- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 September 2016 19:04
- Hits: 1640
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ธนาคารกลางใหญ่ก่อความสับสน
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลกจากความไม่ชัดเจนว่าธนาคารกลางของโลกกำลังจะดำเนินมาตรการอย่างไรต่อไปและราคาน้ำมันร่วงแรงหลังจากทั้ง OPEC และ IEA คาดการณ์ว่าน้ำมันจะยังล้นตลาดไปอีกในปีหน้า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ออกมาให้ข่าวขัดกันเองเรื่องอัตราดอกเบี้ย แผนของ BOJ เรื่องการจะดำเนินการให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสูงขึ้นและระยะสั้นลดลงหรือคงที่ ทำให้ตลาดมองว่า BOJ กำลังจะเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ ในขณะที่ ECB กำลังทบทวนนโยบายการเงินของตนเช่นกัน วันนี้ ธปท.ก็มีประชุม กนง. ซึ่งเราคาดว่าจะคงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 11 ติดต่อกันจากการที่อุปสงค์ภายในประเทศดีขึ้นและเงินเฟ้อก็ขยับขึ้น ในขณะที่ ครม.มีมติคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไปอีก 1 ปี
หุ้นเด่นวันนี้ : WIIK (Bt4.22; BUY; 17TP AWS Bt6.30)
WIIK มีแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสมาก ในปี 2559-2560 เป็นผลจากความต้องการการจัดสรรน้ำประปาสะอาดคุณภาพสูง รวมถึงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เฉพาะ ธุรกิจหลักของ WIIK คือการผลิตและจำหน่ายท่อ HDPE และอุปกรณ์ข้อต่อที่ใช้สำหรับการส่งน้ำ การระบายน้ำ และการกำจัดน้ำเสีย เราคาดหวังวงจรขาขึ้น สำหรับท่อ HDPE ที่จะมาแทนท่อเหล็กและท่อคอนกรีต เราคาดอัตราการเติบโตของยอดขายท่อ HDPE เติบโต 19% ในปี 2559 และเติบโต 12% ในปี 2560 อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าเพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2015 เป็น 21%-22% ในปี 2559-2560 ขณะเดียวกัน WIIK ขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจการบริหารจัดการน้ำ โดยการลงนามในสัญญา 20 ปีกับ Siam Eastern Industrial Park ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง คาดว่ามีรายได้ที่สม่ำเสมออย่างน้อย 48 ล้านบาทต่อปี บริษัทวางแผนจะเพิ่มจำนวนลูกค้าสองรายทุกปี และมีแนวโน้มว่าธุรกิจนี้จะทำรายได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต เราคาดว่า WIIK จะมีอัตราการเติบโตของEPS ที่แข็งแกร่งของ 67% ในปี 2559 และ 27% ใน ปี 2560 เราแนะนำซื้อ WIIK และให้ราคาเป้าหมายที่ 6.30 บาท ประเมินโดยวิธี sum-of -the-parts แยกเป็นการใช้ PER ที่ 14 เท่า ในปี 2560 สำหรับธุรกิจ ท่อ HDPE ได้ค่าเท่ากับ 5.80 บาท บวกเพิ่มด้วยมูลค่า DCF ของธุรกิจการบริหารจัดการน้ำอีก 0.47 บาท ปัจจุบัน WIIK PER เพียง 10.8 เท่า ในปี 2559 และ 9.7 เท่า ในปี 2560 และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 5.5 % ในปี 2559 ถือว่าเป็นหุ้น Undervalued ปัจจัยทางเทคนิคพบว่า Price Pattern ของ WIIK ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 5.15 บาท ดังนั้นการอ่อนตัวของ WIIK ถือเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นตราบเท่าที่ Price Pattern ของ WIIK ยังไม่กลับมาเกิด Daily Sell Signal ครั้งใหม่ ทั้งนี้ WIIK มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 4.0 บาท (Resistance: 4.32, 4.42, 4.54; Support: 4.20, 4.10, 3.98)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ไฟเขียวยืดเวลาแวต 7% วานนี้ ครม.ได้เห็นชอบการขยายอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ไปอีกหนึ่งปี ถึง 1 ก.ย. 60 เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศยังเดินหน้าไปได้จากการเติบโต GDP ที่ 3.2% และ 3.5% ในไตรมาสมาส 1 และ 2 ปี 59 ตามลำดับ (Bangkok Post) ความเห็น: สอดคล้องกับการคาดการณ์เราให้ใช้นโยบายการคลังเชิงขยายตัวภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่บอบบาง
เห็นพ้องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ครม. ไฟเขียวร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (2560-2564) ซึ่งจะใช้ในช่วง 1 ต.ค. 59 ถึง 31 ก.ย. 64 ตั้งเป้า GDP เติบโตปีละ 5% ค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา 1.5% ของ GDP และรายได้ต่อหัวที่ 8,200 ดอลลาร์สหรัฐ (286,500 บาท) เพิ่มจากปัจจุบัน 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการศึกษาภายในประเทศและคุณภาพชีวิต (Bangkok Post)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการลงทุนฉบับใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรเงินจำนวน 9,897 ล้านบาท จากงบกลางประจำปีให้แก่การลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรืออปท. (Matching Fund) จำนวน 7,851 โครงการซึ่งเน้นไปที่การพัฒนาเส้นทางการคมนาคม โครงการพัฒนาน้ำดื่ม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและโครงการสาธารณูปโภคเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมทั้งโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต อปท. จะต้องเสนอโครงการลงทุนดังกล่าวภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนการจัดสรรงบประมาณมีกำหนดเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2560 (Bangkok Post)
อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะคงอยู่ที่ระดับ 1.5% จากผลสำรวจของรอยเตอร์ส นักวิเคราะห์ 24 รายจากทั้งหมด 25 รายคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 1 วัน ไว้ที่ระดับ 1.5% ในการประชุมวันนี้ นักวิเคราะห์ส่วนมากยังคาดการณ์อีกว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ (Bangkok Post) ความเห็น: เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับ 1.5% เนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้
PTTGC (57.50 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 67.00 บ.) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ลงนามร่างข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) กับ Kuraray ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษชั้นนำของโลกสัญชาติญี่ปุ่น และ บริษัท Sumitomo Corporation ซึ่งเป็นบริษัทการค้าระหว่างประเทศสัญชาติญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนในการร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในรายละเอียดรวมถึงการออกแบบทางวิศวกรรม (FEED: Front-End Engineering Design) ของโครงการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High-Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) ในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตต่อปีที่ 13,000 ตัน และ 16,000 ตัน ตามลำดับ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2563 (SET) ความเห็น การลงทุนดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ PTTGC ในการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และนับเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนระยะยาว 5 ปีของ PTTGC มูลค่ารวม 4.5 พันล้านดอลลาร์ฯ อยู่แล้ว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 67.00 บ.
ต่างประเทศ
พันธบัตรสหรัฐระยะยาวปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อวันอังคาร จากปริมาณพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชนจำนวนมากและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายธนาคารกลางทั่วโลก ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีปิดลดลง 18/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.73 % หลังจากเพิ่มขึ้นไปถึงที่ระดับ 1.752% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 3 มิ.ย. ส่วนราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ลดลง 1-16/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.468% หลังจากที่ไต่ถึงที่ระดับ 2.488% ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 23 มิ.ย. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนเมื่อวันอังคาร หลังจากผลกระทบจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดรายหนึ่งค่อย ๆ ลดลง ก่อให้เกิดความต้องการดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐล่าสุดปิดเพิ่มขึ้น 0.29% อยู่ที่ระดับ 95.372 จุด ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.31% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.16 เยน หลังจากที่ร่วงลงอยู่ที่ระดับ 101.43 เยนในช่วงแรกของการซื้อขาย (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงหนักเมื่อวันอังคาร จากแรงฉุดกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิ่งและหุ้นในกลุ่มการเงินที่ปรับตัวลงเนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้เริ่มลดน้อยลง นอกจากนี้ ยังมีท่าทีอะลุ่มอล่วยของเจ้าหน้าที่ 3 คนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับความเห็นเชิงแข็งกร้าวจากเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลงเป้นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับตัวลงแรงของราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ปัจจัยบวกก่อนหน้านี้จากความเห็นในเชิงผ่อนคลายทางการเงินของ Lael Brainard ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ได้บรรเทาลงไป (Reuters)
เอเชีย :
BOJ วางแผนลดอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบให้ลึกขึ้นในสัปดาห์หน้า ในขณะที่การซื้อสินทรัพย์พบกับความล้มเหลวที่จะนำพา อัตราเงินเฟ้อ ไปสู่เป้าหมายที่อัตรา 2% และการลดอัตราดอกเบี้ยควรส่งผลทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัว รายงานโดยหนังสือพิมพ์ the Nikkei ฉบับวันพุธ ทาง BOJ อาจจะทำการซื้อพันธบัตรรัฐบาลครั้งใหญ่ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น the Nikkei กล่าวว่าการทำเช่นนั้นธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการเพิ่มการถือครองพันธบัตรรายปีที่ 80 ล้านล้านเยน (780 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) (Nikkei)
อาเบะท้าทายเศรษฐกิจ. นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อะเบะ กล่าวว่าผลกระทบของนโยบายการเงินของ BOJ จะค่อย ๆ แพร่กระจายไปยั
ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และประเทศกำลังจะสามารถหลบหนีจากภาวะเงินฝืดได้ แม้ความเสี่ยงต่อแนวโน้ม เศรษฐกิจโลกอ่อนแอจะยังเพิ่มขึ้น (Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของจีนขยายตัวเร็วกว่าที่คาด ในเดือน ส.ค. เป็นเพราะตลาดที่อยู่อาศัยแข็งแกร่งและการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลหนุนการเจริญเติบโต โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 6.3% YoY ในเดือน ส.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์เพิ่มขึ้นเพียง 6.1% ยอดค้าปลีกออกมาสูงกว่าคาดการณ์ คือมีการเจริญเติบโตเร่งขึ้นไปเป็น 10.6% จาก 10.2% ในเดือน ก.ค. จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เพิ่มขึ้น 10.3% การลงทุนโดยบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของเพิ่มขึ้น 21.4% ใน 8 เดือนแรกของปี 2559 การใช้จ่ายด้านการคลังของจีนเพิ่มขึ้น 12.7% อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เพิ่มขึ้น 6.2% YoY ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบกับ 1.4% ในเดือน ก.ค. ขณะที่ยอดขายพื้นที่ว่างแต่ละชั้นเพิ่มขึ้น 25.5% (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงถึง 3% วันอังคาร เพราะทั้ง IEA หน่วยงานดูแลด้านพลังงานของโลกและ OPEC พร้อมใจกันปรับคาดการณ์ที่สะท้อนว่าปริมาณน้ำมันล้นเกินยังคงอยู่นานกว่าที่คาด Brent ลบ 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำเป็นลบวันอังคาร กดดันโดยดอลลาร์ที่ยืนได้และความไม่แน่นอนว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้าหรือไม่ แต่ตลาดหุ้นที่มีโอกาสอ่อนลงก็ทำให้มีแรงหนุน ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.3% อยู่ที่ 1,323.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับขึ้น 0.1% ปิด 1,327.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094