- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 August 2016 17:08
- Hits: 919
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET มีความผันผวนตามราคาน้ำมัน และแรงหนุนต่างชาติแผ่วเบาลง กลยุทธ์ให้เลือกลงทุนรายหุ้น เน้นไปที่ผลประกอบการเด่นในงวด 3Q59 ยังชื่นชอบ GFPT(FV@B17) และ TFG([email protected]) วันนี้เลือก Top pick BA([email protected]) เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวเกาะสมุย และได้ประโยชน์จากน้ำมันที่ยังต่ำในปัจจุบัน
SET ถูกกดดันจากหุ้นน้ำมัน หลังสต๊อกน้ำมันสูงเกินคาด
วานนี้มีรายงานสต็อกน้ำมันของสำนักสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) รายสัปดาห์สิ้นสุด 19 ส.ค. พบว่า น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สวนทางตลาดคาดลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการกลับมาเพิ่มขึ้นหลังลดลงไปในสัปดาห์ก่อน ปัจจัยหลักยังคงมาจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 4.49 แสนบาร์เรล เป็น 8.642 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 20% yoy) แต่การผลิตในประเทศกลับลดลง 8.5% yoy เช่นเดียวกับสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินเพิ่มขึ้น 3.6 หมื่นบาร์เรล และน้ำมันดีเซลและน้ำมันกลั่น เพิ่มขึ้น 1.22 แสนบาร์เรล ซึ่งดีกว่าตลาดคาด (เพิ่มขึ้น 4 แสนบาร์เรล)
ขณะที่ Dollar Index กลับมาทรงตัวถึงแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากผลสำรวจ Fed Fund Future บ่งบอกว่าโอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา หนุน Dollar Index ให้ปิดตลาดวานนี้ที่ 94.806 แข็งค่าขึ้น 1% นับจากต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกลับมากดดันราคาน้ำมันตลาดล่วงหน้าวานนี้ให้ลดลง ทั้ง WTI ลดลง 3% และ Brent ลดลง ราว 2%
ขณะที่ปัญหา Oversupply แม้ยังมีอยู่ แต่มีแนวโน้มผ่อนคลาย จากระดับราคาที่ต่ำไม่จูงใจให้ผู้ประกอบการที่มีต้นทุนสูงทนอยู่ได้ ทำให้ปริมาณน้ำมันใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดเริ่มลดน้อย และ ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก พร้อมจะหันมาเจรจาเพื่อคงกำลังการผลิต คงต้องติดตามผลการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่ม OPEC วันที่ 26-28 ก.ย. นี้ เพื่อหารือคงกำลังการผลิตภายในกลุ่ม จึงทำให้ประเมินว่าราคาน้ำมันน่าจะย่อตัวเพียงช่วงสั้น โดยน่าจะยืนเหนือ 40 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่กรอบบนน่าติด 48-49 เหรียญฯ ระยะสั้นจึงหุ้นน้ำมันทั้ง PTTEP และ PTT ให้ชะลอการลงทุนระยะสั้น สำหรับผู้ที่ยังไม่มีหุ้นทั้ง 2
ต่างชาติขายหุ้นเกือบทุกตลาดในภูมิภาค ยกเว้นตลาดหุ้นไทย
แรงขายหุ้นในภูมิภาคเริ่มมีสัญญาณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยวานนี้ต่างชาติได้สลับมาขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 106 ล้านเหรียญ แม้ยังเป็นเม็ดเงินที่ไม่มาก แต่เป็นการขายที่สูงที่สุดในรอบ 49 วันที่ผ่านมา และเป็นการขายสุทธิถึง 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซียขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 64 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) ตามมาด้วยเกาหลีใต้ขายสุทธิ 37 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว), ฟิลิปปินส์ขายสุทธิ 32 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) และไต้หวันขายสุทธิ 6 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิเพียงวันเดียว) ยกเว้นตลาดหุ้นไทยที่ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 43 ล้านเหรียญ หรือ 1.5 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6) สวนทางนักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิ 1.6 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิ 3 วัน)
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิราว 6.3 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิราว 1.6 พันล้านบาท (หลังจากขายสุทธิเพียงวันเดียว)
ลงทุนใน 2H59 เน้นหุ้นกำไรเด่นงวด 3Q59 : TK, S11, KCAR, BA, TFG, GFPT
ตลาดหุ้นโลกในช่วงนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยที่ยังไม่ได้มีปัจจัยหรือสภาวะแวดล้อมใดเปลี่ยนแปลงไปมากนัก นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ในการประชุมที่ Jackson Hole วันศุกร์นี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ก่อนที่จะมองข้ามไปยังเดือนหน้า ที่จะมีการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญๆ หลายแห่ง (8 ก.ย. ประชุม ECB, 15 ก.ย. ประชุม BOE, 20-21 ก.ย. ประชุม Fed ช่วงเดียวกับการประชุม BOJ) ซึ่งตั้งอยู่บนความคาดหมายว่าจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยหลังการรายงานผลประกอบการ 2Q59 เสร็จสิ้นลงไปตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1530-1550 จุด ทำให้ตลาดขาดแรงขับเคลื่อนในช่วงสั้น แม้กระแส Fund Flow จากนักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่ภาพรวมกลุ่ม TIP เริ่มเห็นการขายสุทธิออกมาบ้างแล้ว จึงทำให้การปรับขึ้นของตลาดยังค่อนข้างเป็นไปได้จำกัดในช่วงนี้
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำให้มองไปที่ผลประกอบการ 3Q59 หรือ 2H59 มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่ ASPS ประเมินว่ามีแนวโน้มที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีจะเติบโตได้โดดเด่น ได้แก่
กลุ่มเกษตร-อาหาร : งวด 3Q59 จะเป็นช่วง High Season จากการเข้าฤดูกาลส่งออกอาหารสู่ต่างประเทศ ทำให้ราคาไก่ และ สุกร ยังทรงตัวสูงต่อเนื่องจากงวด 2Q59 โดยหุ้นที่มีกำไรเติบโตโดดเด่นจากงวด 2Q59 ได้แก่ TFG ([email protected]) GFPT (FV@B17) ที่ราคาไก่และหมูอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ
กลุ่มชิ้นส่วนฯ : งวด 3Q59 จะเป็นช่วง High Season ของการส่งออก หนุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเทศกาลวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ยังชอบหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรโดดเด่นจากงวด 2Q59 ได้แก่ SVI (FV@B6), HANA (FV@B42) และ DELTA (FV@B80) ส่วน KCE (FV@B100) คาดกำไรทำ new high อีกไตรมาส แต่ราคาหุ้นเกินมูลค่าหุ้นจึงแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
กลุ่มเช่าซื้อ : ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ผู้ให้เช่ารถยนต์ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการด้านประมูลรถยนต์ ฝ่ายวิจัยเลือก ASK ([email protected]), S11 ([email protected]), AUCT ([email protected]), KCAR([email protected]) เป็นหุ้น top picks ของกลุ่มฯ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ภาพรวมสินเชื่อจะดีขึ้นใน 4Q59 ซึ่งเป็นช่วง High Season ยังชอบ BBL (FV@B200), TCAP(FV@B51) ในฐานะตัวเลือกที่ปลอดภัยสุด
กลุ่มสายการบิน : เลือก BA ([email protected]) จากการได้ประโยชน์ของการเข้าสู่ช่วง High Season เกาะสมุย สะท้อนจาก Cabin Factor เดือน ก.ค. สูงเกิน 70% และคาดว่าช่วง 2H59 จะสูงกว่า 1H59 ที่ 69.6% หนุนยอดทั้งปีจะสูงกว่าสมมติฐานฝ่ายวิจัยที่ 68.3% นอกจากนี้ หุ้นที่คาดว่าน่าจะได้ประโยชน์อีกรายจากการเข้าสู่ High Season คือ RP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากทั้งเรือโดยสารและเรือขนส่งในเส้นทางเกาะสมุย เกาะพะงัน อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของไทย
รณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์