- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Saturday, 03 September 2016 00:46
- Hits: 5020
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือตามค่าบวก'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BDMS (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดลดลงต่อ (-8.73 จุดที่ 1539.71) แม้ว่าจะมีแรงซื้อหุ้น SCC หนาแน่นต่อเนื่อง ตัวเลขดัชนีการผลิต (ISM) เดือนส.ค.59 ของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่า 50 และแย่กว่าคาดทำให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง (Dollar cash index อ่อนเป็น 95.6 (+18 บาท) แต่การพักฐานของหุ้นใหญ่อื่นๆ ทำให้ตลาดปิดลบและปริ่มๆแนวฟิวเตอร์ที่ 1540 นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่จะออกมาศุกร์นี้เพื่อประเมินโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 20-21 ก.ย.59 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 459 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 353 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิ ในเช้านี้จากวันก่อนที่ 96) รวมทั้งกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้อ่อนลงด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามดูตัวลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ที่จะออกมาวันศุกร์ที่ 2 ก.ย.นี้อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร โดยหากออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 185,000 ตำแหน่ง ความกังวลเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วจะกลับมาอีกระลอก ทั้งนี้เฟดจะมีประชุมในวันที่ 20-21 ก.ย.59 โดยภาพรวมในเดือนก.ย.59 ตลาดมีโอกาสแกว่งเพราะมีสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง คือ 1. เฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย / หรือไม่ก็ไปปรับขึ้นในช่วงต.ค.หรือธ.ค.59 , 2. อังกฤษ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ มีแนวโน้มว่าจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สภาพคล่องในตลาดโลกยังสูงและตลาดหุ้นยังคงเป็นเป้าหมายของการลงทุน เพียงแต่ต้องมีจังหวะในการเข้า & ออกที่ดี รวมทั้งควรเลือกลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่ง ผุ้บริหารมีวิสัยทัศน์ & บริหารงานอย่างมืออาชีพ และจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ (บ่งชี้ถึงเสถียรภาพของกำไร) รวมทั้งมี Valuation ที่ไม่แพง ราคาหุ้นยังเหลือ Upside สำหรับการลงทุนพอสมควร สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น ANAN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ ควรระวังการแกว่ง/อ่อนตัว ซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีและอาจต้องมี Stop loss ถ้าหุ้นในพอร์ตเยอะและเงินสดเหลืออยู่น้อยมาก แนวต้านระยะสั้นอยุ่ที่ 1550, 1555-1560 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1520, 1500 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่ คือ AP, CKP, S, AUCT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ KKP, WICE, PACE, SCN, CEN หุ้นที่หลุด List คือ KAMART, VGI, TTCL และหุ้นที่หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี-
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค & Retail research team - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิต (ISM) เดือนส.ค.ต่ำกว่าคาด
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. ลดลงจากระดับ 52.6 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 52.2 ซึ่งตัวเลขดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต
+ UK : PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นดีเกินคาด
ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรประจำเดือนส.ค. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 53.3 จาก 48.3 ในเดือนก.ค. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนต.ค.58 โดยเป็นผลจากยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ได้ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่การอ่อนค่าของปอนด์ได้หนุนยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ตลาดมองว่าผลกระทบจาก Brexit อาจไม่รุนแรงเท่าที่กังวลกัน
จีน : PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ขยับขึ้นเหนือ 50 ได้เล็กน้อย
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.4 จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 49.9
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดอ่อนตัวต่อเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,419.30 จุด เพิ่มขึ้น 18.42 จุด หรือ +0.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,227.21 จุด เพิ่มขึ้น 13.99 จุด หรือ +0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.86 จุด ลดลง 0.09 จุด ทั้งนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขยับขึ้นหลังอ่อนตัวลงในวันก่อน รวมทั้งหุ้นวอล-มาร์ทพุ่งขึ้นแข็งแกร่งรับข่าวการปรับลดตำแหน่งพนักงานในส่วน Back office จำนวน 7,000 ตำแหน่งทั่วสหรัฐ (จากขณะนี้มีการจ้างพนักงานราว 1.5 ล้านคนในสหรัฐ) นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค. ซึ่งผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8% ในเดือนส.ค.
- ราคาน้ำมันดิบ : ลดลงต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.54 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 43.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 45.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบปิดลดลงต่อเนื่อง 4 วันทำกำไรเนื่องจากวิตกภาวะน้ำมันล้นตลาดหลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นเกินคาด
+ ราคาทองคำ : รีบาวด์ 0.4%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,317.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ ค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนลงหลัง ISM รายงานดัชนีการผลิตเดือนส.ค.59 ต่ำกว่าระดับ 50
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
เงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.ติดลบ 0.29% เงินเฟ้อพื้นฐาน 0.07%
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนส.ค.59 ลดลง 0.29%YoY แต่ลดลง 0.04%MoM สำหรับดัชนีเฉลี่ย 8M59 ลดลง 0.08%YoY สินค้าที่มีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบ YoY คือ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ สัตว์น้ำ ผักและผลไม้ เป็นต้น ส่วนราคาที่ลดลง คือ เชื้อเพลิง ค่าเช่าที่พักอาศัย สำหรับประมาณการเงินเฟ้อปี 59 คงไว้ที่ 0.0-1.0% สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เดือนส.ค.59 สูงขึ้น 0.07%YoY และ 8M59 เพิ่มขึ้น 0.74%YoY
ความเห็น Retail Research : อัตราเงินเฟ้อยังไม่เป็นแรงกดดันในปีนี้และช่วงที่เหลือของปี และเมื่อพิจารณาจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ไม่ได้เร็วมาก ทำให้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไปถึงสิ้นปี 59 และอาจต่อเนื่องไปถึงกลางปี 60 อย่างไรก็ตาม Bond yield ของไทยจะเคลื่อนไหวตามสหรัฐด้วย ไม่ได้ขึ้นกับอัตราดอกเบี้ยภายในเพียงอย่างเดียว ซึ่งในช่วงนี้ Bond yield ขยับขึ้นเพราะโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.59 มีมากขึ้น ดังนั้นนักลงทุนจึงปรับพอร์ตด้วยการหันมาถือครองตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจาก Mark to market loss แต่สถานการณ์ก็จะพลิกกลับอย่างเร็วถ้ามีปัจจัยที่ทำให้โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วลดลง ซึ่งตัวเลขสำคัญหนึ่งที่มีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของเฟด คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.59 ที่จะออกมาในคืนวันนี้ (2 ก.ย.59)
+ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน : ค่ายมาสด้าจะลงทุน 7.2 พันล้านบาทในไทย
บริษัทมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าค่ายมาสด้าจะลงทุนในไทย 7.2 พันล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องยนต์ของโรงงานประกอบที่จ.ชลบุรี โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 122,000 เครื่องภายใน 1H61 (ปัจจุบันอยู่ที่ 30,000 เครื่องต่อปี) โดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.5 ลิตรและเบนซิน 1.3 ลิตร (ขณะนี้ใช้กับโมเดลมาสด้า 2) นอกจากนั้นยังมีแผนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่ที่เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเท่ากับที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อส่งออกไปยังฐานการประกอบในอาเซียนประเทศอื่นๆ คือ มาเลเซีย และเวียดนาม
ความเห็น Retail Research : นับเป็นข่าวดีกับกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย ที่ค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง และใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศ คาดว่าจะค่อยๆ พลิกฟื้นและมีโอกาสเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นในปี 60 ส่วนการส่งออกยังไปได้ดี สำหรับ 7M59 ไทยผลิตรถยนต์ได้ 1.147 ล้านคัน (+4.2%YoY) ส่วนยอดขายในประเทศ 4.29 แสนคัน (-0.2%YoY) ด้านการส่งออกรถยนต์ 7M59 ทำได้ 6.94 แสนคัน (+2.29%YoY) แต่ในรูปมูลค่าเพิ่มขึ้นดีที่ +18%YoY เป็น 3.7 แสนล้านบาท และถ้ารวมทั้งมูลค่าส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ และชิ้นส่วน อะไหล่ +13.4%YoY เป็น 5.2 แสนล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่น่าสนใจและเห็นการฟื้นตัวของกำไรในงวด 1H59 จากฐานต่ำในปีก่อนแล้ว คือ AH โดยมีกำไรสุทธิ 1H59 เท่ากับ 269 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิปี 58 ที่ 313 ล้านบาท คาดว่ากำไรสุทธิปี 59 จะพลิกขึ้นเป็นประมาณ 500 ล้านบาทได้ แล้วขยับขึ้นเป็นเป็นประมาณ 600 ล้านบาทซึ่งเป็นฐานกำไรของปี 56 ได้ในปี 60 ณ ราคาปัจจุบันที่ 13.90 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 59 เท่ากับ 9 เท่า (เทียบกับ EPS ปี 59 ที่ 1.55 บาท/หุ้น) นับว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของกำไรในปีนี้และแนวโน้มการเติบโตในปี 60 ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยซื้อสะสม โดยถ้าให้เป้าหมาย P/E ปี 59 ที่ 11 เท่า จะได้ราคาเป้าหมาย 17 บาท
+ ANAN (ราคาปิด 4.86 บาท, ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท) : กำไรเติบโตแข็งแกร่งมาก
กำไรสุทธิ 2Q59 อยู่ที่ 210 ล้านบาท +192% y-o-y และ +41% q-o-q ดีกว่าที่ตลาดคาดถึง 39% สืบเนื่องจากการโอนคอนโดได้เร็ว ทางบริษัทมีการปรับเพิ่มเป้ายอดขายปีนี้เป็น 21.5 พันล้านบาท (จากเดิม 20.5 พันล้านบาท) สืบเนื่องจากการขายในปัจจุบันไปได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และผู้บริโภคหันมาซื้อคอนโดใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้นทั้งให้เป็นบ้านหลังแรกและบ้านหลังที่สองเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตในยุคปัจจุบัน บริษัทจะมีการเปิดขายโครงการใหม่ของบริษัทร่วมทุน 1 โครงการใน 3Q59 และอีก 2 โครงการใน 4Q59 ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายและกำไรต่อไป เราชอบ ANAN ที่จะมีการเติบโตที่โดดเด่นมากในปี 60 ขณะที่อุตสาหกรรมจะเติบโตได้ไม่มาก ทั้งนี้ประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ขยายตัว 17% และ 66% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 8 เท่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]