- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 September 2016 16:28
- Hits: 1938
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AIT, BIG
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
แม้ SET ยังผันผวนและปรับลง แต่ซื้อแล้วเน้นถือ ส่วนซื้อใหม่รอลงต่อ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวลงต่ออีกเมื่อวันศุกร์ แต่ก็เริ่มมีจังหวะแกว่งทรงตัวได้บ้าง หลังจากดัชนีไหลลงมาแล้วเกือบ 90 จุดจากสัปดาห์ก่อนหน้าและปรับลงกว่า 110 จุดจากปลายเดือนก่อน ทั้งจากแรงขาย panic sell และความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เฟดจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้วันที่ 20-21 ก.ย.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่า SET ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์เศษที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนให้ตลาดมีจังหวะดีดกลับขึ้นได้บ้าง แต่ความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เฟดจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ยังกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อค่ำวันศุกร์ปิดปรับลงกว่า 2% และกดดันตลาดหุ้นยุโรปให้ปรับลงต่อเนื่องด้วย หลังจากก่อนหน้านี้มีประเด็นลบจากการที่ ECB ไม่ได้เพิ่ม QE ตามคาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็กลับมาทรุดตัวลงเกือบ 4% หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนของ SET ไว้ก่อนเช่นเดิม ส่วนตลาดหุ้นเอเชียวันนี้หลายแห่งจะปิดทำการจากเทศกาลฮารีรายอ
กลยุทธ์ : หลังจากทยอยซื้อสะสมไปพอควรแล้ว ยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอลุ้น SET ขยับขึ้นหาเป้าหมาย 1650 จุดตามคาดต่อไป แต่จะซื้อเพิ่มอีกสามารถรอดูความชัดเจนจากผลประชุมเฟดก่อนได้
แนวรับ 1440-1435 , 1432-1428 จุด
แนวต้าน 1450-1460 , 1465-1470 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, CK , TVO(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$324ล้าน นำโดยไต้หวัน US$238ล้าน และอินโดนีเซีย US$69ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$12ล้าน และเกาหลีใต้ 3.3ล้าน แนวโน้ม Flow มีทิศทางชะลอการไหลเข้าเพื่อรอผลการประชุม Fed ขณะที่ตลาดมีความกังวลใจมากขึ้นหลังจากประธานเฟดหลายสาขาออกมาแสดงความเห็นว่าเฟดควรจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือนก.ย.นี้ เงินทุนไหลกลับเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+)(-) ความเสี่ยงระยะสั้นดูจะเพิ่มขึ้น แต่ระยะยาวเป็นโอกาสการลงทุน ความเสี่ยงระยะสั้นเพิ่มขึ้นหลังดาวโจนส์ลบเกือบ 400 จุด กดดันตลาดในภูมิภาคเช้านี้ปรับลงทุกตลาด ขณะที่ SET ตั้งแต่ต้นปี +12% ดีสุดเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค และ Bond yieldของสหรัฐและไทยขยับขึ้นเร็ว ทำให้ Earnings yield gap กลับมาแคบลง เม็ดเงินอาจเข้าไปพักในพันธบัตรชั่วคราว แต่เราพบว่าการปรับฐานรอบใหญ่ของ SET ในช่วงปลายปีในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย 7% (6.3-8.1%) รอบนี้ SET ปรับลงแล้ว 6.6% MTD หากอิงสถิติในอดีต การพักฐานรอบนี้เป็นไปได้ตั้งแต่ 1423 -1451 โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 1439เท่ากับว่า downside มีไม่ถึง 2%
• (0) คาดกนง.คงดอกเบี้ยพุธนี้เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังดี แม้จะแผ่วในบางเดือนก็ตาม ผลของ Brexit ยังไม่ส่งผลต่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการประชุม BOE 15ก.ย. BOJ 21 ก.ย. FED 20-21 ก.ย. เราคาดว่าไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย Flow น่าจะไหลกลับภูมิภาคหลังชัดเจนเรื่องดอกเบี้ยและการหาผลตอบแทนที่สูงกว่า (Search for yield)
• (+) TACC-SAPPE เป็นหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่มที่เราชอบทั้งคู่ ราคาหุ้นปรับลงแล้ว 20-21% ทั้งคู่ ทำให้ Forward PE ปี 2017 ของ TACC ปรับลงจาก 37 เท่าเหลือ 29 เท่าเท่ากับในช่วงที่ยังไม่ได้รวมธุรกิจเบเกอรี่ ‘โดนัท’ ที่กำลังจะวางขายในร้าน 7-11 กว่า 9พันสาขาทั่วประเทศตั้งแต่ 26 ก.ย. ขณะที่ Forward PE ปี 2017 ของ SAPPE ปรับลงจาก23 เท่าเหลือ 18 เท่าเท่ากับช่วงที่มีปัญหาสินค้าในตลาดจีนถูกเลียนแบบและตลาดอินโดนีเซียแย่เพราะค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่า แต่วันนี้ SAPPE ใกล้ได้ข้อสรุปกับ Distributorรายใหม่ในจีน ส่วนตลาดอินโดฯฟื้นตังแต่ 2Q16 ราคาหุ้นปัจจุบันน่าสนใจ เราแนะนำซื้อทั้ง TACC ราคาพื้นฐานปีหน้า 9.50 บาทและ SAPPE ราคาพื้นฐานปีหน้า 32 บาท
• (+) BIG เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 5.55 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากถือราคาหุ้นปรับลงจนมี Forward PE ปีหน้าเพียง 13.5 เท่า discount จากกลุ่มกว่า 40%ขณะที่เป็นไปได้อาจมีปันผลระหว่างกาล 0.06 บาท/หุ้น กำไร 2H16 ยังสดใสแม้;jk BigCamera Big Pro Day ครั้งที่ 10 จะทำยอดขายได้ไม่มากเท่าครั้งก่อนเพราะสินค้าหลายตัวขาดตลาดและรุ่นใหม่ๆยังไม่มา ส่วนธุรกิจพิมพ์ภาพดิจิตอลประสบความสำเร็จมาก
• (+) BEAUTY ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเร็วก่อนหน้านี้จนทำให้เราลดคำแนะนำลงเป็นถือในช่วงต้นเดือน ส.ค. ปัจจุบันราคาปรับลงมาจนมี Forward PE ปี 2017 ที่ 35 เท่า (จากสูงสุดที่43 เท่า) ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H16 สดใสและดีกว่า 1H16 ตามฤดูกาล การเปิดสาขาใหม่ และมีสินค้าใหม่ ลูกค้าจีนและตะวันออกกลางรวมกันยังอยู่ที่ 25-30% เราคาดกำไรปีนี้ +43% ปีหน้า +20% แนะนำซื้ออีกครั้ง ราคาพื้นฐานปีนี้ 10.20 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 ก.ย. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ปิดทำการ วัน Eid Al-adha
13 ก.ย. - จีน: Industrial Production และยอดค้าปลีก (ส.ค.)
14 ก.ย. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
15 ก.ย. - อังกฤษ: BOE ประชุม
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.)
14-16 ก.ย. - ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการเนื่องในวัน Harvest Moon Day
15-16 ก.ย. - ตลาดหุ้นจีนและไต้หวันปิดทำการ
16 ก.ย. - FSTE 2016 Semi-Annual Review (เพิ่ม KBANK, SCC, GPSC,VIBHA, IMPACT และเอาออก THRE)
- ตลาดหุ้นฮ่องกงและมาเลเซีย ปิดทำการ
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
20-21 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบแรงกว่า 2% หลังมีเจ้าหน้าที่ FED ออกมาให้ความเห็นและทำให้นักลงทุนกังวลว่า FEDอาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบแรงเช่นกันตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค. ของเยอรมนีที่ปรับตัวลดลง
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบค่อนข้างแรงเช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-34.90 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ร่วงลง 1.74 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเริ่มกลับมาปรับตัวขึ้น รวมถึงมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 7.10 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,334.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังเจ้าหน้าที่ FED ออกมาให้ความเห็นเชิงแข็งร้าวเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research