- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 August 2016 16:24
- Hits: 1027
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1560
SET Index: 1548.06 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้าน 1550 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับสำคัญที่ 1530 จุด ซึ่งเรายังคงคาดว่า แนวโน้มของ SET50 หรือหุ้นขนาดใหญ่ ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1020 จุด เมื่อคิดเป็นระดับของ SET Index จะได้เป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 1600 จุด จึงทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1560 จุด
แนวต้าน : 1550 และ 1554
แนวรับ : 1547 และ 1544
PTT = 350 / 354, BANPU = 15.20 / 15.50, PTTEP = 82.50 / 84.00, WHA = 3.36 / 3.44, PTTGC = 64.50 / 65.50
Berli Jucker (BJC TB; THB 46.25) - ซื้อ
แนวต้าน : 48.00 และ 49.00 / แนวต้านสำคัญ 51.50-52.00
แนวรับ : 46.25 และ 46.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวโน้มลง RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ BJC โดยมีแนวรับที่ 46.25 และ 46.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 48.00 และ 49.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 44.00 ลงไป
Unimit Engineering (UEC TB; THB 3.02) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.20 และ 3.36 / เป้าหมาย 3.80
แนวรับ : 3.02 และ 2.98
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะยาวน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 80
แนะนำซื้อ UEC โดยมีแนวรับที่ 3.02 และ 2.98 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.20 และ 3.36 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.90 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U16 เคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือระดับ 980 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 985 ซึ่งเราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long อีกครั้งที่บริเวณ 980-982 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นตอ่เนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 990 และ 998 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวรับสำคัญที่ 978
แนวต้าน : 986 และ 990
แนวรับ : 982 และ 980
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน S50U16 ที่แนวรับ 982 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 990
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50U16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 978 ลงไป
IRPCU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.00 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 4.90 ซึ่งเราแนะนาให้ STOP LOSS สถานะ Short ออกไปก่อน หลังจากทะลุผ่านระดับ 4.94 ขึ้นปได้ เพื่อรอการทะลุผ่านแนวต้านที่ 5.10 จะเป็นจังหวะในการ Open Long
แนวต้าน : 5.00 และ 5.10**
แนวรับ : 4.94 และ 4.90
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ STOP LOSS สถานะ Short ใน IRpCU16 ออกไปก่อน หลังจากทะลุผ่านแนวต้านที่ 4.94 กลับขึ้นไป รอการทะลุผ่าน 5.10 จะเป็นจังหวะ Open Long
SIRIU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1.80 หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากเหนือแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1.72 ซึ่งเราแนะนำให้ Open Long เอาไว้ที่บริเวณ 1.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.90 และ 2.00 และมีแนวรับสำคัญที่ 1.74
แนวต้าน : 1.84 และ 1.87
แนวรับ : 1.78 และ 1.77
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Long ใน SIRIU16 ที่แนวรับ 1.78 เพื่อคาดหวังการปรับเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.90 และ 2.00
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า SIRIU16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1.74 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ช่วยหนุนดัชนีขึ้นยืนเหนือ 1550 จุด
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยดีดตัวกลับได้เป็นวันแรกหลังจากที่มีการปรับฐานลงมา 2 วัน โดยตลาดปิด +15.38 จุดหรือ +1.00% ปิดที่ 1,547.01 จุด โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิแต่ลดลงเหลือเพียง 418 ล้านบาท ในขณะที่กองทุนในประเทศที่ขายสุทธิมาอย่างหนักถึง 7,771 ล้านบาท ใน 2 วันที่ผ่านมาก็กลับมาซื้อสุทธิ 1,790 ล้านบาท หลังจากที่การเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดคืนก่อนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างว่าเฟดจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หรือไม่ ส่งผลให้ตลาดตีความว่าเฟดจะยังชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปเป็นเดือนธ.ค. ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า นักลงทุนจึงกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอย่างหุ้นและน้ำมัน
หากพิจารณาแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศจะเห็นได้ว่าเริ่มชะลอตัวลงอย่างมากหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นมากว่า 20% นับจากต้นปี (YTD) และตลาดไทยเป็นตลาดที่มีการให้ผลตอบแทนมากที่สุดในเอเชียนับถึงปัจจุบัน โดยหลังจากที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิกว่า 18,396 ล้านบาทในเดือนมิ.ย. ต่อมาก็ซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 44,369 ล้านบาทในเดือนก.ค. แต่ในเดือนส.ค. นับถึงปัจจุบันซื้อสุทธิไป 25,328 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเป็นรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่าแรงซื้อหดตัวลงโดยสัปดาห์ก่อน (มีวันทำการ 4 วัน) นักลงทุนต่างประเทศซื้อหุ้นไทยไป 2 หมื่นล้านบาทแต่สัปดาห์นี้หลังผ่านมา 4 วัน ซื้อสุทธิเหลือเพียง 3,429 ล้านบาท แม้ว่าแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาจะยังคงแข็งค่าอยู่แต่ระยะสั้นอาจเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าแทรกแซงไม่ให้แข็งค่าขึ้นแร็วเกินไป ดังนั้นเราอาจเห็นนักลงทุนต่างประเทศทยอยขายทำกำไรระยะสั้นทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรได้ โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างประเทศก็ซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรลดลงเหลือเพียง 800 ล้านบาท จากทั้งสัปดาห์ซื้อสุทธิมา 24,100 ล้านบาทและนับจากต้นปีซื้อสุทธิมากว่า 3.59 แสนล้านบาท
หากนักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มทยอยขายทำกำไรระยะสั้น เราคาดว่าหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมามาก รวมถึงมีแรงซื้อสะสมของนักลงทุนต่างประเทศเข้ามามากในปีนี้ (foreign ownership) จะเป็นเป้าหมายแรกในการขายทำกำไร โดยหากพิจารณากลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงforeign ownership เพิ่มขึ้นมามากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อหุ้นไทยหนักๆ จะประกอบไปด้วยกลุ่ม ICT +2.69%, กลุ่มไฟแนนซ์ +2.52%, กลุ่มค้าปลีก +2.34% กลุ่มพลังงาน +2.2% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +1.56%
สำหรับการลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับขึ้นมามาก เราเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบเลือกรายหลักทรัพย์ (selective buy) โดยพิจารณาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีใน SET100 เนื่องจากมีสภาพคล่องการซื้อขายสูงและเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ รวมไปถึงยังคงมี upside พอสมควรอ้างอิงจากราคาเป้าหมายเฉลี่ยกลางของ Bloomberg consensus เราจะได้หุ้นที่น่าสนใจซื้อเก็งกำไรในช่วงนี้ประกอบไปด้วย AP (upside 15% จากราคาเป้าหมาย 8.13 บาท), BA (upside 25% จากราคาเป้าหมาย 30.26 บาท), CPF (upside 13% จากราคาเป้าหมาย 35.04 บาท), CPN (upside 12% จากราคาเป้าหมาย 62.94 บาท) และ PTTGC (upside 8% จากราคาเป้าหมาย 69.30 บาท)
วันนี้เรายังแนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTTEP PTT TOP PTTGC IVL SPRC BCP IRPC SGP หลังราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้น 1.43 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +3.1% ปิดที่ 48.22 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 6 วันทำการติดต่อกันรวม 6.51 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +15.6% จากการเก็งกำไรว่ากลุ่มโอเปกที่จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย. นี้ อาจจะมีการหารือถึงมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นราคาน้ำมันให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีเมื่อเดือนก.ค. รวมไปถึงเมื่อวานนี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ก็เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ บวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลงในช่วงนี้ (หลังเผยรายงานการประชุมเฟดยังมีทีท่าว่าอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.) ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้นด้วย โดยรอบนี้ให้ PTTGC และ IVL เป็น top pick โดยมีราคาเป้าหมายของ CIMBS ที่ 70 บาทและ 50 บาทตามลำดับ
นอกจากราคาน้ำมันดิบที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลงแล้ว ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกหลายชนิดก็ได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน โดยราคายางพาราตลาด TOCOM สัญญาส่งมอบเดือนธ.ค. (ซึ่งเป็นสัญญาที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด) เช้านี้ราคายางขึ้นไปแตะที่ 159.20 เยน/กิโลกรัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน หลังจากเมื่อวานนี้มูดีส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ขึ้นจาก 6.3% เป็น 6.6% (ในขณะที่ปรับคาดการณ์ GDP ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 0.4% เป็น 0.7%) ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคยางพารารายใหญ่สุดในโลกจะมีความต้องการซื้อยางพาราเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับ STA โดยเราแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 15.10 บาท ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบก็ทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 720.50 ดอลลาร์/ตัน จากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นและผลผลิตที่ออกสู่ตลาดน้อยจากภาวะภัยแล้งในปีนี้ ซึ่งราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มขึนมากเป็นบวกกับเจ้าของสวนปาล์มอย่าง UVAN UPOIC และ VPO
วันนี้ เราคาดว่าตลาดจะมีการรีบาวน์ต่อเนื่องขึ้นไปทะลุระดับ 1,550 จุด จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นมาติดต่อกัน 6 วันทำการกว่า 15% อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะเห็นแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศออกมาเป็นระยะ หลังค่าเงินบาทเช้านี้เริ่มกลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อย วันนี้ให้แนวรับไว้ที่ 1535-1541 จุดและแนวต้านที่ 1556-1560 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BA PTTGC และ WORK
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,548.06 จุด เพิ่มขึ้น 1.05 จุด(+0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 24,944.62 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน โดยยังมีแรงขายทากำไรบริเวณ 1550 จุด ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นยังหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน จับตาการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้า (26 ส.ค)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดแกว่งแคบ การขึ้นของ SET ยังอยู่ในกรอบจำกัด และยังคงมองแนวต้านบริเวณ 1550-1560 จุด แนวรับ 1545-1540 จุด และมีแนวรับสำคัญ 1530 จุด ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท และ Fund Flow
Technical Pick (PM) ...
Berli Jucker (BJC TB; THB 46.25) - ซื้อ
Unimit Engineering (UEC TB; THB 3.02) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]