- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 August 2016 17:14
- Hits: 2598
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ทั้งโลกรอฟังคำกล่าวของประธาน Fed
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวทรงตัวในวันนี้ โดยนักลงทุนน่าจะระมัดระวัง และไม่กล้าเสี่ยงมากนักก่อนที่เจเน็ท เยลเล็น ประธาน Fed จะมีถ้อยแถลงที่อาจบ่งชี้การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในวันศุกร์ที่ Jackson Hole อัตราความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ย ตอนนี้สูงขึ้นทั้งในเดือน ก.ย.และเดือน ธ.ค. หลังจากนักลงทุนเริ่มคาดมากขึ้นว่า เยลเล็น อาจมีความเห็นเช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ที่ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ด้วยท่าทีว่าจะขึ้นดอกเบี้ย ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อตลาดเท่าใด เราไม่ค่อยกังวลกับตัวเลขรถยนต์ เดือน ก.ค. มากนักหลังจากการเปลี่ยนรุ่นของรถยนต์หลายยี่ห้อทำให้ยอดขายพุ่งมาก่อนหน้าแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้ : RATCH (ราคาปิด 52.50 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 58.48 บาท)
เราเลือก บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วย Valuation ที่ยัง Laggard เงินปันผลที่ยังสูงในระดับที่จูงใจ รวมไปถึงการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและ Upside การเติบโตจากโครงการลงทุนใหม่ๆ เราคาดผลการดำเนินงานปีนี้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง YoY จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้วเนื่องจากการหายไปของรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วรวมถึงแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่น้อยกว่าอย่างมีนัยฯ ประกอบกับการเติบโตของกำไรปกติจากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าหงสา กำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ ทั้ง 3 เฟสพร้อมกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จากประมาณการที่รวบรวมโดย Bloomberg consensus คาด EPS ปีนี้ฟื้นตัว 105% YoY มาอยู่ที่ 4.50 บาท/หุ้น ก่อนจะเติบโตปกติอย่างมีเสถียรภาพต่อเนื่องอีกเฉลี่ยปีละ 6% ต่อปีในปี 2560 และ 2561
ขณะที่ RATCH มีโครงการโรงไฟฟ้าในมือที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาในช่วง 5 ปีข้างหน้าอีก 518 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) รวมไปถึงโครงการใหม่ๆ ในอนาคตที่อยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งความพร้อมทางด้านฐานะทางการเงินด้วยหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนที่ต่ำเพียง 0.38 เท่า ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 59 จะช่วยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายในระดับที่น่าสนใจ ด้วย PBV ปีนี้ที่ต่ำเพียง 1.1 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยต่อปีอีกราว 5.0% ในส่วนของ Price Pattern ของ RATCH มีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal ซึ่งหาก Price Pattern ของ RATCH สามารถปิดตลาดรายเดือน (ส.ค. 59) ได้เหนือ 51.25 บาท ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) ไปสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ทันที ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ RATCH มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 53 บาท โดยหาก Price Pattern ของ RATCH มีความแข็งแกร่งมากพอและสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 53 บาทได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 55.25 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 57.25 บาท โดย RATCH มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 51 บาท (แนวต้าน: 52.75, 53.25, 53.75; แนวรับ: 52.00, 51.50, 51.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ตัวเลขยานยนต์แผ่วลง ก.ค. ส.อ.ท. รายงานตัวเลขผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. ลดลง 7.2% YoY (-14.4% MoM) เหลือ 153,950 คัน ยอดขายภายในประเทศหดตัว 0.4% YoY (-8.2% MoM) เหลือ 60,635 คัน ขณะที่ยอดส่งออกรถสำเร็จรูปลดลง 3.1% YoY (7.4% MoM) เหลือ 99,155 คัน แต่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 4.2% สู่ 5.153 หมื่น ลบ. สำหรับช่วง 7 เดือนแรก ตัวเลขผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 4.2% สู่ 1,147,330 คัน ส่งออกบวก 2.3% สู่ 693,978 คันและมูลค่าส่งออกเพิ่ม 18% สู่ 3.7 แสน ลบ. ด้านยอดขายในประเทศคงที่เท่ากับ 429,265 คัน (FTI) ความเห็น: อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอลงหลังจากตัวเลขช่วง ม.ค. ถึง มิ.ย.นั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีผลจากการย้ายสายการผลิต
และการปรับแผนการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ และผลจากการที่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาทำให้คนเร่งซื้อของใหม่ไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ช่วงนี้จึงดูต่ำลง ในไตรมาส 3/59 และยังไม่มีการปรับเป้าการผลิตรถยนต์ของ ส.อ.ท. (1.95-2 ล้านคัน เติบโต 2-4%) ในระยะยาวเราเชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้จะฟื้นตัวต่อเนื่องและน่าจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เราจัดอันดับการลงทุนเป็นกลางสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยแนวโน้มเป็นบวก
เสนอแผนหนี้สาธารณะส่งให้ ครม. อนุมัติ แผนบริหารหนี้สาธารณะวงเงิน 1.56 ล้าน ลบ. สำหรับปีงบประมาณ 60 โดยจะกู้ยืมส่วนเพิ่ม 6.14 แสน ลบ. น่าจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบได้สัปดาห์หน้า โดยจะเป็นการกู้ยืมภายในประเทศ 5.8 หมื่น ลบ. เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับรถไฟฟ้าสี่สาย อาทิ สายสีเหลือง น้ำเงิน แดงและส้ม การกู้ยืมต่างประเทศ เช่น จากเอดีบี จะใช้บางส่วนเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการ (Bangkok Post) ความเห็น: หนี้ต่อ GDP สำหรับปี 60 คาดว่าจะอยู่ที่ 45.5% เพิ่มเล็กน้อยจาก 44.2% ในปีงบประมาณ 59 ระดับนี้ถือว่ายังดีเทียบกับระดับสูงสุดตามแผนซึ่งกำหนดไว้ที่ 60% ของ GDP
การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในปีงบประมาณนี้อาจพลาดเป้า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดเผยว่าการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้ (สิ้นสุด 30 ก.ย. 59) อาจทำได้ไม่ถึงเป้าที่ 87% หลังจากที่ ณ วันที่ 19 ส.ค. ทำได้เพียง 59.8% อย่างไรก็ตามคาดหวังจะเห็นการเร่งเบิกจ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นปกติ ขณะที่มาตรการกระตุ้นซึ่งได้รับการอนุมัติจากครม. ล่าสุด คาดจะช่วยเร่งการเบิกจ่ายงบในช่วงไตรมาสระหว่างเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. ได้ (Bangkok Post)
BEM (8.10 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมายบ AWS 10.10 บ.) บอร์ด รฟม.ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง จาก 14-42 บาทต่อเที่ยว เป็น 14-29 บาทต่อเที่ยว เริ่ม 1 ก.ย.นี้ โดย รฟม.คาดว่าจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสายเพิ่มขึ้นได้ 30% จาก 20,000 คนต่อวันในปัจจุบัน (InfoQuest) ความเห็น: การปรับราคาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อรายได้รถไฟฟ้าสายสีม่วงของ BEM ยังรับรู้รายได้จากการรับจ้างเดินรถไม่อิงกับจำนวนผู้โดยสารและค่าโดยสาร ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท
ต่างประเทศ
พันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพุธ ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธาน Fed ในวันศุกร์นี้เพื่อดูสัญญาณใหม่ ๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 2/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.56% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันอังคารที่ระดับ 1.55% อัตราผลตอบแทนมีการซื้อขายกันอยู่ที่ระหว่าง 1.45%-1.63% นับแต่กลางเดือนก.ค. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ และมีการซื้อขายเบาบาง โดยมีแรงหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่ปรับตัวขึ้นได้จำกัดเนื่องจากความไม่แน่นอนก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธานเฟด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.2% อยู่ที่ระดับ 94.764 จุด เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในตะกร้าเงิน (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนยังคงชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและราคาน้ำมันร่วงลง หุ้นกลุ่มวัสดุและประกันสุขภาพฉุดตลาดลง ก่อนหน้านี้มีความคิดเห็นแข็งกร้าวมาจากเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน ในนั้นรวมถึงรองประธานสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ ที่เพิ่มความคาดหมายว่านางเยลเลน อาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้ (Reuters)
คาดการณ์แนวโน้มที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. อยู่ที่ 18% เพิ่มขึ้นจาก 12% ณ สิ้นสัปดาห์ที่แล้ว จากCME Group’s FedWatch ส่วนความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. สูงกว่า 50% เล็กน้อย (Reuters)
ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกัน 4 เดือน เนื่องจากสต็อกบ้านมือสองมีอยู่จำกัด แต่ราคาบ้านที่ปรับตัวขึ้นต่อบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาฯ ยังคงแข็งแกร่ง ยอดขายบ้านมือสองลดลง 3.2% สู่ระดับ 5.39 ล้านยูนิตในเดือนก่อน ภาวะขาดแคลนบ้านมือสองในตลาดทำให้ราคากลางของบ้านเพิ่มขึ้น 5.3% YoY ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 0.4% สู่ระดับ 5.51 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. และปรับตัวลง 1.6% YoY สำนักงานการเงินการเคหะของรัฐบาลกลาง (FHFA) เปิดเผยว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้น 1.2% QoQ หรือ 5.6% YoY ในไตรมาส 2/59 (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวสูงขึ้น นำโดยการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธ.พ. บนข่าวความเป็นไปได้ของการเลิกกิจการของ UniCredit ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการที่ไม่สดใสของหุ้น Glencore ซึ่งประกอบธุรกิจเหมืองแร่สัญชาติอังกฤษ ส่งผลกดดันราคาหุ้นให้ปรับตัวลดลง (Reuters)
เอเชีย :
รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจในเดือนสิงหาคม แต่นำเสนอมุมมองเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคลดลงกว่าเดือนที่แล้ว ขณะที่การใช้จ่ายในครัวเรือนอ่อนแอลงและเงินเยนที่แข็งแกร่งทำให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง นอกจากนี้รัฐบาลยัง มีแผนออกแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต มูลค่า 13.5 ล้านล้านเยน (135 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) (Reuters)
จีนใช้ขั้นตอนเชิงรุกเพื่อปิดความเสี่ยงทางการเงินและธนาคาร: เจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยในวันพุธว่าลดกฎระเบียบเพื่อช่วยผู้ให้กู้ยืมเงินแบบ peer-to-peer (P2P) ในปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่งของแพลตฟอร์ม 4,000 รายมีปัญหาการให้กู้ยืม การให้กู้ยืม P2P มูลค่า 93 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นแหล่งที่มาของเงินทุนสำหรับบุคคลและธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกมองข้ามโดยภาคบริการทางการเงินของประเทศแบบดั้งเดิม (Reuters)
ทรัมป์มุ่งประเด็นไปที่การค้าจีน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนลงรับสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกันขู่ที่จะปรับลดอัตราภาษีศุลกากรที่เกี่ยวกับสินค้าจีนเพื่อแสดงให้จีนเห็นว่าสหรัฐ “ไม่ได้เล่นเกมอีกต่อไป” ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับระดับสนามการค้า ทรัมป์กล่าววว่าสหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 ทั้งนี้ นายทรัมป์ซึ่งมีคะแนนล้าหลังกว่านางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนรับสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตจากผลสำรวจความเห็น ซึ่งให้คำมั่นว่าจะสร้างงานในภาคการผลิตในสหรัฐให้มากขึ้น (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงวันพุธ น้ำมันดิบสหรัฐปิดลบราว 3% เพราะสต็อกน้ำมันเพิ่มผิดขาดทำให้กลับมากังวลเรื่องน้ำมันล้นเกินในตลาดอีกครั้ง US EIA รายได้สต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้วเทียบกับคาดการณ์เฉลี่ยที่ 5 แสนบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 1.33 ดอลลาร์ (-2.8%) ปิดที่ 46.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ลบ 91 เซนต์ (-1.8%) ปิดที่ 49.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองร่วง 1% แตะจุดต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์วันพุธ เพราะดอลลาร์แข็งค่าและตลาดจับตาความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของประธาน Fed ราคาทองคำตลาดจรลบ 1% ปิดที่ 1,324.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐลบ 1.2% ปิดที่ 1,329.70 (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094