- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 September 2016 16:57
- Hits: 781
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดอาจยังผันผวน แต่มีลุ้นขึ้นต่อได้อีกมากกว่า ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือ!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังสามารถแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องได้อีก แม้ว่าจะผันผวนตลอดทั้งวัน และเป็นการขยับขึ้นได้แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ด้วย คาดว่าเนื่องจากตลาดหุ้นบ้านเราปรับตัวลงมาก่อนหน้าไปมากพอควรแล้ว ขณะที่ช่วงนี้สถาบันในประเทศก็เริ่มกลับมามียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังค่อนข้างเบาบางก็ตาม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวย้อนลบได้ หลังจากรีบาวด์กลับขึ้นมาถือว่าแรงพอควรในช่วง 2 วันนี้ และเช้านี้ยังถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเป็นลบต่ออีก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงอีกเกือบ 3% ทั้งจากการที่ IEA ระบุว่าอุปสงค์น้ำมันขยายตัวต่ำกว่าคาด และการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่ยังคงปรับสูงขึ้น รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนยังรอดูผลประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์หน้า(20-21 ก.ย.) ด้วยว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเลยหรือไม่ อย่างไรก็ตามกรอบลบของ SET ช่วงนี้คาดว่าน่าจะค่อนข้างจำกัดมากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาตลาดปรับตัวลงมาเยอะมากแล้ว และ FSS คาดว่า SET ยังลุ้นขึ้นต่อได้อีก
กลยุทธ์ : คาดว่า SET อยู่ในช่วงแกว่งตัวบวกกลับ หลังการปรับตัวลงแรงรอบก่อน โดยระยะสั้นมีโอกาสกลับขึ้นไปแถว 1500 จุด(+/-) ซึ่งเป็นระดับดัชนีเมื่อต้นสัปดาห์ก่อนจากแรงขาย panic sell รอบแรกได้...ซื้อแล้วจึงยังเน้นถือ!
แนวรับ 1456-1453 , 1450-1448 จุด
แนวต้าน 1462-1465 , 1470-1477 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CENTEL, TKN , HANA(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$255ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$198ล้าน อินโดนีเซีย US$64ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$42ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลเข้าเพื่อรอความชัดเจนของการประชุม Fed ก่อน และยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่เพราะเจ้าหน้าที่ Fed หลายท่านที่ยังแสดงความเห็นไม่สอดคล้องกัน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) กนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในช่วงฟื้นตัวแต่ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยมีการปรับคาดการณ์ GDP ปี 2016 เพิ่มเป็น 3.2% จาก 3.1% จากการลงทุนภาครัฐฯเป็นตัวสนับสนุน เรามองว่าโอกาสลดดอกเบี้ยหลังจากนี้จำกัดซึ่งถือเป็นผลดีทางอ้อมกับกลุ่มแบงก์ (SCB KBANK) และเช่าซื้อ (KKP) รวมถึง BLA
(+) KSL กำไรสุทธิ 3Q16 ต่ำกว่าคาด -51% Q-Q, -62% Y-Y จากปริมาณขายลดลงและปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าเพราะน้ำไม่พอใช้ ส่วนแนวโน้ม 4Q16 ยังไม่สดใส เรามองจะผ่านกำไรแย่สุดในปีนี้ โดยปรับลดกำไรปีนี้ลงเป็น -11% Y-Y จากเดิมคาด +1.2% Y-Y ส่วนปีหน้าคาดกำไรจะกลับมาโตดี 49.5% Y-Y จากราคาขายน้ำตาลที่คาดสูงขึ้น 35% ชดเชยปริมาณขายที่คาดลดลง 14% จากภัยแล้ง และแนวโน้มราคาน้ำตาลตลาดโลกยังดีต่อเนื่อง เราปรับลดราคาพื้นฐานปี 2017 เหลือ 4.30 บาท ยังคงคำแนะนำ ทยอยซื้อ
(+) TISCO เราคาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิปี 2016 เติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ราว 18% Y-Y และโตต่อเนื่องอีก 6.3% Y-Y ในปี 2017 ตามสินเชื่อที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในรอบ 4 ปี ราว 5% จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ค่อยๆฟื้นตัวรวมถึงสินเชื่อ Consumer finance อื่นๆ ขณะที่ภาระการตั้งสำรองฯคาดว่าจะลดลงเข้าใกล้ระดับปกติ ซึ่งนอกจาก Upside ที่เปิดกว้างราว 17% แล้ว Dividend Yield คาดว่าจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจถึง 4.8% ในปีนี้ เราปรับใช้ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 60 บาท และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ
(+) BCH แนวโน้มกำไรในช่วง 2H16 ยังสดใสจากทั้งกลุ่มลูกค้าเงินสดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก WMC รวมถึงฝั่งประกันสังคมจากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีโอกาสได้รับเงินจากสำนักงานประกันสังคมสูงกว่าที่มีการบันทึกรายได้ไว้ ขณะที่การลงทุนต่างๆยังคงเป็นไปตามแผนทั้งการสร้างโรงพยาบาลใหม่ 4 แห่งและ Renovation โรงพยาบาลเดิม 4 แห่ง นอกจากนี้ WMC มีโอกาสลุ้นพลิกมามีกำไรได้ในช่วงปลายปีนี้จากการเจาะตลาดลูกค้าต่างประเทศ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2016 และ 2017 เติบโต 27.7% Y-Y และ 15.9% Y-Y ตามลำดับ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 14 บาท
(+) K จาก Opportunity Day วานนี้ยังคาดหวังได้ถึงการเติบโตใน 2H16 ที่เป็น High Season ของทั้งการรับรู้รายได้งานตกแต่งภายในและตกแต่งบูธงานแสดงสินค้า โดยปัจจุบันมี Backlog รองรับราว 500 ลบ.และอยู่ระหว่างประมูลงานอีกกว่า 800 ลบ. เราคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 16% Y-Y และโตต่ออีก 29% Y-Y ในปีหน้า โดย K จะจ่ายหุ้นปันผลในอัตรา 10:1 (ขึ้น XD วันที่ 22 ก.ย. 16) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน 2016PER เพียง 17 เท่าและจะลดเหลือเพียง 13 เท่าในปีหน้าซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับกลุ่มซึ่งอยู่ที่ 25 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.80 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ก.ย. - อังกฤษ:BOEประชุม
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
14-16 ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการเนื่องในวัน Harvest Moon Day
15-16 ก.ย. - ตลาดหุ้นจีนและไต้หวันปิดทำการ
16 ก.ย. - FSTE 2016 Semi-Annual Review (เพิ่ม KBANK, SCC, GPSC, VIBHA, IMPACT และเอาออก THRE)
- ตลาดหุ้นฮ่องกงและมาเลเซีย ปิดทำการ
- สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
20-21 ก.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
20 ก.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (ส.ค.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ส.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย โดยปัจจัยกดดันมาจากปรับลงของหุ้นกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 3% อย่างไรก็ตาม มีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นตามการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ล
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง รวมถึงแรงกดดันจากการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดไม่สดใสนัก เป็นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้แรงกดดันจากราคาน้ำมันและความกังวลต่อการประชุมเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.83-34.86 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดลบ 1.32 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 43.58 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนอกจากตลาดจะกังวลต่อรายงานของ IEA ที่คาดอุปสงค์น้ำมันจะขยายตัวต่ำกว่าคาด EIA ยังระบุตัวเลขสต๊อคน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,326.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch