- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 31 August 2016 16:40
- Hits: 957
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET ยังปรับฐาน ตราบที่ตลาดยังให้น้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยฯสหรัฐ จึงแนะนำให้ปรับพอร์ต และให้สะสมหุ้นที่ผลกำไรเด่นงวด 3Q59 และประเด็นบวกระยะสั้น การเข้ามาซื้อขายหุ้นใหม่ RJH (FV@B24) และ BOI ส่งเสริมโรงงานผลิตยาในประเทศ ดีต่อ BDMS(FV@B25) จึงเลือกเป็น Top pick และยังชื่นชอบ AJD([email protected])
กลยุทธ์การลงทุน
SET ยังปรับฐาน ตราบที่ตลาดยังให้น้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยฯสหรัฐ จึงแนะนำให้ปรับพอร์ต และให้สะสมหุ้นที่ผลกำไรเด่นงวด 3Q59 และประเด็นบวกระยะสั้น การเข้ามาซื้อขายหุ้นใหม่ RJH (FV@B24) และ BOI ส่งเสริมโรงงานผลิตยาในประเทศ ดีต่อ BDMS(FV@B25) จึงเลือกเป็น Top pick และยังชื่นชอบ AJD([email protected])
ดอกเบี้ยสหรัฐจะขึ้นหรือ?? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นแต่ราคาบ้านลง
เชื่อว่าการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐ นับจากนี้ไปจนถึงการประชุม FED รอบถัดไป 20 -21 ก.ย. น่าจะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ภายหลังจากปลายสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ Jackson Hole ประธาน Fed นางเจเน็ต เยลเลน ได้แสดงความมั่นใจต่อเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง น่าจะหนุน FED ขึ้นดอกเบี้ยได้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ล่าสุดวานนี้มีการรายงานดัชนียังคงขัดแย้งกัน กล่าวคือ ผลสำรวจราคาบ้านในสหรัฐ (S&P Case-Shiller) เดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอ 5.1%yoy (ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2) แม้จะสวนทางกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (CCI) เดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 4%mom อยู่ที่ 101.1 จุด (ระดับสูงสุดตั้งแต่ ก.ย. 2558) อย่างไรก็ตาม ให้น้ำหนักไปที่วันศุกร์นี้คือ 2 ก.ย. จะมีการรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ส.ค. ซึ่งตลาคคาดที่ 1.8 แสนราย ชะลอจาก 2.55 แสนราย แต่หากออกมาดีกว่าคาดน่าจะทำให้ Fed เพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มากขึ้น (ASPS ตั้งสมมติฐาน Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้)
ด้วยเหตุนี้หนุนให้ Dollar index อยู่ในทิศทางแข็งค่า ล่าสุดอยู่ที่ 96.08 จุด กดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ ทองคำ น้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัญหาด้านฝั่งผลิตอยู่ ล่าสุดมีการหยุดผลิตน้ำมันดิบชั่วคราวในอ่าวแม็กซิโก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลกจะหายไปราว 1.7 แสนบาร์เรลต่อวัน จะช่วยประคองราคาน้ำมันให้ย่อตัวเพียงเล็กน้อย โดยวานนี้น้ำมันตลาดล่วงหน้า WTI และ Brent ปิดตลาด 46.20 และ 48.37 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบดูไบปรับตัวขึ้น ปิดตลาด 46.48 เหรียญฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามต้องติดตามการรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันพรุ่งนี้ คาดการณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กลับมากดดันราคาน้ำมันต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นในภูมิภาคเริ่มชะลอตัว ตาม Fund Flow ที่แผ่วเบา
วานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคเป็นวันที่ 2 ด้วยมูลค่าเพียง 67 ล้านเหรียญ แต่ยังซื้อ-สลับขายรายประเทศ โดยขายสุทธิอยู่ 2 ประเทศ คือ อินโดนีเซียถูกขายสุทธิ 58 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) และฟิลิปปินส์ 46 ล้านเหรียญ ส่วนตลาดหุ้นที่เหลืออีก 3 ประเทศ ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ คือ เกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิ 92 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) ตามมาด้วยไต้หวัน 57 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4) และไทยที่ถูกซื้อสุทธิ 21 ล้านเหรียญ หรือ 740 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) ต่างกับนักลงทุนสถาบันฯที่ขายสุทธิเล็กน้อยราว 270 ล้านบาท
และหากพิจารณาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ส.ค. เป็นต้นมา พบว่า แรงซื้อหุ้นต่างชาติเริ่มชะลอตัวทุกประเทศ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือมียอดซื้อสุทธิสะสมรวมเพียง 460 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็นเพียง 8% ของยอดซื้อสุทธิตลอดเดือน ส.ค. นี้ และพบว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มชะลอตัวสอดคคล้องกับภูมิภาค คือ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 0.19% ตามมาด้วยไต้หวัน 0.41%, เกาหลีใต้ 0.52% และฟิลิปปินส์ 2.08% ยกเว้นเพียงตลาดหุ้นอินโดนีเซียเท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 0.79%
สรุปว่าตราบใดที่ Fund Flow ยังแผ่วเบาแบบนี้ และไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน เชื่อว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนในช่วงหลัง Brexit จนถึง กลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
ต้อนรับหุ้น RJH จะเทรดพรุ่งนี้...ช่วยหนุน BDMS, BCH, LPH เข้าสู่ฤดูกาล
วันนี้นักวิเคราะห์กลุ่มโรงพยาบาลของ ASPS ได้ออกบทวิเคราะห์ Industry Update โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นโรงพยาบาล เนื่องจากมีประเด็นสนับสนุนดังนี้
กำไรกลุ่มการแพทย์จะสูงสุดในช่วงไตรมาสที่ 3 คนไข้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามผลของฤดูกาล ทั้งโรคต่างๆที่มากับฤดูฝน และช่วงวันหยุดฤดูร้อนของชาวตะวันออกกลาง บวกกับปีนี้วันถือศีลอด(รอมฎอน) ตกงวด 3Q59 เพียง 7 วัน เทียบกับปีก่อนที่ 21 วัน สอดคล้องกับสถิติข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ตอกย้ำว่าทุกงวด 3Q59 ดัชนีของกลุ่ม รพ.ให้ผลตอบแทนชนะตลาดถึง 8 ใน 10 ปี โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 9.78%
ต้นทุนการแพทย์มีแนวโน้มลดลง หลังจากที่ BOI เริ่มส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจยา เป็นครั้งแรก จากเดิมที่ไม่เคยให้การส่งเสริม กล่าวคือผู้ผลิตยา จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี 8 ปี (ถ้าขอหลังจากนั้นจะได้รับยกเว้น 5 ปี) ขณะธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเพิ่มจากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี บวกต่อทุก รพ. ซึ่งเป็นผลดีต่อ BDMS ที่มีบริษัทย่อยเป็นผู้ผลิตยาหลายแห่ง ขณะที่ BH นำเข้ายาและเครื่องมือแพทย์ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ
1 ก.ย. นี้ หุ้น รพ.น้องใหม่คือ ราชธานี(RJH) จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งราคาจอง (IPO) กำหนดที่ 16 บาท แต่ Fair Value ปี 2556 ที่ ASPS คำนวณได้อยู่ที่สูงถึง 24 บาท หรือมี Expected P/E ประมาณ 39 เท่า ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้น รพ. ที่เฉลี่ยราว 40 เท่า น่าจะหนุนให้ให้หุ้น รพ.ขนาดกลางและเล็ก มีการเติบโตสูงในช่วง 2 ปีนี้ อย่าง BCH, LPH และ TNH น่าจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
โดยสรุป หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในระยะยาวจากแนวโน้มสัดส่วนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงความพร้อมของการเป็น Medical Hub ของภูมิภาคเอเชีย โดยเลือก Top picks BDMS(FV@B27), BCH (FV60@B14), LPH (FV60@B12) โดย 2 หุ้นหลังมีจุดเดนในเรื่องการแติบโตมากที่สุดในกลุ่ม ติดตามอ่านรายงานฉบับยาว "Industry Update" วันนี้
กลยุทธ์การลงทุนภายใต้ตลาดผันผวน เน้นหุ้นที่มีผลฤดูกาล
ตลาดหุ้นโลกยังค่อนข้างแกว่งผันผวน ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลในเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ยังไม่จางลง ในส่วนของบ้านเรานั้น วานนี้ SET Index แม้จะยังปิดบวกได้ แต่ในช่วงท้ายตลาดมีแรงขายออกมากดดันหุ้นในกลุ่ม Market Cap ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง
สำหรับ วันนี้เชื่อว่าตลาดน่าจะยังแกว่งปรับฐานในกรอบแคบๆ 1,535 - 1,555 จุดต่อไป ท่ามกลางภาวะที่ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์การลงทุน ยังแนะนำให้ขายหุ้นที่เกิน Fair Value หรือมี upside จำกัด และเลือกลงทุนรายหุ้น Selective buy หุ้นที่เข้าสู่ช่วง High Season หรือหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังมี upside สูง คือ
กลุ่มเกษตร-อาหาร: ฤดูกาลส่งออกอาหารสู่ต่างประเทศ และแนวโน้มราคาไก่ - หมู ที่สูงขึ้น ผลักดันผลประกอบการ 2H59 โดดเด่น เลือก CPF (FV@B40) และ GFPT (FV@B17)
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: เข้าสู่ช่วง high season ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ ทั่วโลก หนุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เลือก SVI (FV@B6), HANA (FV@B42) และ DELTA (FV@B80)
กลุ่มเช่าซื้อ: คาดเติบโตตามลงทุนภาครัฐ และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ แนะนำ ASK([email protected]), KCAR ([email protected])
กลุ่มสายการบิน: 3Q59 เป็นช่วง high season ฤดูกาลท่องเที่ยวในฝั่งเกาะสมุย ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อ BA ([email protected]) ซึ่งมีฐานรายได้จากเส้นทางบินไปสู่เกาะสมุยสูงที่สุด รวมทั้งการเปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพ-ดานัง ทั้งยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันต่ำ
กลุ่มโรงพยาบาล การเข้าสู่ช่วงฤดูกาล หนุน BDMS (FV@B25) และ BCH ([email protected]) รวมทั้งประโยชน์จากการที่ BOI มีมติยกเว้นภาษีกิจการผลิตยา 5 - 8 ปี นอกจากนี้ ยังชอบ LPH ([email protected])
นักวิเคราะห์: ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: พาสุ ชัยหลีเจริญ
ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์: ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์