- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 September 2016 18:22
- Hits: 6311
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เน้นถือหุ้นดี มีปันผล”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : NWR (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่ออีก 33.43 จุดปิดที่ 1411.85 โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.นำขายสุทธิ 3.2 และ 2.0 พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติและรายย่อยซื้อสุทธิ 3.4 และ 1.8 พันล้านบาท ตามลำดับ ปัจจัยกดดัน คือความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และความไม่แน่นอนในประเทศตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์เพราะคลายกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงสั้น หลังนางเบรนนาร์ด ซึ่งเป็น 1 ในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐกล่าวสุนทรพจน์หนุนให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยรอบก.ย.นี้ไปก่อน ซึ่งแย้งกับท่าทีของประธานเฟดสาขาบอสตัน ดัลลัส และแอตแลนตาที่หนุนให้เฟดพิจารณาทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งความเห็นที่ Mixed ทำให้ตลาดมีโอกาสผันผวนได้อีก สำหรับปัจจัยในประเทศ ยังขาดปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามาหนุน ยกเว้นราคาหุ้นและ Valuation ที่ต่ำลง
กลยุทธ์ : เลือกซื้อหุ้นที่ธุรกิจและกำไรยังเติบโตได้ดีขณะที่ราคาร่วงลงแรง ทั้งนี้เน้นเพื่อการเล่นเด้งตามรอบไว้ก่อน (จนกว่าจะมีปัจจัยบ่งชี้ทางบวกใหม่เข้ามาแล้วค่อยถือยาว) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น JASIF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ แต่มีโอกาสเด้งจากภาวะ Oversold โดยมีแนวต้านระยะสั้น1420-1430, 1440 ส่วนแนวเด้งอยู่ที่ 1400, 1380 จุด สำหรับหุ้นแนะนำซื้อทางเทคนิค (ทั้งซื้อตามค่าบวก / ซื้อจังหวะอ่อนตัว) ได้แก่ BBL,KTB, INTUCH, KBANK (ดูรายละเอียดใน Traders Spectrum)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : สุนทรพจน์ของนางเบรนนาร์ดสนับสนุนเฟดให้ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปก่อนนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์โดยแนะนำให้เฟดใช้ความระมัดระวังมิให้ปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป เพราะมีความกังวลต่อผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศที่จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้นางเบรนนาร์ดยังระบุว่า ตลาดเกิดใหม่ และจีน ยังคงมีความเสี่ยงในช่วงขาลงเนื่องจากการลงทุนและการบริโภคที่อ่อนแอ...ความเห็นดังกล่าว ทำให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยลงในช่วงสั้น
• สหรัฐ : ประธานเฟดแอตแลนตาหนุนเฟดหารือเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้อย่างจริงจังนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่าสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัว(อัตราเงินเฟ้อเพิ่มเป็น 1.6% และกำลังเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาวที่ 2%, อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% จากเป้าหมายระยะยาวที่ 5%) หนุนให้เฟดควรทำการหารืออย่างจริงจังในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งความเห็นของเฟดแอตแลนตาสอดคล้องกับท่าทีของประธานเฟดสาขาบอสตันและดัลลัสที่หนุนให้สหรัฐทยอยทำ Policy normalization โดยมองว่าการใช้นโยบายผ่อนคลายเป็นเวลานานเกินไปไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว
- สหรัฐ : ผลสำรวจระบุผู้บริโภคคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อระยะ 1 ปีและ 3 ปีข้างหน้าสูงขึ้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ค เปิดเผยผลสำรวจรายเดือนพบว่าการคาดการณ์ของผู้บริโภคต่อแนวโน้มราคาในอนาคตได้ดีดตัวขึ้นในเดือนส.ค.59 โดยค่ากลางในการสำรวจอัตราเงินเฟ้อระยะ 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนส.ค. (สูงสุดในปีนี้) จาก 2.5% ในการสำรวจเดือนก.ค.59 ส่วนค่ากลางระยะ 3 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ 2.7% จาก 2.5%ในเดือนก.ค.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : เด้งขึ้นหลังดิ่งแรงดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,325.07 จุด พุ่งขึ้น 239.62 จุด หรือ +1.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,211.89 จุดเพิ่มขึ้น 85.98 จุด หรือ +1.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,159.04 จุด เพิ่มขึ้น 31.23 จุด หรือ +1.47% ปัจจัยหนุน คือความเห็นของนางเบรนนาร์ดที่ว่าเฟดควรดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการฟื้นตัว
• ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย...โอเปกคาดอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานจากสหรัฐลดลงสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ +0.9% ปิดที่ 46.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ +0.7% ปิดที่ 48.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ รายงานของกลุ่มโอเปกประจำเดือนก.ย.ที่ระบุว่าตลาดน้ำมันกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลจากการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันที่ดีกว่าคาด โดยโอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.23 ล้านบาร์เรล/วันในปี 59 และมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ 94.27 ล้านบาร์เรล/วัน (สำหรับกลุ่มโอเปกอุปสงค์ปีนี้เพิ่ม 1.7 ล้านบาร์เรล/วันเป็น 31.70 ล้านบาร์เรล/วัน) สำหรับปี 60 คาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น1.15 ล้านบาร์เรล/วัน และมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ 95.42 ล้านบาร์เรล/วัน (สำหรับกลุ่มโอเปกอุปสงค์ปี 60 เพิ่ม 0.8 ล้านบาร์เรล/วันเป็น 32.50 ล้านบาร์เรล/วัน) และกลุ่มโอกเปกคาดว่าอุปทานน้ำมันจากกลุ่มที่อยู่นอกโอเปกจะลดลง 610,000 บาร์เรล/วันในปี 59 สู่ระดับเฉลี่ย 56.32 ล้านบาร์เรล/วัน จากการที่สหรัฐลดการผลิตน้ำมัน
- ราคาทองคำ : ปิดลดลงต่อสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ระดับ 1,325.6 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนในตลาดทองคำเห็นถึงความไม่แน่นอนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ จึงชะลอการลงทุนลงก่อน
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ธุรกิจโรงพยาบาล : ไตรมาส 3 เป็น High season และปีนี้มีไข้หวัดใหญ่ & ไวรัสซิก้าระบาดด้วยโดยปกติไตรมาส 3 ซึ่งเป็นฤดูฝนจะเป็น High season ของธุรกิจโรงพยาบาลอยู่แล้ว เนื่องจากจะมีผู้ป่วยโรคหวัดและทางเดินหายใจสูงขึ้น และในปีนี้มีไข้หวัดใหญ่ และไวรัสซิก้าระบาดด้วย (ล่าสุดทางกทม.ยอมรับว่ามีไวรัสซิก้าระบาดในบางพื้นที่ และผู้ป่วย 22 รายไม่ได้อยู่แค่เขตสาทร รวมทั้งรอผลการตรวจเชื้อจากห้องปฎิบัติการอีก 30 ราย โดยทางการกำลังเร่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายซึ่งเป็นต้นเหตุ) ทำให้ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์สูง เป็นผลดีต่อธุรกิจโรงพยาบาล และการเติบโตของหลายโรงพยาบาลยังไปได้ดีในระยะยาว หลังมีการขยาย & เข้าซื้อกิจการมาอย่างต่อเนื่องสำหรับหุ้นโรงพยาบาลใน DBSV Coverage ที่มี Upside และน่าสนใจทยอยซื้อลงทุน คือ BDMS (ราคาพื้นฐาน 27 บาทมี Upside 24%) และ LPH (ราคาพื้นฐาน 10.90 บาท มี Upside 41%)
+ ANAN (ราคาปิด 4.14 บาท, ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท) : คาดกำไรปี 60 เติบโตแข็งแกร่ง 66%บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q59 ที่ 210 ล้านบาท +192% y-o-y และ +41% q-o-q ดีกว่าที่ตลาดคาดถึง 39% สืบเนื่องจากการโอนคอนโดได้เร็ว ทางบริษัทมีการปรับเพิ่มเป้ายอดขายปีนี้เป็น 21.5 พันล้านบาท (จากเดิม 20.5 พันล้านบาท)สืบเนื่องจากการขายในปัจจุบันไปได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และผู้บริโภคหันมาซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้นทั้งให้เป็นบ้านหลังแรกและบ้านหลังที่สองเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตในยุคปัจจุบัน บริษัทจะมีการเปิดขายโครงการใหม่ของบริษัทร่วมทุน 1 โครงการใน 3Q59 และอีก 2 โครงการใน 4Q59 ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายและกำไรในช่วง2 ปีข้างหน้าต่อไป
ราคาหุ้น ANAN ได้ร่วงลงมาแล้ว 23% จากระดับสูงสุด (ที่ 5.40 บาท) เป็นจังหวะทยอยซื้อลงทุน ทั้งนี้เราชอบ ANAN ที่จะเติบโตโดดเด่นมากในปี 60 ขณะที่อุตสาหกรรมจะขยายตัวได้ไม่มาก ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประมาณการกำไรสุทธิปี59-60 ขยายตัว 17% และ 66% ตามลำดับ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 5.60 บาท ซึ่งอิงกับเป้าหมาย P/E ปี 60 ที่ 8 เท่า
+ JASIF (ราคาปิด 11.50 บาท, ราคาพื้นฐาน 12.20 บาท) : ปันผลสูง (จ่ายทุกไตรมาส)งวด 2Q59 มีกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 13% y-o-y เป็น 1.27 พันล้านบาท สืบเนื่องจากรายได้เพิ่ม 11% y-o-y ถ้าเทียบกับ q-o-q ก็เพิ่มขึ้นได้ 3% การโอนย้ายเครือข่ายใหม่ (new fiber) เป็นไปแผน คือจะได้รับเพิ่ม 180,000 คอร์ กม.ภายใน 2ปี ณ สิ้น มิ.ย.59 ได้รับไปแล้ว 127,500 คอร์ กม. นั่นคือ รายได้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 2-3% q-o-q จนกระทั่งถึงม.ค.60ที่การส่งมอบจะแล้วเสร็จ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานที่ 12.20 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลยังอยู่ในระดับสูงกว่า 8%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]
---------------------------------------
ตะลึ่ง คุณป้าแต่ยังสาวเหมือนสาว 20 เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่... |
ดูเด็กลง 15 ปีได้ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น! เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่.. |