- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 September 2016 17:05
- Hits: 736
บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ในช่วง 2 วันนี้คาด SET มีโอกาสฟื้นต่อไปที่ 1,470-1,480 จุด โดยแรงหนุนของต่างชาติ กลยุทธ์การลงทุน แนะหุ้นที่มีกำไรเด่นใน 3Q59 (GFPT, TFG, BDMS, BCH, RJH, LPH, HANA, BA) หรือสะสมหุ้นปันผลสูง (ASK, RATCH, TTW, EASTW, ADVANC, INTUCH, MCS) Top picks คือ TFG([email protected]) และ BA([email protected])
ผลการประชุมธนาคารกลางโลกระยะสั้นยังไม่มีประเด็นใหม่
ผลการประชุม กนง.วานนี้เป็นไปตามที่คาด คือ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% (ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 11 หรือตั้งแต่ เม.ย.2558) เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัว แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก และค่าเงินบาทที่ยังผันผวน นอกจากนี้ กนง. ยังปรับเพิ่ม GDP Growth ปี 2559 เป็น 3.2% จาก 3.1% ในครั้งก่อนหน้า แต่ใกล้เคียงกับ Consensus คาดเฉลี่ยที่ 3.3% (ASPS คาดที่ 3.5%) ประเด็นนี้จึงไม่มีน้ำหนักต่อตลาดเท่าไรนัก
ส่วนต่างประเทศ วันนี้คาดผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) น่าจะคงดอกเบี้ยฯ ที่ 0.25% เนื่องจากการประชุมรอบที่ผ่านมา เพิ่งปรับลดดอกเบี้ย 0.25% (ครั้งแรกในรอบ 7 ปี) และเพิ่มวงเงิน QE 4.35 แสนล้านปอนด์ (คิดเป็น 14.5% ของ QEของสหรัฐในช่วงวิกฤตซับไพรม์)
แต่ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนัก น่าจะเป็นการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางญี่ปุ่น วัน(BOJ) 20-21 ก.ย. นี้ โดยเฉพาะ Fed น่าจะมีการชี้นำถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและ ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ ก.ย. และ พ.ย. แต่น่าจะมุ่งไปที่การประชุมรอบ ธ.ค. ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ เห็นได้จากผลสำรวจ Fed fund future มีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ย 52% ถือว่ามากสุด เมื่อเทียบกับรอบอื่น ๆ อีก 2 ครั้ง แต่ ASPS ยังเชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงที่ยังมีอยู่รอบด้าน Fed น่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยฯ ใน 1H60
ที่มา : ASPS
ราคาน้ำมันยืนเหนือ 40 เหรียญฯ สต๊อกน้ำมันลด และ Dollar ทรงตัว
วานนี้มีรายงานสต็อกน้ำมันของสำนักสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) สิ้นสุดสัปดาห์ (9 ก.ย.) สต็อกน้ำมันดิบลดลง 0.6 ล้านบาร์ล เทียบกับ ตลาดคาดการณ์เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับน้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะดีเซลที่เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล และเบนซินเพิ่มขึ้น 0.6 ล้านบาร์เรล สะท้อนภาพกำลังซื้อในสหรัฐที่ยังคงชะลอตัว
และ Dollar Index ยังคงแกว่งตัวเคลื่อนไหวระดับ 95.3 จุด ช่วยหนุนราคาน้ำมันให้สามารถยืนเหนือระดับ 40 เหรียญฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามต้องติดตามการประชุมในกลุ่ม OPEC วันที่ 26-28 ก.ย. ที่จะถึงนี้ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงคงกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันให้ขึ้นไปซื้อขายระดับ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้หรือไม่ สำหรับนักลงทุนระยะกลางยาว ที่ต้องการเพิ่มการลงทุนหุ้นน้ำมัน ขอให้รอ ผลการประชุมของ OPEC เพื่อประเมินผลอีกครั้ง
ต่างชาติขายหุ้นทั้งภูมิภาค ยกเว้นไทย
วานนี้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เป็นแห่งเดียวที่หยุดทำการ เนื่องจากเป็นวัน Harvest Moon และจะเปิดทำการอีกครั้ง 19 ก.ย. นี้ ภาพรวมต่างชาติได้สลับมาขายสุทธิหุ้นภูมิภาคราว 252 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว) โดยขายสุทธิถึง 3 ประเทศ นำโดยไต้หวันขายสุทธิ 198 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 5) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 64 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 5) และฟิลิปปินส์ 34 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่องนานถึง 15 วัน) ยกเว้นตลาดหุ้นไทยที่ยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 มูลค่าราว 42 ล้านเหรียญ หรือ 1.5 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันฯที่ซื้อสุทธิราว 361 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิราว 7.6 พันล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิราว 6.4 พันล้านบาท (ขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 5 วัน โดยมียอดรวม 1.2 หมื่นล้านบาท)
ข้อมูลแสดงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าออกรายเดือนของแต่ละประเทศในภูมิภาค
SET ฟื้น แนะหุ้นที่กำไรเด่นงวด 3Q59 : BCH, TFG, BA
ท่ามกลางดัชนีผันผวน โดยคาดว่า SET น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1435-1460 จุด ทำให้การเก็งกำไรระยะสั้นจะเริ่มจำกัด จึงน่าจะเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐาน โดยเน้นหุ้นที่มีกำไรในงวด 2H59 อาทิ โรงพยาบาล ท่องเที่ยว และ โรงแรม ประกันฯ ส่งออกอาหาร และ ชิ้นส่วนฯ เป็นต้น
กลุ่มโรงพยาบาล : คาดงวด 3Q59 กำไรกลุ่ม ร.พ. จะสูงสุด จากผลของฤดูกาล (โรคต่างๆที่มากับฤดูฝน) และคนไข้ต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อน และ ปีนี้วันถือศีลอด(รอมฎอน) ตกงวด 3Q59 เพียง 7 วัน เทียบกับปีก่อนที่ 21 วัน โดย BDMS (FV@B27) เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีการกระจายตัวของคนไข้ที่ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง และยังได้รับประโยชน์ทางภาษี หลัง BOI มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์เป็นครั้งแรกในประเทศ ส่วน BH(FV@B220) แม้กำหนดเป้ารายได้ทรงตัว แต่แผนการลดต้นทุนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย รวมทั้งการเร่งเปิดคลินิคทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นศูนย์ส่งต่อผู้ป่วย น่าจะช่วยหนุนกำไรปีนี้จะยังเติบโต 7% และเพิ่มขึ้นอีก 10.7% ในปีหน้า ส่วนหุ้นขนาดกลาง BCH (FV@B14) จะพลิกกลับมาเติบโตก้าวกระโดดทั้งจากช่วงฤดูกาลและการเพิ่มศักยภาพ รพ.เก่า และการเตรียมขยายสาขาใหม่ และจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ทำให้มั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตถึง 34%yoy ขณะที่รายได้จาก WMC ดีขึ้นเป็นลำดับจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรในปีหน้า ส่วน RJH (FV@B24) คาดปีนี้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่าเท่าตัว จากทำเลที่ดี และการบกระดับการให้บริการศูนย์โรคหัวใจและไตเทียม บวกกับราคาหุ้นยังมี upside สูง 17.6% ส่วน LPH(FV@B12) คาดปีนี้เติบโตถึง 70% และโตแรงต่อเนื่องในปี 2560 จากเปิดเพิ่ม 9 ศูนย์ Excellent Center ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน 42% โดยยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจากดีลรพ.เดชาที่คาดจะทราบผลสิ้นเดือนนี้
กลุ่มประกันฯ : เชื่อว่า bond yield curve น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รวมทั้งการที่ คปภ. ได้พิจารณาปรับอัตราคิดลด (discount rate) ที่เหมาะสมใหม่รองรับกรณีอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำ ส่งผลบวกต่อ BLA ([email protected]) มีการตั้งเงินสำรองฯ กรมธรรม์ลดลง หนุนกำไรปกติยังอยู่ในทิศทางที่ดี และ น่าจะเข้าสู่ช่วง Peak ในช่วง 4Q59 เช่นเดียวกับ BKI (FV@B409) คาด 3Q59 ขึ้นทำ peak ของปี เนื่องจากเป็นช่วงต่อสัญญาประกันภัยโดยเฉพาะในกลุ่มงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะช่วยหักล้างผลกระทบจากรายได้จากธุรกิจลงทุนที่จะเห็นการลดลงของรายได้จากเงินปันผลเนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาล
กลุ่มสายการบิน : ช่วง 3Q59 เป็นช่วง high season เกาะสมุย ส่งผลบวกโดยตรงต่อ BA ([email protected]) โดยคาดว่า Cabin Factor ช่วง 2H59 จะสูงกว่า 1H59 ที่ 69.6% หนุนยอดทั้งปีจะสูงกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่ 68.3% ขณะที่ต้นทุนน้ำมันช่วงที่เหลือของปี คาดว่าจะลดลงจาก 2H58 ที่ 90 เหรียญฯ เนื่องจากได้ทำสัญญาล่วงหน้าในช่วง 2H59 ไป 50% ของปริมาณใช้ที่ราคาราว 60 เหรียญฯฯ และส่วนที่เหลืออีก 50% ยังคาดมีต้นทุนราคาใกล้เคียงราคาปัจจุบันที่ 60-65 เหรียญฯ
กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม น่าจะดีเป็นรายหุ้นแม้ยังไม่เข้าสู่ high season ในช่วง 4Q59 คือ ERW ([email protected]) นั้นคาดงวด 3Q59 จะมีกำไรสูงกว่า 2Q59 จากอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นจาก 2Q59 อีก 8% สู่ 79% และน่าจะมีกำไรเพิ่มต่อเนื่องจนถึง 4Q59 และยาวไปจนถึง 1Q60 ซึ่งเป็นช่วง Peak Season ท่องเที่ยว ส่วน CENTEL (FV@B46) ธุรกิจโรงแรม 2H59 คาดเติบโตตามทิศทางการท่องเที่ยวไทย โดยดีสุด 4Q59 จากช่วง High Season ส่วนธุรกิจอาหารยังเติบโตจากยอดขายเดิม และขยายสาขาใหม่จากการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย และช่วงเทศกาลวันหยุดต่าง ๆ ในช่วงปลายปี MINT (FV@B44) ธุรกิจโรงแรมในงวด 3Q59 มีแรงหนุนจาก High Season ในโปรตุเกส ส่วนธุรกิจอาหาร ยังมีสัญญาณเป็นบวกต่อเนื่องจากยอดขายร้านอาหารเดิม (SSS) ที่ยังเติบโตได้ดี รวมทั้งการขยายสาขาร้านอาหารใหม่ ช่วยหนุนให้ธุรกิจอาหารรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% yoy
กลุ่มชิ้นส่วนฯ : แม้ทิศทางเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งขึ้นจนนำไปสู่การปรับสมมติฐานเฉลี่ยทั้งปี 2559-60 เป็น 35 บาท แต่การแข็งค่าที่ค่อยเป็นค่อยไป ผนวกกับเป็นช่วง high season ของการส่งออก ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรกลุ่มฯ เติบโตสูงกว่า 1H59 โดยเฉพาะ KCE (FV@B110) และ SVI ([email protected]) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 2H59 เติบโตโดดเด่นจากกำลังการผลิตใหม่ๆ ที่เข้ามาต่อเนื่อง พร้อมกับแนะนำซื้อ HANA (FV@B39) ที่จะเห็นการ turnaround ของผลการดำเนินงานในงวด 2H59 และสามารถคาดหวัง div yield ได้ถึง 6% p.a. (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
กลุ่มเกษตร-อาหาร : แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานงวด 3Q59 ของกลุ่มเกษตร-อาหาร จะเติบโตจากงวด 2Q59 จากการเข้าฤดูกาลส่งออกอาหารสู่ต่างประเทศ ทำให้ราคาไก่ และ สุกร ยังทรงตัวสูงต่อเนื่องจากงวด 2Q59 อีกทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองอ่อนตัว เนื่องจากจีนเร่งระบายสต็อกข้าวโพด และผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองในสหรัฐฯ ออกสู่ตลาด โดยเลือก TFG ([email protected]) จากปัจจัยบวกราคาไก่และสุกรอยู่ในระดับสูง และซื้อ GFPT (FV’[email protected]) BR ([email protected]) ที่ได้ผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง และ CPF ([email protected])
นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้น ที่มีพื้นฐานแกร่ง เงินปันผลสูง โดยเข้าเงื่อนไขคือ เงินปันผลสูงเกินกว่า 4% ต่อปี, Ex.P/E ไม่เกิน 15 เท่า, มีความผันผวนต่ำ (Beta ไม่เกิน 1) และมี upside สูงเกินกว่า 15% คือ
MCS ([email protected]) คาด 3Q59 ผลประกอบการโดดเด่นจากปริมาณการส่งออกรวมทรงตัวระดับสูง รวมทั้งการแข็งค่าของเงินเยน และมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ
RATCH (FV@B60) หุ้น Defensive เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว คาดหวัง upside จากโครงการต่างประเทศได้
และ ASK ([email protected]) ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 7% ทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากโครงการก่อสร้างภาครัฐหนุนความต้องการใช้สินเชื่อรถบรรทุก
อีกกลุ่มหนึ่งมีเงินปันผลสูง แต่อาจจะมีค่า Beta สุง และ ราคาหุ้นปรับตัวแรง โดยเข้าเงื่อนไข คือ Dividend Yield แต่ 3.5% ขึ้นไป P/E ต่ำกว่าตลาดฯ และ upside ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป คือ
TTW ([email protected]) หุ้นปันผลสูง ราคาหุ้นไม่ผันผวน ขณะที่ปัญหาภัยแล้งผ่านพ้นไปแล้ว หนุนผลประกอบการดีขึ้น ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาช่วยเพิ่ม upside ให้น่าสนใจอีกครั้ง
EASTW ([email protected]) หุ้นปันผลสูงเช่นกัน คาดผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 หลังผ่านช่วงภัยแล้งไปแล้ว และกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งปี 2560
GLOW (FV@B95) จุดเด่นที่กระแสเงินสดในระดับสูง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมีความสม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถคาดหวังปันผลพิเศษที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2559 และ 60 อาจปรับตัวลดลงจากโรงไฟฟ้า IPP ที่รายได้ค่าความพร้อมจ่ายตามสัญญา (AP) อยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งยังมีการ shutdown ทั้ง planned และ unplanned เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม GLOW ยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลงทุนใหม่ ถือเป็น upside ในอนาคต
HANA (FV@B39) งวด 3Q59 เข้าสู่ช่วงฤดูกาลส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 2H59 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น จากสินค้าในกลุ่มยานยนต์ การแพทย์ และ RFID ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard SET และกลุ่มฯ ค่อนข้างมาก ราคาที่ปรับลงถือเป็นจุดเข้าสะสมที่ดี โดยมี PER เพียง 10.5 เท่า และยังคาดหวังปันผลได้มากกว่า 6%
SCCC (FV@B342) แผนการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศสร้างผลกำไรที่เติบโตในระยะยาว โดยฐานะการเงินแข็งแรงพอสำหรับการลงทุน แต่อาจมีโอกาสเพิ่มทุนบางส่วนเพื่อลด Net Gearing ลง
PTT (FV@B400) ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นในช่วงสั้น
ADVANC (FV@B189) ยังเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสุดของกลุ่มสื่อสาร ศักยภาพการแข่งขัน และรักษาตำแหน่งผู้นำอย่างยั่งยืนด้วยการมีคลื่นในมือกว่า 55 MHz อย่าวงไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้การเติบโตของกำไรในปีนี้ลดลง ก่อนจะกลับมาเติบโตในปีหน้า
รวมทั้งเลือกลงทุนในหุ้น property fund ที่มีความผันผวนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ได้แก่ CPNRF, TFUND และ POPF เป็นต้น
ภรณี ทองเย็น
-เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ
fผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์