- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 July 2014 16:29
- Hits: 2485
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อดักหุ้นที่ปันผลระหว่างกาลสูง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : วันศุกร์ปิดทรงตัว ตลาดแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1538-1548 จุด ปิดตลาดทรงตัวที่ 1543.85 จุด มูลค่าซื้อขาย 5 หมื่นกว่าล้านบาท นับว่ายังคึกคัก โดยหุ้น Big Cap และ Mid Cap ถูกขายทำกำไร แต่หุ้นขนาดเล็กในตลาด MAI ปรับขึ้นดี ทำให้ดัชนี MAI บวกสวนขึ้นไปได้1.7% ขณะที่ SET, SET50 และ SET100 ทรงตัว-อ่อนเล็กน้อย นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ พอร์ตบล.ซื้อสุทธิแต่ไม่มาก ด้านรายย่อยขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท
ปัจจัยและกลยุทธ์ : สัปดาห์นี้จับตาการพิจารณาโครงการลงทุนขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย & การซื้อดักหุ้นปันผลระหว่างกาลสูง &การประชุม FOMC 29-30 ก.ค.นี้ เราคาดว่าคสช.จะอนุมัติให้มีการลงทุนในโครงการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในปีงบประมาณ 58 (ต.ค.57-ก.ย.58) โดยในส่วนของรถไฟทางคู่ ถนนจิระ-ขอนแก่น 2.6 หมื่นล้าน และประจวบฯ-ชุมพร 1.7 หมื่นล้าน น่าจะเริ่มได้ในปลายปี 57 เพราะผ่าน EIA แล้ว นอกจากนั้นก็มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าฯ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ คือ รับเหมาก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่นSCCC, TASCO), ธนาคารขนาดใหญ่ (หุ้นเด่น BBL, KTB) นอกจากนั้นคาดว่าจะมีการซื้อดักหุ้นที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ซึ่งใน DBS Coverageเป็น ADVANC, INTUCH, DTAC, CSL, SAMTEL, MODERN, SNC, TTW, TVO (ดูรายละเอียดการคาดการณ์ Dividend Yield ด้านใน) สำหรับการประชุมเฟด 29-30 ก.ค.นี้ ติดตามว่าจะลด QE ต่ออีก 1 หมื่นล้านUS$ เป็น 2.5 หมื่นล้านUS$/เดือนตามที่ตลาดคาดและส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ดัชนีต่ำกว่า 1535 จุดดูไม่ค่อยดี มีสิทธิอ่อนตัวไปยังแนวเด้ง 1510-1500, 1480 จุด ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้าน 1550-1560 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น TVO
Fundamental Pick
TVO แนะนำซื้อ ราคาปิด 23 บาท เป้าหมาย 27.20 บาท
* บริษัทได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เพราะมีการนำเข้าวัตถุดิบถั่วเหลืองเกือบทั้งหมด ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินบาท ซึ่งส่วนนี้จะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นใน3Q57 ดีขึ้น
* คาดกำไรสุทธิปี 57 ขยายตัวโดดเด่น 68% จากฐานที่ต่ำในปี 56 ซึ่งเป็นผลจากราคากากถั่วเหลืองในประเทศตกต่ำ เพราะมีการนำเข้ากากถั่วเหลืองจำนวนมาก สำหรับกำไรสุทธิ 2Q57คาดว่าจะอ่อนตัวจาก 1Q57 ที่มีกำไรสุทธิ 535 ล้านบาท (+598%YoY และ +21%QoQ) เพราะมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์และราคาขายเริ่มทรงตัวหลังปรับขึ้นใน 1Q57 ประกอบกับใช้สต็อกวัตถุดิบราคาต่ำน้อยลงในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม จะยังเติบโตสูงมากเมื่อเทียบ YoY
* แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 27.20 บาท จุดเด่นของ TVO คือ การเติบโตที่ก้าวกระโดดของกำไรสุทธิในปี 57 และจ่ายปันผลสูง โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาลไว้ที่ 3-4% และทั้งปี 57 ที่ 6% ซึ่งสูงกว่าเฉลี่ยของตลาดที่ 3.5% อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+/• สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.-ก.ค.57 ผันผวนมากขึ้น
* ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ร่วงลง 1.2% ในเดือนก่อนหน้านี้ ความผันผวนแสดงถึงการฟื้นตัวที่ยังเปราะบาง
* ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จับตา คือ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จีดีพีประจำไตรมาส 2/57 (ประกาศครั้งแรก) และดัชนี ISM ภาคการผลิต
• สหรัฐ : จับตามการประชุมเฟด 29-30 ก.ค.นี้
* คณะกรรมการ FOMC จะมีประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.นี้ ซึ่งตลาดจับตาว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.57 การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐผันผวนมากขึ้น ขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลง
* คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% และทยอยลดการเข้าซื้อพันธบัตรสุทธิตามนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ต่อ (ล่าสุดอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน)และประเมินว่าจะสิ้นสุดโครงการใน 4Q57
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงแรง DJIA ปิดต่ำกว่า17,000 จุด
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 123.23 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 16,960.57 จุด ดัชนี S&P500 อ่อนแรงลง 9.64 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 1,978.34 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 22.54 จุดหรือ 0.50% ปิดที่ 4,449.56 จุด ปัจจัยที่กดดัน คือ ผิดหวังผลประกอบการและแนวโน้มบริษัทขนาดใหญ่ เช่น อเมซอน องค์, วีซ่า เป็นต้น รวมทั้งกังวลสถานการณ์ขัดแย้งในยูเครนและฉนวนกาซา
+ สัญญาน้ำมันดิบ BRENT ปรับขึ้นแรง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ปิดบวก 2 เซนต์ แตะที่ 102.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดเพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ที่ 108.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ BRENT คือ ข่าวที่ว่ากลุ่มสหภาพยุโรปกำลังดำเนินการคว่ำบาตรระลอกใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งจากรัสเซียไปสหภาพยุโรป นอกจากนั้นสถานการณ์ต่อสู้ในฉนวนกาซายังรุนแรง
+ สัญญาทองคำ COMEX พุ่งขึ้น
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดดีดตัวขึ้น 12.5ดอลลาร์ หรือ 0.97% ที่ 1,303.3 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
+หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูงประกอบด้วย ADVANC, INTUCH, DTAC,CSL, SAMTEL, MODERN, SNC, TTW, TVO
* หุ้นใน DBS Coverage (Thailand) ที่คาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสูง โดยให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับ 6 เดือนแรกของปีนี้ประมาณ 2-3% ประกอบด้วย ADVANC(คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend Yield) ไว้ที่ 2.7%),INTUCH (คาด Yield 2.7%), DTAC (บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1.58 บาท กำหนด XD 30 ก.ค.57, Yield 1.5%), CSL (คาด Yield 3.3%), SAMTEL (คาด Yield 2.4%), MODERN (คาดว่าจะให้ปันผลพิเศษ 0.20 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น 50% ของกำไรจากการขายหุ้น MFEC + ปันผลระหว่างกาลอีก 0.20 บาท แต่อาจแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบ คิดเป็น Yield รวม 4%), SNC (คาดYield 2%), TTW (คาด Yield 2%), TVO (คาด Yield 3-4%)
+ GFPT ได้รับประโยชน์จากการที่ญี่ปุ่นหยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปแช่แข็งจากจีนแล้วหันมานำเข้าจากไทยแทน ... แนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 16.40 บาท
* McDonald’s หันมานำเข้าไก่แปรรูปแช่แข็งจากไทยแทนจีน McDonald’s Holdings Co.ในญี่ปุ่น ตัดสินใจหยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่ทั้งหมดจากจีน เพื่อยุติความกังวลของผู้บริโภคในญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นหลังจากมีข่าวว่าเซียงไฮ้ หูสี ฟูดส์ ได้นำเนื้อไก่หมดอายุเข้ามาผสมในผลิตภัณฑ์ทั้งนี้ก่อนหน้ามีการนำเข้านักเก็ตจากหูสีมากกว่า 1,300 สาขากระจายทั่วญี่ปุ่น โดยบริษัทจะหันไปนำเข้าไก่จากประเทศไทยแทน
* นับเป็นข่าวดีกับ GFPT โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทร่วม MCKEY จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้MCKEY Food Services (Thailand) Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GFPT (ถือหุ้น 49%)กับ Keystone Food Corporation (ถือหุ้น 51%) หนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไก่แปรรูปแช่แข็งรายใหญ่ให้กับ McDonald’s ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย สิงคโปร์ เกาหลีฮ่องกง และญี่ปุ่นด้วย สำหรับ 1Q57 ทาง GFPT ได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก MCKEY เข้ามา 24.5ล้านบาท คิดเป็น 6% ของกำไรสุทธิ
•/+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย : ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อจะโตดีขึ้นใน 2H57 และขยายตัวได้กว่า 5% ในปีนี้ (1H57 โต 1.5%YTD) จุดแข็งคือ เงินกองทุนที่สูง จุดที่ต้องจับตา คือ หนี้ภาคเอกชนที่สูง และการแข่งขันระดมเงินฝากใน 2H57
* คาดสินเชื่อโตเร่งตัวขึ้นใน 2H57 ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่าการเติบโตของสินเชื่อภาคธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2557 หลังจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เติบโตเพียง 1.5% ในครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตไว้สูงกว่า 5%
* แต่...ยังมีแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ ฟิทช์ฯ เชื่อว่าระบบธนาคารยังได้รับแรงกดดันในด้านคุณภาพสินทรัพย์จากหนี้ภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2554 (หนี้ภาคเอกชนต่อ GDP เท่ากับ 155% ณ สิ้นมี.ค.2557) ประกอบกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 จนถึงครึ่งปีแรกของปี 2557
* NPL Ratio ไม่สูง & ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง ปัจจัยที่ยังอยู่ในระดับดี ได้แก่ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมและอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงที่ผ่านมาที่ 3.0% และ 15.5% ตามลำดับ
* การแข่งขันด้านเงินฝากจะสูงขึ้น โดยเฉพาะธนาคารที่ต้องการจะขยายสินเชื่อในอัตราเร่งซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่ออัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ให้แคบลงจากที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2557
* ความเห็น Retail Research DBS : เรามีมุมมองที่ใกล้เคียงกับฟิทช์ในเรื่องอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H57 และการแข่งขันด้านเงินฝากที่จะสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้NIM อ่อนลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นประเด็นที่กดดันมาก ส่วนคุณภาพสินทรัพย์และการตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ประเมินว่าจะยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะธนาคารที่เน้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เพราะราคารถยนต์มือสองที่ลดลงมากถึง 30-40% ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองฯสำหรับ Used Car สูงกว่าที่เคยทำในช่วง 1-2 ปีก่อน และประเด็นนี้น่าจะลากยาวไปถึงอย่างน้อยกลางปี 58 สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นหลังจากธุรกรรมด้านสินเชื่อมากขึ้น ภาวะธุรกิจโดยรวม & การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาพาณิชย์เป็น Overweight หุ้นเด่น คือ BBL (ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของ Corporate ที่ฟื้นตัวได้เร็ว และราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม), KTB (ได้อานิสงค์ทางบวกจากการลงทุนภาครัฐ โดยจะเห็นชัดเจนในปี 58, Valuation จูงใจ ปันผลสูง), KBANK (มีฐานลูกค้า SME ขนาดกลาง-ใหญ่ที่แข็งแกร่ง ซึ่งอยู่ใน Supply Chain ของธุรกิจขนาดใหญ่และจะมีการฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2H57เป็นต้นไป)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]