- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Saturday, 03 September 2016 00:20
- Hits: 3973
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? ยังให้น้ำหนักประเด็นต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ หากออกมาแข็งแกร่ง คาดเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้เฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดเป็นปัจจัย
ที่กดดันภาพรวมตลาดไปจนวันประชุมเฟดเดือนก.ย. (20 – 21/9/59) และยัง
แนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ ที่อาจแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์? แต่คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกจากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ภายใต้ความกังวลต่ออุปทานส่วนเกินในตลาด ที่คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ คาดประเด็นหลักๆ ยังอยู่ที่ Fund Flow แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกันไป และมูลค่าอาจมีความผันผวนบ้าง แต่ดีกว่าภูมิภาค และ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ในระดับสูงกว่า 115,000 ล้านบาท นอกจากนี้คาดอาจมีแรงเก็งกำไร หลังหลายๆ บริษัททยอยประกาศจ่ายปันผล ซึ่งทยอยขึ้น XD ในสัปดาห์หน้า เช่น ??BBL : 2 บาท XD 6/9/59 KKP : 2 บาท XD 6/9/59 BCP : 0.80 บาท XD 6/9/59 และ CK : 0.25 บาท XD 8/9/59 เป็นต้น
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ
โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
??(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
??(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
SET
SET50
SET100
1,539.71 -8.73
978.17 -5.09
2,199.53 -11.50
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
??(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +18.42, NASDAQ +13.99, S&P -0.09 FTSE -35.54, CAC +1.45 และ DAX -58.38
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ส.ค. ในวันนี้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า รายงานตัวเลขการจ้างงานครั้งต่อไป จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด (1) ดัชนีภาคการผลิตของ ISM – ส.ค. อยู่ที่ 49.4 ลดลงจาก 52.6 เมื่อก.ค. และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 52.2 และ (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด เพิ่มขึ้น 263,000 ราย ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 265,000 ราย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$1.54 อยู่ที่ US$43.16 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลัง??วานนี้ EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล (สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 525.9 ล้านบาร์เรล
??อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างรอการประชุมของกลุ่มโอเปก ในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ ที่แอลจีเรีย ขณะที่การเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ประสบความสำเร็จ
P/E (เท่า)
P/BV (เท่า)
Dividend Yield (%)
22.65
1.96
3.08
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย
หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย
58,141.70
สถาบัน
-185.55
บัญชีหลักทรัพย์
-631.72
ต่างประเทศ
+378.44
ในประเทศ
+438.83
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$5.7 อยู่ที่ US$ 1,317.1ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ ที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด?
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +378 ล้านบาท สะสม YTD +115,632 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 2 ก.ย. 2559
2/9/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.
การค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนส.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค.
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
(9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.57% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.06 อยู่ที่ 13.48
หุ้นแนะนำ : IRPC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788