- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 September 2016 15:46
- Hits: 1466
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงเป็นภาพของการปรับฐานต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยแวดล้อมที่เป็นลบใหม่เข้ามากดดันตลาดก็ตาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กปรับตัวลงแรงกว่าหุ้นหลักวานนี้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 31.82 จุด มาอยู่ที่ 1,455.38 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 81,643 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 626 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 8,233 สัญญา แต่กลับขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเพียง 801 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน QE สร้างความผิดหวังให้แก่ตลาด
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
การประชุมกนง.วันที่ 14 ก.ย. เราคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50%
การประชุม BoE วันที่ 15 ก.ย. Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ย หลังผ่อนคลายมาตรการไปแล้วในการประชุมครั้งก่อน
การปรับดัชนี FTSE Thailand และ FTSE AP ex Japan ณ ราคาปิดวันที่ 16 ก.ย.
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 19)
SET INDEX ปรับฐานลงแรงกว่าที่เราประเมินไว้ แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากดดันภาวะการลงทุนก็ตาม แต่ด้วยแรงซื้อหุ้นหลักของต่างชาติที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้การปรับพอร์ตของกองทุนที่หนาแน่นสร้างแรงกดดันต่อภาพรวม SET INDEX อย่างมีนัยยะสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าจะเกิด Technical Rebound หลัง SET INDEX ปรับฐานลง 100 จุดสะท้อนถึงปัจจัยลบทางจิตวิทยาไปมากแล้ว Valuation ของ SET INDEX กับสู่โซนที่น่าสนใจมากขึ้น ทั้งในแง่ Trialing PER ณ ระดับปิดปัจจุบัน 19.39x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีที่ 19.70x ส่วน 2Yr Forward PER ณ ปัจจุบัน 13.65x ต่ำกว่า +1SD 2Yr Forward 13.94x
แม้ว่า ECB จะสร้างความประหลาดใจเชิงลบด้วยการคงนโยบายการเงินก็ตาม เพราะตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้าอยู่ที่การปรับดัชนีFTSE Thailand และ FTSE AP ex Japan คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติที่จะต้องปรับพอร์ตรอบนี้มากกว่าหมื่นล้านบาท ณ วันที่ 16 ก.ย. น่าจะมากพอที่จะผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นไปทดสอบด่าน 1,500-1,510 จุดได้เช่นกัน
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำให้นักลงทุน "สะสมหุ้นหลักที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้ม 2H59 ยังเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานโดดเด่น" การปรับฐานลงของหุ้นในช่วงนี้ จึงเป็นจังหวะที่เข้าสะสมหุ้น ประเมินกรอบแกว่ง 1,450-1,470 จุด
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร PTT : ราคาปิด 333.00 บาท ราคาเหมาะสม 358.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะ Outperform ตลาด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัดจากปัจจัยในประเทศ และราคาน้ำมันดิบ NYMEX เมื่อคืนนี้ที่เพิ่มขึ้นถึง +4.6% หลัง EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดจะเป็น Sentiment บวก
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ในระยะสั้น คือการปรับเพิ่มน้ำหนักดัชนี FTSE ในวันที่ 16 ก.ย. โดยคาดว่า PTT จะได้อานิสงค์จากการปรับเพิ่มน้ำหนักในรอบนี้ราว US$100 ล้าน
c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ระดับ PER2560 ที่ 10.4 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 14 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 3.3% ต่อปี
2. เก็งกำไร SCB : ราคาปิด 147.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) ราคาหุ้นปรับตัวลง -7.8% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความผันผวนของตลาดหุ้น เทียบกับ SET INDEX -6.0% และ SET BANK -6.3%
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการ 2H59 จากการตั้งสำรองที่ลดลงเนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าสินเชื่อจะปรับตัวขึ้นได้ดีใน 4Q59 ซึ่งเป็น High Season ของความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +5.9% yoy เป็น 49,962 ล้านบาทต่อเนื่อง +14.5% yoy ในปี 2560 เป็น 57,224 ล้านบาท และ ซื้อขายระดับ PBV2560 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 2.0 เท่า จึงเชื่อว่ามี Downside Risk ที่จำกัดในแง่ของ Valuation
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก US$210 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$186 ล้าน
ตลาด PSE / VEX / JSE ถูกลดน้ำหนักต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ แต่เป็นไปอย่างเบาบาง
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 626 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,048 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 118,450 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 8,233 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 8,913 สัญญา จาก 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 11,297 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ S50U16 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index เท่ากับ 0.58 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 5.69 จุด ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิลดลงเป็น 21,322 สัญญา
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้ กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 801 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3,092 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเด่นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 5.75bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 9.11bps ปิดที่ 2.114%
Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 2,478 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,390 ล้านบาท และ SBL กระจายตัวไปใน 92 หุ้น
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ แต่โดยรวมเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักมากกว่า
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเพียง 275 ล้านบาท เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้ ซื้อสุทธิ 15,639 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นการขายสุทธิอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้หนาแน่น เป็นเพียงการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก โดยขายกลุ่ม ICT สูงสุด 518 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก 358 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี 353 ล้านบาท แต่เลือกสะสมกลุ่มธนาคารมากถึง 1,102 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
- ยอดขอสวัสดิการว่างงาน สิ้นสุดสัปดาห์ก่อนเท่ากับ 2.59 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.64 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้า 2.63 แสนตำแหน่ง
- ยอดสินเชื่อเพื่อการบริโภค เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น US$1.77 หมื่นล้าน ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเพิ่มขึ้น US$1.56 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าที่ US$1.45 หมื่นล้าน
เฟดเสนอให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่ให้ขยายฐานทุนเพื่อรองรับกับกรณีวิกฤติ: อย่างไรก็ตามเฟดยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะต้องเพิ่มทุนให้เสร็จสิ้นเมื่อใด ซึ่งธนาคารขนาดใหญ่ 3 ใน 10 แห่งได้แก่ JPMorgan Chase&Co, Bank of America Corp และ Wells Fargo&Co ที่จะต้องเสนอแผนดังกล่าวที่เป็นไปตามกฎหมาย Dodd-Frank
เฟดเรียกร้องให้มีการห้ามทำ Treasury Stock: สถาบันการเงินหลายแห่งได้รับจดหมายจากเฟด เรียกร้องให้และหน่วยกำกับดูแลสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ต่างเรียกร้องไม่ให้สถาบันการเงินเข้าซื้อหุ้นตัวเอง (Treasury Stock) แต่ต้องการให้สถาบันการเงินเหล่านี้ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ยังพบว่าสถาบันการเงินบางแห่งได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่ และโกดังอลูมิเนียมและน้ำมันเรือ เช่น Goldman Sachs ลงทุนไป US$1.5 พันล้าน
ยุโรป
การประชุม ECB คงนโยบายการเงิน: อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.4% พร้อมคงวงเงิน QE ที่ 8.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนมี.ค. 2560 ทั้งนี้ ECB ยังคงประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันในช่วงเวลาต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่อายุโครงการ QE ที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค. 2560 อาจยืดเวลาออกไปได้หากจำเป็น และอาจเป็นเพราะผลอัตราเงินเฟ้อที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่ง ECB ยังคงให้น้ำหนักและติดตามอย่างใกล้ชิดในตัวแปรนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ถึงเป้าหมาย 2.0% ในระยะกลาง
ECB ปรับประมาณการเศรษฐกิจอียูปี 2560-2561 ลง: ประมาณการเศรษฐกิจปี 2559 ขยายตัว 1.7% ขยับขึ้นเล็กน้อยจากประมาณการก่อนหน้าที่ 1.6% แต่ปี 2560-2561 คาดขยายตัว 1.6% ต่อปี ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 1.7% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดปีนี้อยู่ที่ 0.2% และขยับขึ้นเป็น 1.2% ในปี 2560 และ 1.8% ในปี 2561
จีน
ตัวเลขการส่งออก - นำเข้าเดือนส.ค.ของจีนออกมาดีกว่าคาด
- การส่งออก หดตัวเพียง 2.8% yoy ดีกว่า Bloomberg consensus คาด -4.0% yoy และเดือนก่อนหน้าที่ -4.4% yoy โดยคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน เริ่มฟื้นตัว
- การนำเข้า กลับฟื้นตัว 1.5% yoy เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2557 และสวนทางกับที่ Routers Poll คาดหดตัว 4.9% yoy และฟื้นตัวอย่างเด่นชัดจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.5% yoy ทั้งนี้เป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขยับขึ้น นอกจากนี้การนำเข้าสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ฟื้นตัวเช่นกัน
เอเชียแปซิฟิก
GDP ใน 2Q59 ของญี่ปุ่นออกมาดีกว่าคาด: ตัวเลขปรับขึ้นเป็น 0.7% qoq ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.2% qoq และปรับขึ้นจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 0.2% qoq แม้ว่าค่าเงินเยนจะแข็งค่าและอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการใช้เงินลงทุนก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตลาดเชื่อว่าความเสี่ยงของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะค่อยๆ ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากการเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประกาศไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
อิหร่านมองว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะหารือเรื่องการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมัน: อิหร่านพร้อมที่จะร่วมหารือกับแนวทางการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมัน เมื่อการผลิตน้ำมันของอิหร่านเข้าใกล้ระดับที่เคยผลิตก่อนหน้าที่ต่างชาติจะเริ่มใช้มาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจกับอิหร่าน หรือระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งคาดว่าอิหร่านจะผลิตได้ในระดับดังกล่าวราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน
ซาอุฯ ลดกำลังการผลิต 40,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.: เป็น 10.63 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากระดับสูงสุดของซาอุฯ ที่ผลิตได้ 10.67 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ค.
ไทย
ไม่มี
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450