- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 August 2016 16:23
- Hits: 2928
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1560
SET Index: 1549.58 ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1530 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญเดิมของ SET Index หลังจากทะลุผ่านขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1560 จุด แต่เรายังคงคาดว่า แนวโน้มของ SET50 หรือหุ้นขนาดใหญ่ ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1020 จุด เมื่อคิดเป็นระดับของ SET Index จะได้เป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 1600 จุด จึงเน้นการเข้าซื้อหุ้นใน SET50 ต่อเนื่อง
แนวต้าน : 1550 และ 1555
แนวรับ : 1547 และ 1544
PTTGC = 64.50 / 65.00, KTB = 19.40 / 19.50, KBANK = 197 / 200, BBL = 177 / 180, CPF = 32.00 / 33.00
STP&I (STPI TB; THB 9.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 10.60 และ 10.80 / แนวต้านสำคัญ 13.00
แนวรับ : 9.90 และ 9.80
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับสำคัญ
MACD เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ STPI โดยมีแนวรับที่ 9.90 และ 9.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 10.60 และ 10.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 9.60 ลงไป
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 18.80) – ซื้อ
แนวต้าน : 19.60 และ 20.00 / เป้าหมาย 22.00
แนวรับ : 18.80 และ 18.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวลดลงทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ UNIQ โดยมีแนวรับที่ 18.80 และ 18.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19.60 และ 20.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 18.20 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 985 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 978 ลงไป ซึ่งเรากำหนดให้เป็นจุด STOP LOSS สถานะ Long ออกไปแล้ว ในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตอ่เนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 990 และ 998 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวรับสำคัญที่ 974
แนวต้าน : 986 และ 990
แนวรับ : 984 และ 982
คำแนะนำ: เราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ใน S50U16 ที่แนวรับ 984 หรือ 982 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 990
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50U16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 980 ลงไป
CKPU16
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป้าหมาย 3.60 และมีแนวรับสำคัญที่ 3.00
แนวต้าน : 3.18 และ 3.24
แนวรับ : 3.10 และ 3.04
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Long โดยที่แนวรับ 3.14 และ 3.10 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.24-3.26 และ 3.50
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า CKPU16 ปรับตัวลดลงหลุด 3.00 ลงไป
IRPCU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.90-4.94 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 4.90 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบรับที่ 4.60-4.64 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และมีแนวต้านที่ 4.90
แนวต้าน : 4.94** และ 5.00
แนวรับ : 4.80 และ 4.70
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน IRPCU16 ที่แนวต้าน 4.90 เอาไว้ เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 4.70 และ 4.60-4.64
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า IRPCU16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 4.94 กลับขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...Side way
ผลการแถลง FED Minute ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เมื่อคืนนี้ปรากฏว่า กรรมการเฟดยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ กรรมการเฟดบางส่วนมองว่า เฟดควรจะรอให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่กรรมการอีกส่วนหนึ่งมองว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐจะสามารถปรับตัวรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ถ้อยแถลงดังกล่าว ไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตามหากมาดูการปรับตัวของดอกเบี้ย Fed fund future พบว่าโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยยังอยู่ที่เดือน ธ.ค. ที่ 50%ผลการแถลง FED Minute ของประธาน FED เมื่อคืนนี้ยังไม่บ่งชี้อะไรที่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพียงแต่บอกว่ามีโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยหากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวกลับ
หากเกิดการปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์รวมทั้งตลาดหุ้นโลกจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเดือน ส.ค. กับ ก.ย. (รูปด้านซ้าย) เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการปรับฐาน อีกเหตุผลของการปรับฐาน คือ ตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ หลังผลการดำเนินงาน Q2/16 ออกมา -2.6% ขณะที่ Q3/16 คาดกำลังติดลบประมาณ -0.4% (เดิมคาดเป็นบวก) หากเกิดการปรับฐานจริง ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวลงตาม
ผลกระทบที่เกิดกับตลาดหุ้นไทย คาดมีระดับกลาง เนื่องจากยังมีปัจจัยหนุนอย่าง พื้นฐานเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ผลการดำเนินงาน Q2/16 ของกลุ่มที่โตจากภายในประเทศออกมาดีและแรงหนุนจากราคาน้ำมัน ส่วนแรงขายของต่างชาติ น่าจะเริ่มมากขึ้นจากการการปรับพอร์ต การลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานใน Q2/16 ของกลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นไทยที่ออกมาดีกว่าคาดของ IBES คือ กลุ่มเกษตร อาหาร ค้าปลีก ปูน โยงท่องเที่ยว (การบิน-โรงแรม) สินเชื่อนาโน และ ปิโตรเคมี กลุ่มเหล่านี้เรามองว่าหากเกิดแรงขายจะมีน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ ที่ผลการดำเนินงาน Q2/16 ออกมาแย่กว่าคาด อย่าง สื่อสารใหญ่ ธนาคาร พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์
หากตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐเกิดการปรับฐาน ดัชนี SET มีแนวโน้มที่จะลงไปต่ำกว่า 1500 จุดหรือที่กรอบ 1490-1480 จุด โดยเรามองว่าหลังการปรับฐานในรอบนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะสร้างสถิติจุดสูงสุดใหม่ จากแรงหนุนของ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ ราคาน้ำมันยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล การไหลเข้าของเม็ดเงินและ P/E อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากรูปด้านขวา เราแสดงรูปแบบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ปีนี้เทียบปี 2014 ซึ่งจะพบว่าคล้ายกันมาก โดยมองเป้าสูงสุดปีนี้น่าจะขึ้นไปในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียง แต่ลักษณะการเคลื่อนไหวหลังกลาง ส.ค. ปีนี้ จะแตกต่างกัน คือ อาจลงก่อนแล้วขึ้นกลับ
ในทางกลับกันหากการลงรอบนี้ของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นเพียงการลงชั่วคราวและไม่รุนแรง ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลงไปที่กรอบ 1520-1510 จุด แล้วดีดตัวกลับมาที่กรอบ 1560-1570 จุด หากผ่านขึ้นได้จะขึ้นไปสร้างสถติสูงสุดรอบใหม่ที่กรอบ 1590-1610 จุด จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
วันนี้มองดัชนี SET จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ แต่มีโอกาสที่จะดีดตัวกลับจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมาต่อเนื่องถึง 12% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา วันนี้มองแนวรับที่ 1,525 - 1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,536 - 1,540 จุด วันนี้เราแนะนำซื้อเก็งกำไร PTT และ IVL
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,549.58 จุด เพิ่มขึ้น 17.95 จุด(+1.17%) มูลค่าการซื้อขาย 32,291.40 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นแรง หลังค่าเงินบาทแข็ง และต่างชาติ Net buy เมื่อวานนี้ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งแคบบวก-ลบ
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย ยังแกว่งบวก หลังตลาดปรับลงมาในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่เงินบาทแข็งค่า ทางเทคนิคมีแรงซื้อเก็งกำไรบริเวณแนวรับ 1530 อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังแนวต้านบริเวณ 1550-1560 จุด อาจมีแรงขายทำกำไรออกมา
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
STP&I (STPI TB; THB 9.90) - ซื้อ
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 18.80) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : MAX, PERM, TPCH, VTE, CWT* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]