- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 August 2016 16:45
- Hits: 4433
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ภายใต้มุมมองที่เป็นบวกว่าเฟดอาจยังไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ (เฟดจะมีการประชุม 20 – 21/9/59) หลังการเปิดแผยรายงานการประชุมเฟด (26 -27/7/59) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะกรรมการเฟดยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย?
ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติ แม้มูลค่าจะลดลงเหลือ ประมาณ 420 ล้านบาท แต่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 106,000 ล้านบาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
รวมถึงในระยะกลาง – ยาว คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ
โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,547.01 +15.38 987.73 +10.83 2,211.58 +24.23
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +23.76, NASDAQ +11.49, S&P +4.80,FTSE +9.81, CAC +19.38 และ DAX +65.36
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด ลดลง 4,000 ราย อยู่ที่ 262,000 ราย ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 265,000 ราย และดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก – ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2.0 สอดคล้องกับที่คาดไว้ นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่เพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงผลประกอบการของวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ที่ออกมาดีกว่าคาด
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26/8/59 โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่คาดอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป มีมุมมองในเชิงบวกต่อรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ของเฟด ที่บ่งชี้ว่า เฟดอาจยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ หลัง จนท.เฟด มีมุมมองที่แตกกต่างกัน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. +US$1.43 อยู่ที่ US$48.22 ต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยบวกจาก (1) เงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่า ทำให้สัญญาน้ำมันมีราคามีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ และ (2) สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ซึ่งลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 26-28 ก.ย. นี้ ที่ประเทศแอลจีเรีย โดยคาดที่ประชุมอาจเห็นชอบให้ตรึงกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันและรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะยาว
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.7 1.97 3.06
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 59,903.44
สถาบัน 1,789.77
บัญชีหลักทรัพย์ -225.78
ต่างประเทศ 418.49
ในประเทศ -1,982.48
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$8.4 อยู่ที่ US$ 1,357.2ต่อออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด ที่บ่งชี้ว่าเฟดยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +418 ล้านบาท สะสม YTD +106,208 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 19 ส.ค. 2559
19/8/59 : ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
(9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 1.54% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.76 อยู่ที่ 11.43
หุ้นแนะนำ : IVL