- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 August 2016 16:14
- Hits: 994
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังมีสิทธิแกว่งลงต่อ แต่มองเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นซื้อได้!
ตลาดหุ้นวานนี้ : ถึงแม้ว่าวานนี้ SET จะมีจังหวะแกว่งทรงตัวหลังจากปรับลงแรงวันก่อนหน้าได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นการเคลื่อนไหวด้านลบเป็นหลัก ซึ่งแสดงถึงอาการอ่อนแอต่อเนื่อง จากความกังวลว่าเฟดอาจจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.นี้(20-21 ก.ย.) โดยการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ได้ช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานมากนัก
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดทำการด้านลบ หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐแม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง หลังจากช่วงแรกลบลงกว่า 80 จุด แต่ก็ปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุง จากรายงานการประชุมของเฟดงวดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ากรรมการเฟดยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ ทำให้คาดว่านักลงทุนยังมีความหวังกับการที่เฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปได้ อย่างไรก็ตามถ้าไม่ได้มีข่าวชัดเจนกว่านี้ โอกาสที่ SET จะยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องก็จะมีความเป็นไปได้มากกว่า ดังนั้นถ้าตลาดฟื้นตัวก่อน เราคาดว่าจะยังเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET อาจจะมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นสลับบ้าง แต่เรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมเฉพาะช่วง SET ปรับตัวลงดีกว่า
แนวรับ 1530-1527 , 1524-1520 จุด
แนวต้าน 1533-1536 , 1538-1542 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : VGI, KCM, SPALI(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$119ล้าน นำโดยไต้หวัน US$99ล้าน และไทย US$38ล้าน ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ US$22ล้าน ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการเนื่องในวันชาติ กระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังนักลงทุนมีความสบายใจมากขึ้นเมื่อ Fed minutes บ่งชี้วาคณะกรรมการมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ตลาดกังวล Fed การประชุมในเดือนหน้า (20-21 ก.ย.) สร้างความกังวลให้ตลาดว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยแม้ว่า Consensus จะเห็นว่ามีโอกาสน้อยมากเพียง 22% ก็ตาม (น้ำหนักอยู่ที่เดือน ธ.ค. มากกว่า) นักลงทุนจึงอยากรอดู Fed Minutes คืนนี้ และคำแถลงของ Yellen ในงานประชุมประจำปีที่ Jackson Hole 26 ส.ค. นี้ก่อน เรายังเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้เป็นไปได้ยาก แต่หากขึ้น น่าจะเป็นสิ้นปีและขึ้นเพียงเล็กน้อย แนวโน้มของ Flow ยังคงไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ในเอเชียจากสภาพคล่องการเงินในโลกที่สูง
(+) หุ้นกลุ่มไก่น่าสนใจแต่ต้องเลือกตัว ผลประกอบการหลักไม่รวมรายการพิเศษของกลุ่มไก่ (CPF, GFPT, TFG) ใน 1H16 พลิกเป็นกำไรรวม 7.3 พันล้านบาท จาก 1H15 ที่ขาดทุน 492 ล้านบาทจากราคาไก่ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น ตรงข้ามกับปีก่อนที่เป็นขาลง สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 99% YTD แนวโน้มกำไร 2H16 จะดีขึ้นเพราะราคาไก่น่าจะยืนเหนือ 40 บาท/กก.ได้จนถึงสิ้นปี ขณะที่ราคาวัตถุดิบไม่ได้ขยับขึ้นมากนัก ตลาดส่งออกก็สดใส ญี่ปุ่นและมาเลเซียหันมานำเข้าไก่จากไทยเพิ่ม แทนไก่จากจีนที่มีปัญหาหวัดนก เราคาดกำไรปกติทั้งปี +1,175% Y-Y เป็น 1.6 หมื่นล้านบาท (1H16 คิดเป็น 46%) แต่คาดปีหน้าโตเพียง 11% Y-Y (CPF +11.2%, GFPT +10.7%, TFG +8.2%) จากโอกาส Oversupply เพราะผู้ผลิตแทบทุกรายเริ่มขยายกำลังการผลิต ปัจจุบัน PE ปี 2017 ของกลุ่มไก่อยู่ที่ 13.6 เท่า ขยับขึ้นจากต้นปีที่อยู่ที่ 7.3 เท่า TFG (ราคาพื้นฐานปีหน้า 4 บาท) เสี่ยงสุดหากเกิด Oversupply เพราะมีสินค้า Value added น้อยมาก เราชอบ CPF (ราคาพื้นฐานปีหน้า 38 บาท) มากสุด รองลงมา GFPT (ราคาพื้นฐาน 16 บาท)
(+) EPG กำไรปกติที่หักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 1Q17 (เม.ย.-มิ.ย. 2016) +28% Q-Q, +63% Y-Y ดีกว่าที่ตลาดคาด จากการเติบโตของทุกธุรกิจโดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์ กำไรนี้คิดเป็น 20% ของคาดการณ์ทั้งปีที่เราคาด โดยแนวโน้มในอีก 3 ไตรมาสที่เหลือของปี (ก.ค. 2016-มี.ค. 2017) ยังดีต่อเนื่อง ธุรกิจยานยนต์ ฉนวน และบรรจุภัณฑ์พลาสติก ยังมีความต้องการสูงทั่วโลก เราคาดกำไรปี 2017 +12.3% Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 15 บาท
(+) BJC การซื้อ BIGC สร้างผลตอบแทนให้ BJC เร็วกว่าที่คาดซึ่งถือว่าเร็วมาก ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของผู้บริหาร แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการซื้อจะสูงแต่ปรากฏว่ากำไรของ BIGC บวกกับการเพิ่มทุนและการกู้ยืม ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเพียงปีเดียว คือปีนี้ที่ EPS จะลดลง 50% Y-Y แต่การเติบโตปีหน้าก้าวกระโดด 105% Y-Y ทำให้ PE ปีหน้าเหลือ 25 เท่า ต่ำสุดในกลุ่ม Modern trade ราคาพื้นฐานปีหน้า 54 บาท มี upside มากสุดในกลุ่มเช่นกัน ยังคงแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ส.ค. - ฟิลิปปินส์: 2Q16 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
19 ส.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประขุม
- ไต้หวัน: 2Q16 GDP
20 ส.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ค.)
23 ส.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
24 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +1.1% Q-Q ลดลงจากคาดการณ์ครั้งแรกที่+1.2%), การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้เล็กน้อยโดยตลาดตอบรับในเชิงบวกต่อรายงานการประชุม FED เดือนก.ค. รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้น
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบค่อนข้างแรงโดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะ FED จะเปิดเผยรายงานการประชุม
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบโดยค่าเงินเย็นที่แข็งค่ากดดันบรรยากาศในการลงทุน
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.65 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.21 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.79 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 8.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,348.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนที่รายงานการประชุม FED จะถูกเปิดเผยออกมา
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch