดัชนีจะถูกกดดันจากกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง แต่เรายังมองว่าเม็ดเงินจากการ Rebalance FSTE INDEX ซึ่งจะสิ้นสุดวัน ศุกร์นี้จะยังเป็นปัจจัยหลักที่ประคองดัชนี แนะนำเก็งกำไรสั้นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงเช่นสายการบิน และแนะนำลดน้ำหนักกลุ่มที่รีบาวด์แรง มาสู่กลุ่มที่ยัง laggard ตลาดเช่นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
BA เก็งกำไร
ได้โมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ผลให้ต้นทุนของสายการบินยังคงอยู่ในระดับต่ำ
แนวโน้ม 2H ขยายตัวจาก High Season ของสมุยในไตรมาส 3
เน้นการขยายตลาดผ่านการทำ Code Share กับสายการบินทั่วโลก สร้างการขยายตัวในระยะยาว
CK เก็งกำไร
หลังเซ็นงานเพิ่มโครงการไซยะบุรีแล้วยังเตรียมรับงานต่อจาก BEM ในโครงการเดินรถสายสีน้ำเงินเพิ่ม (มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท)
พร้อมประมูลงานภาครัฐทุกโครงการโดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้นทาง (ส้ม ชมพู และเหลือง)
บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้จากเดิม3.5-3.8 หมื่นลบ.เป็น4.4-4.5หมื่นลบ.
ทีมวิเคราะห์
---------------------------------------