- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 August 2016 16:48
- Hits: 861
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AP
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
คาด SET ยังมีสิทธิปรับลงให้เป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมต่อได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET พลิกกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้ทั้งวันในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อน แต่กรอบบวกยังค่อนข้างจำกัด และมีแรงขายช่วงบวกกดดันให้อ่อนตัวเหลือปิดบวกเพียงเล็กน้อยในช่วงท้ายตลาด โดยคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดที่การประชุมแจ็คสัน โฮล ในช่วงค่ำวันศุกร์อีกครั้ง ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนเพิ่ม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นต่างประเทศยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงให้เห็น เพราะถึงแม้ว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดจะยืนยันเรื่องการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ท่าทีของรองประธานเฟดที่ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งจากการประชุมที่ยังเหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ และมีสิทธิที่จะเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่การประชุมเดือน ก.ย. ได้ ทำให้เป็นแรงกดดันตลาด ซึ่งปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้นำการขึ้นดอกเบี้ยน่าจะอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานฯ ของสหรัฐที่จะประกาศในต้นเดือนหน้า(2-3 ก.ย.) นักลงทุนบางส่วนจึงยังรอดูตัวเลขจ้างงานฯ อีกครั้ง ทำให้ FSSคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลงต่ออีกมากกว่า
กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งพักตัวลงอีกมากกว่า ก่อนจะลุ้นสร้างฐานเพื่อการขยับขึ้นรอบใหม่ในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยค่อยๆ เข้าซื้อช่วง SET ลบเช่นเดิม
แนวรับ 1545-1542 , 1538-1532 จุด
แนวต้าน 1552-1555 , 1558-1562 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CHEWA, JSP, ROBINS(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$276ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$353ล้าน และไทย US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวันUS$114ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนชะลอการไหลเข้าหลังประธานเฟดส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่งผลค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นและค่าเงินภูมิภาคอ่อนค่าลง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ประธานเฟดยังไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยชัดเจน โดยระบุเพียงความพร้อมแต่ยังไม่รีบและขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่หลังจากรองประธานเฟดที่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยมาตลอดเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นและให้จับตาตัวเลขจ้างงานที่จะเปิดเผยวันที่ 2 ก.ย.นี้ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจึงเริ่มอ่อนตัวลง โดยอาจใช้โอกาสนี้เป็นจังหวะพักหลังจากปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง ซึ่งบ้านเราก็ควรจะเป็นไปในทิศทางดังกล่าวด้วยเช่นกัน
• (+) MINT เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 2Q16 และคาดว่าจะกลับมาเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งในครึ่งปีหลังโดยใน 3Q16 จะได้รับอานิสงส์จาก High Season ของโรงแรม Tivoli ในโปรตุเกส ซึ่งล่าสุดอัตราเข้าพักปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 90% จาก 2Q16 ซึ่งอยู่ที่ราว 70% ขณะที่ 4Q16 มีโอกาสเห็นกำไรทำจุดสูงสุดใหม่และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ส่วนเหตุระเบิดที่ผ่านมาแทบไม่ส่งผลกระทบเรายังคงคาดการณ์กำไรปกติปี 2016 และ 2017 เติบโต 14.4% Y-Y และ 20.2% YYตามลำดับ คงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 48 บาท
• (+) BLA ได้ประโยชน์จากกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ล่าสุด15Y Zero-Coupon Yield ปรับขึ้นมาที่ 2.61% จาก 2.58% ในสิ้น 2Q16 ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อ Discount Rate ในการคำนวณภาระหนี้สินตามกรรมธรรม์ที่ต่ำลงลงแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ BLA จะกลับรายการ LAT Reserve ที่เหลืออีกราว 800 ลบ. ใน 3Q16 ด้วยเราแนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐานปี 2016 ที่ 51 บาท
• (+) AP เรากลับมาเริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากจะเริ่มเห็นผลบวกจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JV กับ Mitsubishi Estate Group ราว 118 ลบ.ในปีนี้และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะเป็น 725 ลบ.ในปีหน้า โดยจะเริ่มโอนคอนโดภายใต้ JV จำนวน 3 ตัวในปีนี้ และอีก 2 ตัวในปีหน้า เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำได้เพียงแค่ทรงตัวจากปีก่อนแต่จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 29.9% Y-Y ในปี 2017 ขณะที่ 2H16 จะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะเร่งตัวขึ้นและเมื่อรวมกับโครงการเก่าๆจะทำให้มีสินค้าพร้อมขายมูลค่าสูงถึงราว 6.5 หมื่นลบ. ซึ่งจะหนุนช่วย Backlog ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 1.3 หมื่นลบ. เราประเมินราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 9.30 บาท (อิง PE 8.5 เท่า) พร้อม Dividend Yield ปีหน้า 5%
• (+) K เรายังแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 8.80 บาท หลังจากได้งานปรับปรุงพื้นที่ให้ลูกค้าเพื่อทำ Walking Street ราว 170 ลบ. ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นมาที่ 500 ลบ. ยังเหลืองานตกแต่ง Shop Brand และบูธที่รอผลอีกราว 600 ลบ. ซึ่งคาดว่าจะได้งานไม่น้อยกว่า 400 ลบ. เพียงพอรับรู้รายได้ไปถึง 2Q17 เราคาดกำไรปีนี้โต 16% Y-Y ส่วนปี2017-2018 คาดโตเฉลี่ย 28% ต่อปี ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE ปีหน้าเพียง 15 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard -6% YTD เทียบกับ BKD ที่ +7% YTD
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.), ดุลการค้า (ก.ค.)
31 ส.ค.-2 ก.ย. - ไทย: Thailand Focus 2016 - A New Growth Strategy
31 ส.ค. - ไทย: TM (ราคา IPO 3 บาท) เริ่มเทรด, ธปท.รายงานภาวะ
เศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.)
1 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
2 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q16 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ส.ค.)
5 ก.ย. - ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Labor Day
- จีน: Caixin China PMI Composite (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังปิดต่อหลังรองประธานFED ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้าขณะที่ถ้อยคำแถลงของนางเยลเลนบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนบวกโดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยคำแถลงของประธาน FED
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ดีดตัวขึ้นแรงจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
(0) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.55-34.70 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.31ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐฯมีจำนวนคงที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยแถลงของประธาน FEDที่ระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไป
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับขึ้น 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,325.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนท่ามกลางการแถลงของประธาน FED ที่เมือง Jackson Hole
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research