- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 August 2016 16:15
- Hits: 1793
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'อ่อนตัวลงเล็กน้อย'
SET ปิดปรับตัวลดลงจากวานก่อน โดยมีแรงขายออกมาจากหุ้นกลุ่ม Big Cap กระจายในทุกกลุ่ม ซึ่งถูกกดดันจากความกังวลต่อทิศทางของดอกเบี้ยสหรัฐที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงหยุดสุดสัปดาห์นี้ จากการแถลงของประธาน FED โดยที่นักลงทุนต่างประเทศเป็นกลุ่มเดียวที่มียอดเป็น Net Buy สำหรับประมาณการซื้อขายอยู่ในระดับหนาแน่นที่ระดับ 5.7 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) สัญญาราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากแรงเก็งกำไร และความคาดหวังต่อการจัดประชุมของ OPEC 26-28 ก.ย.
(+) นักลงทุนต่างชาติมี Net Buy ต่อเป็นวันที่ 7 มูลค่า 1 พันล้านบาท รวม 7 วัน Net Buy มูลค่า 7.1 พันล้านบาท
(-) ภาคธนาคารหลายแห่งประเมินว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่แจ็คสันโฮลครั้งนี้
(-) ตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนี ส.ค. (Germany Ifo Business Climate Index) ซึ่งสะท้อนมุมองต่อเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าแย่กว่าที่ตลาดคาด
(+/-) ปลัดกระทรวงพาณิชย์เผยหากมีการตัดราคาอย่างไม่เหมาะสมในตลาดข้าว อาจจะกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ
(+/-) ญี่ปุ่นรายงานดัชนีราคา (CPI) ในช่วงเดือน ก.ย. หดตัว 0.4% YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนถึงปัญหาเงินฝืดของญี่ปุ่น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
แนวโน้มราคาน้ำมัน และจำนวนแท่นเจาะน้ำมัน Baker-Huges
การรายงาน GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐรอบตรวจทาน ตลาดมองว่าจะมีการปรับลดลงจากที่ประกาศก่อนหน้าเล็กน้อย
การแถลงการของนางเจเน็ต เยลเลนในการประชุมประจำปีของ FED ที่แจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค. ต่อแนวโน้มดอกเบี้ย
กลยุทธ์การลงทุน 'รอการพักฐาน'
ประเมินแนวโน้มดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลง ตามโมเมนตัมของตลาดต่างประเทศ และความกังวลต่อท่าทีของถ้อยแถลงของประธาน FEDในช่วงค่ำวันนี้ จากที่เราแนะนำให้ลดน้ำหนักในช่วงกลางสัปดาห์ และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยเด่น เราปรับคำแนะนำให้ทยอยสะสมกลับบางส่วน หากมีการย่อตัวแรงของดัชนีในวันนี้ โดยมองแนวรับที่ 1,530-1,524 จุด แต่หากดัชนีซึมตัวลงเล็กน้อย เราแนะนำให้รอความชัดเจนของถ้อยแถลงก่อนปรับกลยุทธ์ในสัปดาห์หน้า คงเน้นหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัวและกลุ่ม Domestic Play
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CK เก็งกำไร
เซ็นงานเพิ่มโครงการไซยะบุรีกว่า 19,000 ล้านบาท หนุนรายได้ปี 59 โตแบบก้าวกระโดด
ลุ้นได้งานต่อจาก BEM ในโครงการเดินรถสายสีน้ำเงินหลังใช้ม.44 ให้รัฐให้ รฟม. เจรจาให้เสร็จภายในไม่เกิน 60 วัน
พร้อมประมูลงานภาครัฐทุกโครงการโดยเฉพาะงานรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง (ส้ม ชมพู และเหลือง) และรถไฟทางคู่
PAP เก็งกำไร
คาดผลประกอบการ 3Q59 มีกำไร จาก High Season และราคาเหล็กทรงตัวในระดับสูง
ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 59 ต่ำกว่า 7 เท่าคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสูง 9%ต่อปี
ตั้งเป้ายอดขายปี 59 ที่ 3.5 แสนตัน (+17%YoY) และปี 60 เตรียมเพิ่มเป็น 4 แสนตัน (+14%YoY)
ราคาเหล็ก (Hot Roll Coil Steel) ที่พุ่งขึ้น 62%YTD หนุนกำไร 1H59 สูงถึง 346 ลบ. (EPS 0.52) โดยพลิกจากที่เคยขาดทุนในปีก่อน
ทีมวิเคราะห์