- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 August 2016 16:55
- Hits: 928
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : --
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
คาด SET ยังมีกรอบบวกจำกัด และลุ้นปรับตัวลงต่อได้อีก...รอซื้อลบ!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดแกว่งตัวผันผวนบวก-ลบในกรอบแคบเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่ยังค่อนข้างไร้ทิศทาง แต่ช่วงสายตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงซื้อหนุนเข้ามามากขึ้นในหุ้นใหญ่ของกลุ่มหลักๆ ทำให้ SET ขยับบวกขึ้นมาได้ดีอีกครั้ง แต่ในภาคบ่ายตลาดก็กลับไปแกว่งแคบเช่นเดิม แม้ว่าจะยังไม่ได้ปรับตัวลง แต่ก็แสดงถึงแรงขายทำกำไรช่วงบวกที่ยังมีอิทธิพลกดดันตลาดอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ค่อยสดใสนัก แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดบวกได้ จากมุมมองเชิงบวกที่ว่าแนวโน้มของภาคธนาคารในยุโรปยังแข็งแกร่งในระยะยาว แต่ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มแกว่งผันผวนด้านลบมากขึ้นและปิดลบพอควร จากการปรับตัวลงค่อนข้างแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลัง EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐขยับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.ค. ของสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้นักลงทุนยังเทขายหุ้นกลุ่มเฮลธ์ แคร์ จากข่าวการถูกประณามของผู้ผลิตยารายใหญ่ในสหรัฐที่ปรับขึ้นราคายาที่ใช้รักษาอาการแพ้ยา ส่งผลให้เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังแกว่งผันผวนในลักษณะอ่อนแอลงต่อ FSS จึงยังคาดว่า SET มีสิทธิผันผวนและปรับลงอีกได้ โดยนักลงทุนบางส่วนยังรอดูสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันพรุ่งนี้ด้วย (26 ส.ค.)
กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมช่วง SET ปรับตัวลงดีกว่า
แนวรับ 1545-1543 , 1538-1536 จุด
แนวต้าน 1550-1553 , 1556-1558 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PLANB, S11, WHA(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกเป็นไหลออกจากภูมิภาค US$120ล้านไหลออกจากทุกประเทศยกเว้นไทยที่เดียวที่เป็นยอดซื้อ US$43 ล้าน ขณะที่ประเทศอื่นในกลุ่ม TIP ถูกขายค่อนข้างมาก อินโดนีเซียมีเม็ดเงินไหลออกUS$64ล้าน และฟิลิปปินส์ US$32ล้าน ส่วนเกาหลีใต้และไต้หวันมีเม็ดเงินไหลออกเช่นกัน US$46 ล้านและ US$16 ล้าน แนวโน้มเงินทุนน่าจะชะลอตลาดยังคงจับตาคำกล่าวของประธานเฟดในคืนวันศุกร์นี้ที่แจ็คสันโฮล
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ไม่น่าเห็นความชัดเจนจากแจ๊กสันโฮล นักลงทุนทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับการประชุมประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole 25-27 ส.ค. โดยเฉพาะคำแถลงของนางเยลเลนวันที่ 26 ส.ค. เราคาดว่าจะไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ แต่น่าจะรอตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค. ศุกร์หน้าก่อน แนวโน้ม Flow อาจชะลอการซื้อไปจนถึงการประชุม Fed 19-20ก.ย. ซึ่งเราเชื่อว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ย ยังแนะนำสะสมหุ้นที่กำไรเติบโตดีปีนี้และปีหน้าได้แก่BJC, SAPPE, TACC, BEM, EPG, CPF, ARROW, CK, SCC, SCB เป็นต้น
• (-) ยอดผลิตรถพลิกกลับมาชะลอเดือน ก.ค. สะท้อนภาวะอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ค. -14% M-M, -7% Y-Y ลดลงทั้งยอดขายในประเทศ (-20% M-M, -0.4% Y-Y) และส่งออก (-5% M-M, -3% Y-Y) แนวโน้มน่าจะชะลอเพราะเร่งตัวไปมากใน 1H16 และความผันผวนของค่าเงินทำให้ยอดส่งออกทำได้แค่ทรงกับทรุด หุ้นเด่นของกลุ่มยังเป็น FPI (ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท) และ EPG(เป้าหมาย 15.00 บาท)
• (+) กกพ.ประกาศผลผู้ชนะโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้วันนี้...ระวัง Sell on factจำนวนที่รับซื้อมีเพียง 36MW แต่มีผู้สอบผ่านคุณสมบัติทั้งหมด 338MW จาก 44โครงการ หุ้นที่เราชอบสุดคือ TPCH ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันใกล้เต็มมูลค่าที่ 20.50 บาท แต่ถ้าชนะทั้ง 4 โครงการ (37MW) ที่เข้ารอบ จะเพิ่มมูลค่าให้ประมาณ 3 บาท/หุ้น (คิดตามสัดส่วนที่ถือ) ส่วนการถือหุ้น 45% ในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ 8MW ที่อยู่ระหว่างขออนุญาต คาดเริ่มจ่ายไฟปี 2018 จะเพิ่มมูลค่าอีก 1 บาท/หุ้น รวมทั้งหมดราคาเป้าหมายจะเพิ่มเป็นตั้งแต่ 21.5-24.5 บาท ยังมี upside 6-20% แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็ว ควรระมัดระวังในการซื้อขาย
• (+) BEM วานนี้บอร์ดรฟม.มีมติลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงเหลือ 14-29 บาท/เที่ยว จาก 14-42 บาท/เที่ยวสำหรับผู้ใช้บัตร MRT Plus เท่านั้น ผู้โดยสารที่ใช้เหรียญไม่ได้รับส่วนลดนี้ และนักศึกษาได้ลดอีก 10% การลดราคาไม่กระทบ BEM เพราะได้รับเป็นค่าจ้างเดินรถ 5.18 หมื่นล้านบาทตลอดอายุสัญญา 30 ปี (ปีละ 1.73 พันล้านบาท)การลดราคาให้ผู้ที่ใช้บัตร MRT Plus จะช่วยกระตุ้นให้คนใช้บัตรเดินทางแบบประจำแทนใช้เหรียญหยอดธรรมดา ซึ่งเราคิดว่าจะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้โดยสารให้นิยมการใช้รถไฟฟ้าเป็นประจำมากขึ้น ยังแนะนำซื้อ BEM ราคาเป้าหมาย 12 บาท
• (+) PTTGC ราคาหุ้นที่ปรับลงมา 6% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา นอกจากประเด็นไฟไหม้ถังเก็บน้ำเสียของโรงงานฟีนอลแต่ไม่กระทบตัวโรงงาน ยังมีประเด็นการครบกำหนดให้ขายหุ้นที่ซื้อคืนได้ โดย PTTGC ได้ซื้อหุ้นคืน 48.55 ล้านหุ้น (1% ของหุ้นทั้งหมด) ราคาเฉลี่ย 50.14 บาท สามารถขายคืนได้ตั้งแต่ 8 ก.ย. 2016 - 7 มี.ค. 2019 แต่มีโอกาสที่บริษัทจะไม่ขาย แต่เลือกที่จะลดทุนแทน ซึ่งจะทำให้กำไรต่อหุ้น มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นและปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 70 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +1.1% Q-Q ลดลงจากคาดการณ์ครั้งแรก
ที่ +1.2%), การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
31 ส.ค. - ไทย: TM (ราคา IPO 3 บาท) เริ่มเทรด, ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ
เดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.)
1 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
2 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q16 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ส.ค.)
5 ก.ย. - ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Labor Day
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนกลับมาปิดลบอีกครั้งฉุดโดยหุ้นในกลุ่มHealthcare ขณะที่นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของประธาน FED ในวันพรุ่งนี้
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมโดยนักลงทุนจับตาราคาสินค้าCommodity ที่ผันผวนรวมถึงถ้อยแถลงของประธาน FED ปลายสัปดาห์นี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเนื่องจากยังรอดูท่าที่ของ FED ที่อาจส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.55-34.66บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาสวนทางกับที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงแรง 16.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,329.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ขณะที่นักลงทุนลดความเสี่ยงและจับตาดูถ้อยแถลงของประธานFED ปลายสัปดาห์นี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research