- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 August 2016 16:44
- Hits: 961
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา มีการเก็งกำไรในรอบเช้า SET INDEX ขึ้นไปทดสอบด่าน 1,555 จุดอีกครั้ง แต่ก็เผชิญกับแรงขาย เพื่อปิดความเสี่ยงจากถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันศุกร์ ท้ายสุด SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,549.41 จุด บวก 5.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48,008 ล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ 752 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 6,443 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 เพียง 627 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2-3 เดือนข้างหน้า ยังต้องรอดูตัวเลขการจ้างงานและเศรษฐกิจ
- แต่ Bloomberg consensus คาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.ขยับเป็น 42% จากวันที่ 25 ก.ย.ที่คาด 32%
- ประธาน BoJ ยืนยันพร้อมเพิ่มมาตรการทางการเงินอย่างไม่ลังเล หากจำเป็น
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 10)
แม้ว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ Jackson Hole จะไม่ต่างกับถ้อยแถลงก่อนหน้าก็ตาม กล่าวคือ เฟดจะยังต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ / การจ้างงาน / เงินเฟ้ออีกระยะหนึ่ง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหน้า แต่ Bloomberg consensus คาดการณ์โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.ขยับเป็น 42% โดยตลาดยังคงคาดเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ด้วยโอกาส 64.7% เช่นเดิม
อีกทั้งปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้อยู่ที่ งาน Thailand Focus ที่ผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศกว่า 200 ชีวิต จะเข้าพบผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน 140 บริษัท ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุน 2 กลุ่มนี้มีโอกาสชะลอตัวในสัปดาห์นี้ มีเพียงเม็ดเงินจากการปิดขายกองทุน Trigger Funds จำนวน 2 กองทุนที่จะเริ่มทยอยเข้าในช่วงนี้ ซึ่งจะช่วยจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นไทยในภาพรวม ทำให้ SET INDEX ยังคงแกว่งในกรอบแคบไร้ทิศทาง ด่าน 1,555 จุด ยังไม่น่าผ่านได้ในช่วงสั้นๆ นี้ เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบเพียงปัจจัยเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการผลักดัน SET INDEX
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำ "เลือกลงทุนเป็นรายตัว เน้นกลุ่ม Domestic Play" เช่นเดิม โดยอาจเลือกไปที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก ภายใต้กระแสเงินทุนจากกองทุนที่ชะลอตัวในช่วงนี้ ประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,540-1,555 จุด
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร BLAND : ราคาปิด 1.73 บาท ราคาเหมาะสม 2.00-2.50 บาท
a) MBKET คาด BLAND จะมี downside risk จำกัด หลังประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 2,278 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 911 ล้านหุ้น หรือเทียบเท่าราคาเพดานซื้อคืนหุ้นละ 2.50 บาท และกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่ 30 ส.ค. 2559 - 28 ก.พ.2560
b) Valuation ถูก ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 2.40 บาท และเรามีมุมมองเชิงบวกต่อโครงการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากจะส่งผลให้ตัวเลขทางการเงินดีขึ้น เช่น ROE, EPS และช่วยดูดซับ Free Float ของบริษัทที่สูงถึง 69.5% ให้ลดลง
a) ราคาปิดวานนี้ยังต่ำกว่าราคาเพดานซื้อหุ้นคืน เชิงกลยุทธ์จึงประเมินว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่บริเวณ 2.00-2.50 บาท
2. สะสม RATCH : ราคาปิด 53.75 บาท ราคาเหมาะสม 58.00 บาท
c) หุ้นกลุ่ม Defensive จะ Outperform ตลาด และเป็นที่พักเงินได้ดี หลังตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. มีโอกาสถึง 42%
d) จะขึ้น XD เงินปันผล 1H59 หุ้นละ 1.10 บาท วันที่ 6 ก.ย.คิดเป็น Dividend Yield 2.01%
e) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +18.5% yoy เป็น 5.9 พันล้านบาท จากแรงผลักดันของโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ RATCH ถือหุ้นสัดส่วน 40% และยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้น 13.16% เทียบกับ EGCO +29.04%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาขายสุทธิมากถึง US$276 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง US$19 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติทยอยปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures อีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ 752 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้า 7,339 ล้านบาท และส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 111,068 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 6,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาปิดสถานะ Short อีกครั้ง ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิลดลงเหลือ 14,542 สัญญา กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 2.09 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 4.13 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เพียง 627 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,781 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเล็กน้อยเป็นวันที่ 2 ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 1.25bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.30bps ปิดที่ 2.137%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 663 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 839 ล้านบาท และเป็นการกระจายตัวในหุ้นต่อเนื่อง
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 36 วันทำการ แต่เป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มมากกว่าลดน้ำหนักกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเพียง 92 ล้านบาท เทียบกับ 35 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 77,350 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR เป็นการลดน้ำหนักกลุ่ม ICT และกลุ่มอาหาร มากกว่าการสะสมกลุ่มธนาคาร และ SCC ทำให้ภาพรวมออกมาเป็นการขายสุทธิแต่ไม่มาก
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
- GDP ใน 2Q59 ขยายตัว 1.1% qoq เท่ากับ Bloomberg consensus คาด แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.2% qoq เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ขยายตัวเด่น แม้ว่าระดับสต็อกสินค้าจะปรับตัวลงก็ตาม
- ดุลการค้าเดือนก.ค. ขาดดุล US$5.96 หมื่นล้าน ดีวกว่า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$6.32 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล US$6.45 หมื่นล้าน โดยการส่งออกขยายตัวเด่น 2.4% mom เทียบกับเดือนก่อนหน้า +0.6% mom ขณะที่การนำเข้าหดตัว 1.3% mom จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 2.3% mom โดยเป็นการนำเข้าสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ลดลงแรง
- ดัชนี Consumer sentiment เดือนส.ค. เท่ากับ 89.8 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 90.7 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 90.4 จุด
ประธานเฟดยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย: ถ้อยแถลงของประธานเฟด Janet Yellen ที่ Jackson Hole พบว่า
ประธานเฟดยังคงให้สัญญาณที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2-3 เดือนข้างหน้า
- ยังไม่มีประเด็นสำคัญในถ้อยแถลงครั้ง และอาจทำให้ไม่มีการสร้างความประหลาดใจอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน
- แม้ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น การจ้างงานที่แข็งแกร่ง แนวโน้มกิจกรรมและอัตราเงินเฟ้อยังเป็นไปในทางที่ดี ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
- แต่เฟดจะตัดสินใจจากตัวเลขเศรฐษกิจในช่วงที่เหลือ อีกทั้งมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ การลงทุนของภาคเอกชนที่อยู่ในระดับต่ำ และประสิทธิภาพการผลิตที่ลดลง
- และที่น่าสนใจคือ หากเฟดกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยลงเข้าใกล้ 0.0% และการกลับมาใช้นโยบาย QE ได้อีก แต่ผลของมาตรการกระตุ้นดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะลดลง ดังนั้น เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบันไปจนกว่าเงื่อนไขต่างๆ ดีขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะยาวจะอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วก็ตาม
รองประธานเฟดต้องการรอดูตัวเลขการจ้างงานในเดือนหน้าก่อนการตัดสินใจ: นาย Fischer รองประธานเฟด ให้ความเห็นต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ต้องพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจในอนาคต มากกว่าตัวเลขที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะการจ้างงานในเดือนหน้า รวมถึงตัวเลขอื่นๆ ที่จะมีการรายงานต่อจากนี้ไป เช่นอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 2% เป็นต้น
ยุโรป
เยอรมันยังคงเตือนแนวทางการทำ Brexit จะมีความยากในการเจรจา: รองรมว.ต่างประเทศของเยอรมัน ได้เตือนถึงแนวทางการเจรจาของอังกฤษเพื่อนำไปสู่การออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู อังกฤษจะไม่สามารถเลือกการเจรจาเป็นรายกรณี เพื่อให้ดีที่สุดต่ออังกฤษ เพราะแนวทางดังกล่าวจะถูกจำกัด
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
BoJ ส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการทางการเงิน: ประธาน BoJ นาย Kuroda ยืนยันในการประชุมที่ Jackson Hole ว่าเขาจะไม่ลังเลในการเพิ่มมาตรการทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหากจำเป็น เพราะ BoJ ยังไม่ช่องมากพอที่จะเพิ่มมาตรการทางการเงินใน 3 ด้าน เพียงแต่ BoJ จะมีความระมัดระวังในการพิจารณาใช้นโยบายการเงินแต่ละด้าน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ BoJ จะประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและระมัดระวัง ถึงกิจกรรมและอัตราเงินเฟ้อในการประชุม BoJ ทุกๆ ครั้ง พร้อมเพิ่มมาตรการอย่างไม่ลังเลหากจำเป็น
ไทย
ยอดส่งออกไทยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4: ลดลง 4.4% yoy สำหรับเดือน ก.ค. จากเดือนก่อนที่หดตัว 0.07% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ -2.20% yoy สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลง รวมถึงการส่งออกรถยนต์ที่ลดลงเช่นกัน ทำให้การส่งออกใน 7M59 หดตัว 2.0% yoy ด้านการนำเข้าลดลง 7.20% yoy ในเดือน ก.ค. ทำให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ระดับ US$1.21 พันล้าน
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530