- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 September 2016 18:17
- Hits: 1091
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เปิดฟื้นตัวเด่นขึ้นไปทดสอบแนวต้านย่อย 1,437 จุด ผลักดันด้วยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE อย่าง PTT / KBANK / SCC เป็นสำคัญ บวกกับบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเป็นบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1,446.84 จุด บวก 34.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,278 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 4,164 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,063 สัญญา แต่คงขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 3,628 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ต่างชาติสะสมหุ้นไทยหนาแน่นต่อเนื่อง
ติดตามการประชุมกนง.วันนี้ เราคาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50%
IEA คาดภาวะสมดุลย์ระหว่างอุปทานและอุปสงค์จะยืดไปเป็นปลายปีหน้า จากเดิมคาดปลายปีนี้
โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้าคงที่ที่ 22%
SBL วานนี้สูงถึง 3.6 พันล้านบาท นำโดย PTT 468 ล้านบาท, AOT 283 ล้านบาท และ SCC 197 ล้านบาท
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง
หลัง SET INDEX ฟื้นตัวปิดยืนเหนือ 1,438 จุดวานนี้ เราเชื่อว่า SET INDEX จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อทดสอบด่าน 1,465-1,470 จุด ซึ่งมีความเป็นไปได้ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จากการปรับดัชนี FTSE ซึ่งจะต้องใช้เงินปรับพอร์ตมากถึง 4.0 หมื่นล้านบาท +/- จับตาหุ้นเกี่ยวข้อง FTSE เช่น SCC / KBANK/ PTT / SCB / BDMS/ LH / RATCH เป็นต้น
สำหรับท่าทีของกองทุนในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์ วานนี้ Long สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 11,352 สัญญา อีกทั้งกองทุนภายในประเทศกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 626 ล้านบาท เทียบกับวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 3,196 ล้านบาท ทำให้เราเชื่อว่าสถาบันภายในประเทศน่าจะทยอยสะสมหุ้นหลักบางส่วน หรือ Covered Short ที่ขายไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามกลุ่มพลังงานที่ช่วยพยุงภาพ SET INDEX อาจเผชิญกับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลัง IEA เปลี่ยนมุมมองภาวะสมดุลย์ของตลาดน้ำมันถูกยืดเป็นปลายปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้ "เก็งกำไรหุ้นหลัก" โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE ในปลายสัปดาห์นี้ หรือ หุ้นที่ถูก SBL สูงระหว่างวันที่ 1-13 ก.ย. ได้แก่ PTT 1.59 พันล้านบาทKBANK 1.21 พันล้านบาท และ SCC 1.07 พันล้านบาท สำหรับกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,435-1,455 จุด
Strategy of the Day
1. สะสม BJC : ราคาปิด 41.50 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น BJC และคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง หลังนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้ พร้อมทั้ง Refinance เงินกู้ระยะยาวส่งผลให้ Cost of Debt ลดลง และจะมีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 1 พันล้านบาท จากการคืนหนี้สกุลยูโร
b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก ถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท จาก Synergy ที่ครบวงจร ทั้งผู้ผลิต - จัดจำหน่าย - ค้าปลีก ซึ่งเริ่มเห็นผลบวกแล้วตั้งแต่ 2Q59 ที่ผ่านมา
c) จะไป Roadshow กับ โบรกเกอร์ต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย. และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวก จากการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น และ Valuation ยังมี Discount จากหุ้นในกลุ่มค้าปลีก โดย BJC ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 3.7 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.6 เท่า, HMPRO 6.7 เท่า และ GLOBAL 2.8 เท่า
2. สะสม KTB : ราคาปิด 17.50 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะยัง Outperform ตลาด จากการเกิด Short Covering และเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น KTB ลดลง -7.9% เทียบกับ SET INDEX -6.6% และ SET BANK -5.6%
b) คาดกำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตสูง yoy เนื่องจาก 3Q58 มีการตั้งสำรองสูงเป็นจำนวนมากของ SSI ขณะที่ qoq คาดว่าจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น แม้ว่าการปล่อยสินเชื่อจะไม่ฟื้นตัวชัดเจน แต่คาดว่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นใน 4Q59 ที่เป็น High Season ของความต้องการสินเชื่อหมุนเวียน
c) Valuation ถูก ซื้อขายที่ PER2560 เพียง 7.3 และ PBV2560 ที่ 0.9 เท่า และให้เงินปันผลสูงถึงปีละ 5%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$136 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทิ US$568 ล้าน
ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเดียวใน TIP ที่ต่างชาติซื้อสุทธิ
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเร่งซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 มากถึง 4,164 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 9,061 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 126,463 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,063 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 12,325 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Short อีกครั้ง ส่งผลให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1.36 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.58 จุด ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิลดลงเป็น 30,584 สัญญา
และนักลงทุนกลุ่มนี้ คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 3,628 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 5,894 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยเริ่มทรงตัวดีขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 เพียง 0.04bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 5.31bps ปิดที่ 2.181%
Short-Selling วานนี้
สูงถึง 3,575 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า2,033 ล้านบาท และ SBL กระจายตัวไปใน 87 หุ้น
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 และเน้นหุ้น SCC ต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 2,016 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,967 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 3,983 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR สะสมหุ้น SCC ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE ในปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT สูงสุด 274 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 106 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
IEA ประเมินภาวะอุปทานส่วนเกินจะยืดเยื้อไปถึงปี 2560: IEA ประเมนภาวะอุปทานส่วนเกินจะยังคงอยู่ไปในจนถึงปลายปี 2560 จากความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโตเพียงเล็กน้อย ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภาวะอุปทานส่วนเกินของโกจะยังเกิดขึ้นในปี 2560 เป็นปีที่ 4 จากเดิมคาดว่าจะเข้าสู่จุดสมดุลย์ในปลายปีนี้ ความต้องการเติบโตในระดับต่ำสุด 2 ปีใน 3Q59 จากความต้องการใช้น้ำมันจีนและอินเดียทรงตัว
ยุโรป
สภาอียูไม่เปิดให้อังกฤษเข้ามาทำธุรกิจกับอียูหากปฎิเสธเรื่องคนอพยพ: ตัวแทนการเจรจาของสภาอียูต่อกรณี Brexit นาย Guy Verhofstadt ยืนยัน อียูจะไม่รับการเข้ามาทำกิจกรรมการค้าของอังกฤษ หากอังกฤษยังจำกัดการเคลื่อนย้ายคนของอียูแบบเสรี เงื่อนไขนี้ไม่สามารถแยกจากเงื่อนไขการเจรจาอื่นๆ ได้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายเสรีในตลาดอียูได้แก่ สินค้า, บริการ, เงินทุน และแรงงาน
อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษทรงตัว: อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% mom เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่ต่ำกว่า Poll Reuters คาด 0.7% mom เนื่องจากราคาเสื้อผ้า, โรงแรม และไวน์ที่ลดลง ถูกชดเชยจากราคาน้ำมัน, อาหาร และค่าโดยสารเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น
สภาสูงของอังกฤษยืนยัน Brexit ต้องผ่านการลงคะแนนในสภา: House of Loards กล่าวถึงกรณี Brexit นั้นรัฐบาลจะต้องดำเนินตามขั้นตอนด้วยการได้รับการอนุมัติจากสภาฯ การไม่ปรึกษาสภาก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ผลการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย. เป็นเพียงการปรึกษาเท่านั้น รัฐบาลต้องปฎิบัติตามผลดังกล่าว
จีน
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาเป็นบวก
- ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 10.6% yoy เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 10.2% yoy และ Poll Reuters ที่ 10.3% yoy โดยยอดขายรถยนต์แข็งแกร่งสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งในเดือนส.ค.
- เงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เพิ่มขึ้น 8.1% ในช่วง 8M59 ดีกว่า Poll Reuters คาดเล็กน้อย โดยการลงทุนยังคงขยายตัวในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2542 ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มขึ้นเพียง 2.1%
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.3% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +6.0% yoy และช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เติบโต 6.1% yoy
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดเงินครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.: ธนาคารกลางจีนกลับมาใช้เครื่องมืออัดฉีดสภาพคล่องผ่าน Repo 28 วัน มูลค่า 6.0 หมื่นล้านหยวนในวันที่ 13 ก.ย. ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเป็น 2.55% จาก 2.60% ในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมขาย Repo 14 วัน 3.0 หมื่นล้านหยวน และ Repo 7 วัน 7.0 หมื่นล้านหยวน เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยทรงตัวที่ 2.40% และ 2.25% ตามลำดับ
เอเชียแปซิฟิก
ตัวเลขเศรษฐกิจในอินเดียส่งสัญญาณกลาง
- อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 5.05% yoy ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 5.20% yoy และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.07% yoy โดยราคาอาหารเพิ่มขึ้น 5.91% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 8.35% yoy
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. หดตัว 2.4% yoy สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาด +1.4% yoy
ไทย
ครม.คง VAT 7% ไปอีกหนึ่งปี: ครม. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ... เพื่อขยายระยะเวลาการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มใน (VAT) ในอัตรา 7% ต่อเนื่องออกไปอีก 1 ปีคือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.- 30 ก.ย. 2560 จากเดิมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.2559 และจะปรับขึ้นไปเป็น 10%
ครม.ผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12: ครม.ผ่านแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 รองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วางเป้าหมายหรูเด็กไทย 70% ต้องอีคิวไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เศรษฐกิจต้องขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 5 และประชาชนมีรายได้ต่อหัวเป็น 2.9 แสนบาทต่อปี ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ รวม 40 แผนงาน ในระยะ 5 ปีต้องใช้งบประมาณในการลงทุนกว่า 3 ล้านล้านบาท
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst