- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 August 2016 17:44
- Hits: 2797
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1540 จุด"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวันศุกร์ปิด +5.31 จุดที่ 1549.41 โดยนักลงทุนมีการเข้ามาซื้อหุ้น Big Cap ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมประจำปีในวันที่ 26 ส.ค.59 โดยนักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ได้ขายสุทธิลดความเสี่ยง ขณะที่สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ
สำหรับ สัปดาห์นี้ ตลาดยังคงแกว่งรอตัวเลขสำคัญ คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.59 ซึ่งจะมีรายงานออกมาในปลายสัปดาห์นี้ หากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง ตลาดก็จะกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่จะเริ่มปรับขึ้นในการประชุม 20-21 ก.ย.นี้เลย ทั้งนี้ในสุนทรพจน์ของประธานเฟดที่แจ็คสัน โฮล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแม้ว่าจะไม่ได้ระบุระยะเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจนแต่รองประธานเฟด คือ นายฟิสเชอร์ส ได้ออกมากล่าวให้น้ำหนักกับตัวเลขภาคแรงงานที่จะออกมาศุกร์นี้ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐวันที่ 26 ส.ค.และเช้าวันนี้ (29 ส.ค.) แข็งค่าขึ้น (โดยดัชนี Dollar cash index พุ่งขึ้นเป็น 95.5 จาก 94.5 ในวันที่ 25 ส.ค.59) สำหรับในประเทศ ตัวเลขภาคส่งออกเดือนก.ค.ออกมาแย่กว่าคาด โดย -4.4% จากที่คาดการณ์ -2.0 ถึง -2.25% นับว่าภาคส่งออกยังซบเซาและฟื้นตัวได้ช้ามาก อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนยังสามารถ Selective Buy ได้เป็นรายบริษัท (หุ้นเด่นในกลุ่มส่งออกเป็น CPF, GFPT, KCE เป็นต้น) ส่วนปัจจัยเสี่ยงในประเทศ คือ โครงการลงทุนภาครัฐอาจล่าช้ากว่าแผนที่ตั้งไว้
กลยุทธ์การลงทุน : ความไม่แน่นอนทำให้ต้องติดตามปัจจัยและตลาดอย่างใกล้ชิด การเข้าซื้อที่ราคาหุ้นโซนสูงไม่ควรหวัง Gap กำไรมาก เลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยังเหลือ Upside พอสมควร และถ้ามีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น CPNRF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังคงระวังการแกว่ง/อ่อน การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีและควร Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1540 จุด แนวต้านระยะสั้นอยุ่ที่ 1560, 1570 จุด ส่วนแนวรับกรณี SET หลุด 1540 จุดคือ 1520, 1500 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่สัญญาณเทคนิคดี มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่คือ KKP, WICE ส่วนที่ยังอยู่ใน List เป็น KAMART, CKP, S, VGI, XO หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- หุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร คือ RATCH
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค & Retail research team - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ญี่ปุ่น : ผู้ว่าการ BOJ ยืนยันว่ายังใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมได้อีก
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่ายังมีโอกาสมากสำหรับแบงก์ชาติญี่ปุ่นที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมระบุด้วยว่า BOJ อาจลดดอกเบี้ยลงอีกจากที่อยู่ในระดับติดลบอยู่แล้ว แม้มีเสียงคัดค้านจากบรรดาธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน เนื่องจากนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลกำไรต่อธุรกิจดังกล่าว โดย BOJ จะมีประชุมนโยบายในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
สหรัฐ : GDP Growth 2Q59 อยู่ที่ 1.1% เป็นไปตามคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ประจำ 2Q59 เติบโต 1.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 1.2%
- สหรัฐ : กำไรภาคธุรกิจงวด 2Q59 อ่อนลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่าอัตรากำไรหลังการหักภาษีของภาคเอกชนลดลง 2.4% ใน 2Q59 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 8.1% ใน 1Q59 ขณะที่การใช้จ่ายในภาคธุรกิจลดลง 3.7% ใน 2Q59 โดยลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2550-2552
ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศจับตาสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เครื่องชี้ภาคการผลิต (ISM Manufacturing) คำสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศอื่น ได้แก่ ดัชนี PMI ของจีน และญี่ปุ่น
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดอ่อนลงหลังรองประธานเฟดให้ความเห็นไปในทางกระตุ้นให้เฟดรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,395.40 จุด ลดลง 53.01 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,218.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.72 จุด หรือ +0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,169.04 จุด ลดลง 3.43 จุด หรือ -0.16% ในช่วงแรกดัชนี DJIA พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดขานรับการกล่าวสุนทรพจน์ของนางประธานเฟดในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งเมื่อ 26 ส.ค.59 ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
พร้อมระบุว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อใกล้แตะระดับเป้าหมายของเฟด แต่นางเยลเลนยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้แสดงความกังวลต่อการลงทุนในภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ และประสิทธิการผลิตที่ลดต่ำลง
แต่เมื่อนายฟิสเชอร์ รองประธานเฟด (ซึ่งหลายคนมองว่าความเห็นของคนนี้มีน้ำหนัก) ออกมากล่าวว่ารายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรครั้งต่อไปจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีน้ำหนักมากในกระบวนการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 20-21 ก.ย.59 ถ้าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง (โดยจะมีรายงานในวันที่ 2 ก.ย.)
ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 47.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 49.92 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐมีจำนวนคงที่ที่ระดับ 406 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีจำนวนเพิ่มขึ้น 8 สัปดาห์ติดต่อกัน แต่การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบจำกัดหลังรมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบียกล่าวยืนยันไม่เข้าแทรกแซงราคาน้ำมันในตลาด โดยเห็นว่าควรปล่อยให้กลไกของอุปสงค์และอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยกำหนดราคา และประเด็นนี้ตอกย้ำความเชื่อว่าการประชุมนอกรอบของกลุ่มโอเปกในเดือนก.ย.จะคว้าน้ำเหลว
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้นก่อนประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเลกทรอนิกส์ ดีดตัวขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.66% สู่ระดับ 1,333.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- ไทย : ส่งออกเดือนก.ค.หดตัวเกินคาด
ก.พาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนก.ค.หดตัวที่ -4.4%YoY แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะ -2.0% ถึง -2.25% ส่วนมูลค่านำเข้าเดือนนี้ลดลที่ -7.2%YoY ทำให้เกินดุลการค้า 843 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับมูลค่าส่งออก 7M59 หดตัวที่ -1.99%YoY
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ส่งออกยังคงซบเซาและฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นผลจาก 1) เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าซบเซาและเติบโตจำกัด, 2) เงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 4%YTD และ 3) ผู้ประกอบการส่งออกบางสินค้าปรับตัวไม่ทันกับอุปสงค์ในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และบางส่วนถูกตัดราคาจากคู่แข่งขันในสินค้าประเภทเดียวกันจากประเทศอื่น เราคาดว่าส่งออกปี 60 ก็จะยังทรงตัวถึงเติบโตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การลงทุนในหุ้นส่งออกต้อง Selective มากๆ หุ้นเด่นกลุ่มส่งออกอาหารเป็น CPF, GFPT ส่วนอิเลคทรอนิกส์ คือ KCE
+ PACE (ราคาปิด 3.84 บาท) : คอนโดมหานครจะโอนมากตั้งแต่ 4Q59 เป็นต้นไป
ทาง PACE ได้ออกบัตรเชิญให้แขก VIP เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ คอนโดมหานคร ที่สูงสุดในประเทศไทย ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในงาน "MAHANAKHON BANGKOK RISING" โดย Theme ของงานเป็นการแสดงแสงสีเสียง หรือ The Night of Lights โดยมี Jose Carreras เป็นผู้นำการแสดง งานจะมีในวันที่ 29 ส.ค.59 นี้...เราเห็นว่าเป็นปัจจัยบวก เพราะการเปิดตัวครั้งนี้หมายถึงความพร้อมในการโอนกรรมสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ในช่วงปลาย 3Q59 เป็นต้นไป ซึ่งตามสมมติฐานทาง DBSV ให้มีการโอน 5.8 พันล้านบาทในปี 59 (หลังจาก 2Q59 บันทึกรายได้ไป 969 ล้านบาทซึ่งขณะนั้นมีการโอนล่วงหน้าเพื่อให้ทันมาตรการรัฐบาลแต่ถือว่ายังไม่มาก) แนวโน้มผลประกอบการจะโดดเด่นมากใน 4Q59 และปี 2560 จากการโอนคอนโดจำนวนมากทั้งจากโครงการมหานคร และมหาสมุทร (หัวหิน) ประมาณการในเบื้องต้นว่ากำไรสุทธิปี 59 จะอยู่ที่ 500 กว่าล้านบาท (เข้ามามากใน 4Q59) และเพิ่มเป็น 1.3 พันล้านบาทในปี 2560 ความเสี่ยงหลัก คือ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่อาจสูงกว่าคาด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]