- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 September 2016 17:54
- Hits: 1005
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เริ่มทรงตัวดีขึ้น แม้ว่าจะฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ด่าน 1,500 จุดยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารยังเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มพลังงาน และ SCC กลับฟื้นตัวเด่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,496.90 จุด บวก 4.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,702 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 821 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 1,363 สัญญา โดยนำเงินมาพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 2,760 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามรายงาน Beige Book คืนนี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและการจ้างงาน 12 เขตเศรษฐกิจ
- ดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี
- ตลาดให้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ ลดลงเหลือเพียง 24% จากก่อนหน้า 32%
- สถาบันภายในประเทศกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 535 ล้านบาท
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 17)
เราคงมุมมองต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 วันนี้จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ด่าน1,500-1,510 จุด เป็นแนวต้านสำคัญที่ยังไม่น่าทะลุผ่านได้ ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศที่เป็นกลาง นักลงทุนต่างรอดูรายงาน Beige Book ในคืนนี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ การจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อใน 12 เขตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องได้หรือไม่ เพราะรายงานนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ใช้ในการประชุมเฟดวันที่ 20-21 ก.ย. ขณะที่ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี ทำให้โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ลดลงทันทีเหลือ 24% จากก่อนหน้า 32%
ขณะที่ Downside risk ของ SET INDEX เป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันพรุ่งนี้ หลังกิจกรรมด้านการผลิตและบริการในอียูเริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยตลาดคาด ECB จะขยายอายุโครงการ QE ออกไปอีก 6 เดือน นอกจากนี้เราเชื่อว่า ECB อาจส่งสัญญาณพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปหากภาพรวมเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ SET INDEX ที่ทรงตัวดีขึ้นในวานนี้สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเริ่มคลายตัวลง เพียงแต่ยังขาดปัจจัยใหม่ที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยช่วงสั้น
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงยืนยัน "สะสมที่เกี่ยวข้องกับ FTSE AP ex Japan หรือ FTSE Thailand" พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,490-1,510 จุดในวันนี้
Strategy of the Day
1. สะสม BJC : ราคาปิด 44.75 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น BJC และคาดกำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโต yoy และ qoq เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายลดลง หลังนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้, Refinance เงินกู้ และคาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการชำระคืนเงินกู้สกุลยูโร
b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก ถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท จาก Synergy ที่ครบวงจร ทั้งผู้ผลิต - จัดจำหน่าย - ค้าปลีก ซึ่งเริ่มเห็นผลบวกแล้วตั้งแต่ 2Q59 ที่ผ่านมา
a) จะไป Roadshow กับ โบรกเกอร์ต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย. และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวก จากการเติบโตของกำไรที่โดดเด่น และ Valuation ยังมี Discount จากหุ้นในกลุ่มค้าปลีก โดย BJC ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 3.9 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.9 เท่า, HMPRO 7.3 เท่า และ GLOBAL 2.9 เท่า
2. สะสม KBANK : ราคาปิด 189.00 บาท ราคาเหมาะสม 206.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ผลักดันตลาดในวันนี้ หลังตัวเลข ISM ภาคบริการ เดือน ส.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ก.ย.ลดลง และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่
b) ถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี FTSE Asia Pacific Ex Japan ซึ่งจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 16 ก.ย. ทำให้กองทุนต่างชาติที่ลงทุนโดยใช้ดัชนี FTSE เป็น Benchmark ต้องเพิ่มหุ้น KBANK เข้าสู่พอร์ตลงทุน
c) คาดผลประกอบการ 2H59 จะเติบโตจาก 1H59 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การตั้งสำรองเริ่มลดลง และ Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ PER2560 ที่ 9.1 เท่า และ PBV2560 ที่ 1.3 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$497 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$569 ล้าน
ตลาด PSE / VEX ยังคงโดนลดน้ำหนักต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายทำกำไรตลาดหุ้นไทยเพียงเล็กน้อย
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ เพียง 821 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,156 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 117,402 ล้านบาท
แต่ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 1,363 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิ 11,297 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง เมื่อ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 1.62 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างเท่ากับ 3.81 จุด ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิทะลุ 30,000 สัญญา เป็น 30,235 สัญญา
ทั้งนี้นักลงทุนกลุ่มนี้ เลือกที่จะกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 2,760 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,676 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยกลับมามาทรงตัวอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.02bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3.25bps ปิดที่ 2.262%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 938 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,777 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 กระจุกตัวใน TRUE คาดว่าจะเป็นรายการ Big Lot
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือเพียง 166 ล้าบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,202 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 15,480 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาสะสม TRUE เด่น อาจเป็นรายการ Big Lot ขณะที่ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน 250 ล้านบาท กลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิ 164 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 138 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนส.ค. ลดลงเหลือ 51.4 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 55.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 55.5 จุด เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2553 โดยคำสั่งใหม่ลดลงเกือบ 9 จุด มาอยู่ที่ 51.4 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2556
ดัชนีตลาดแรงงานเดือนส.ค. เท่ากับ -0.7 จุด หดตัวสวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.3 จุด
ยุโรป
คำสั่งซื้อโรงงานของเยอรมันออกมาต่ำกว่าคาด: เดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% mom ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.3% mom และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.5% mom สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว
เศรษฐกิจสวิสเซอร์แลนด์ขยายดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557: GDP ใน 2Q59 เพิ่มขึ้น 0.6% qoq สูงกว่า Bloomberg consensus คาดการ 0.4% qoq และเร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.3% qoq โดยเป็นผลจากการใช้จ่ายของภาครัฐ และดุลการค้าที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น
ธนาคารกลางตุรกีผ่อนคลายหลักเกณฑ์การสำรองของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 3: นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางได้ปรับลด Reserve Requirement ratio สกุลเงินไลร่าอีก 50bps รวมถึงลดสัดส่วนเงินตราต่างประเทศและทองคำที่ใช้เป็นหลักประกันแหล่งเงินกู้ คาดว่าจะทำให้เงินไลร่าไหลเข้าสู่ระบบราว 1.2 พันล้านไรล่าหรือ US$408 ล้าน และสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงินจะเพิ่มขึ้น US$670 ล้าน เมื่อสถาบันการเงินปรับใช้กฎใหม่นี้
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด: ธนาคารกลางออสเตรเลียตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% สอดคล้องกับ Reuters Poll เพราะประเมินว่าอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและผลักดันอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สิงคโปร์จะยังไม่ยกเลิกมาตรการควบคุมอสังหาฯ ในเร็วๆ นี้: ธนาคารกลางสิงคโปร์ ให้ความเห็นกับการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก่อนหน้านี้ เป็นการผ่อนคลายแรงกดดันต่อผู้กู้ซื้อบ้าน มากกว่าจะเป็นการกระตุ้นความต้องการซื้อบ้านใหม่ และเชื่อว่าจะยังไม่มีการผ่อนคลายมาตรการอื่นๆ ในเร็วๆ นี้
ซาอุฯ อาจยกเลิกโครงการลงทุนรวมมูลค่า US$2.0 หมื่นล้าน: เพื่อควบคุมระดับการขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูงสุดของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ โดยตั้งเป้ายกเลิกโครงการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า US$2.0 หมื่นล้าน และปรับลดงบประมาณลง 25% ทั้งนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการลงทุนหลายพันโครงการ มูลค่า 2.6 แสนล้าน Riyals หรือ US$6.9 หมื่นล้าน อาจจะมีการพิจารณายกเลิก 1 ใน 3 ของโครงการทั้งหมด
ไทย
ไม่มี
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst