- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 September 2016 18:55
- Hits: 1604
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดตลาดฯ กลับมาให้น้ำหนักประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะคาดการณ์ว่าเฟดอาจยังไม่พิจารณาในช่วงระยะใกล้นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุด ไม่ดีมาก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เฟดยังมีความเห็นที่แตกต่างกันไป
ทำให้คาดประเด็นดังกล่าวกดดันภาพรวมตลาดถึงการประชุมเฟด 20- 21/9/59 โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
แนะติดตาม (1) การประชุม ECB ในวันที่ 8/9/59 ว่าจะมีมาตรการใดๆออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม? และ (2) ค่าเงินสหรัฐฯ ที่คาดมีแนวโน้มแข็งค่า หาก
เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลลบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ทางตรงข้าม ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง หากเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วนประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยลบบ้างจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาขายสุทธิ แต่อย่างไรก็ตาม YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงเกือบ 120,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังแนะติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,496.90 +4.38 950.22 +1.11 2,132.27 +4.26
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +46.16, NASDAQ +26.01, S&P +6.50, FTSE -53.37, CAC -11.12 และ DAX -14.92
หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้ง (1) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ส.ค. ที่เพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง และ (2) ดัชนีภาคบริการของ ISM – ส.ค. อยู่ที่ 51.4 ซึ่งขยายตัวต่ำที่สุดในรอบกว่า 6 ปี ส่งผลทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจยังไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI หลังอิหร่านประกาศสนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาด ขณะที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย แถลงการณ์ร่วมกันในการประชุมสุดยอด G20 ที่นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุถึงความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีความผันผวน
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ข้างต้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. +US$0.39 อยู่ที่ US$44.83 ต่อบาร์เรล หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียประกาศความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ขณะที่อิหร่านได้ออกมาสนับสนุนกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันให้เดินหน้ารักษาเสถียรภาพในตลาด
อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมของกลุ่มโอเปก ในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ ที่แอลจีเรีย ขณะที่การเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ประสบความสำเร็จ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.98 1.9 3.16
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,701.80
สถาบัน 476.61
บัญชีหลักทรัพย์ -1,559.17
ต่างประเทศ -821.22
ในประเทศ 1,903.79
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$27.3 อยู่ที่ US$ 1,354.0 ต่อออนซ์ ภายใต้คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ โดยนักลงทุนลดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ 35%
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -821 ล้านบาท สะสม YTD +117,402 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 - 9 ก.ย. 2559
7/9/59 : ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
8/9/59 : ประชุม ECB
สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกน้ำมัน
9/9/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนก.ค.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
(9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 1.54% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.04 อยู่ที่ 12.02
หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788