- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 August 2016 17:02
- Hits: 964
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เจ้าหน้าที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีก
คาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากสองเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed พูดถึงว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้งก่อนสิ้นปี แม้ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวในระยะหลังจะออกมาทั้งดีและไม่ดี อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงวันนี้หากเกิดขึ้นน่าจะถูกจำกัดเพราะเมื่อวานหุ้นไทยปรับตัวลงไปพอสมควรแล้ว ภายในประเทศสภาพัฒนามีมุมมองดีขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ปรับประมาณการอัตราขยายตัวปีนี้ขึ้นเป็น 3.3-3.5%
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS (ราคาปิด 22.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย ของ AWS 30.00 บาท)
บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้จากที่ช่วงไฮซีซั่นกำลังจะมาถึงและแนวโน้มในระยะยาวที่ยังดูสดใส ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 จะลดลง QoQ แต่เราคาดว่ากำไรของ BDMS จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีต้อนรับช่วงไฮซีซั่น รวมถึงการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวเนื่องจากจะไม่มีผลกระทบจากเทศกาลรอมฎอนดังเช่นในไตรมาส 2/59 นอกจากนี้ ธุรกิจที่ไม่ใช่โรงพยาบาลคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตกำไรของบริษัทอีกด้วย โดยที่โรงงานแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิตสูงขึ้นของ Medicpharma สำหรับผลิตยาสามัญจะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 3/59 นอกเหนือจากนั้น บริษัทกำลังพัฒนาโรงพยาบาลแม่ข่ายทั้ง 9 แห่งให้เป็น Centers of Excellence ซึ่งคาดจะเสร็จสมบูรณ์ในกลางปี 2561 เพื่อตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนคนไข้ต่างชาติและสัดส่วนรายได้จากคนไข้กลุ่มนี้เป็น 40% ในระยะยาว จากปัจจุบันที่ 30% อีกทั้งแนวโน้มประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นของประเทศจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตในระยะยาวของบริษัท เราคาดการณ์กำไรปกติจะเติบโตที่ 15.9% ในปี 59 และ 14.1% ในปี 60 Price Pattern ของ BDMS ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal เพียงแต่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน เนื่องจากเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal ซึ่งการปรับฐานของ BDMS ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเข้าทยอยเก็บหุ้น เนื่องจากยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) นั่นเอง ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ BDMS สามารถปิดตลาดเหนือ 22.70 บาทได้สำเร็จ จะทำให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งบ่งบอกว่าการปรับฐานระยะสั้นของ BDMS น่าจบแล้ว ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BDMS แม้ว่าจะยังคงเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal อยู่ก็ตาม คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 28.25 บาท (ซึ่งคงต้องให้ Price Pattern ของ BDMS กลับมาเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เสียก่อน โดยคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก) (Resistance: 22.60, 22.70, 23.00; Support: 22.40, 22.30, 22.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สภาพัฒนามีมุมมองดีขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตเศรษฐกิจไทย ประกาศวานนี้ว่าประมาณการอัตราขยายตัวปีนี้ขึ้นเป็น 3.3-3.5% เพราะการผ่านประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ราคาพืชผลฟื้นตัว ภาคเอกชนใช้จ่ายมากขึ้นและการลงทุนภาครัฐ ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ได้คาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 3-3.5% ใน พ.ค. โดยเชื่อว่าเหตุระเบิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่น่ากระทบการเติบโตเศรษฐกิจเพราะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (The Nation)
ไทยขาดดุลคลังต่อไป รองนายกฯ สมคิดคาดประเทศจะขาดดุลงบประมาณต่อไปในช่วงหลายปีข้างหน้าเนื่องจากรัฐใช้จ่ายอย่างมากโดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณราว 3.9 แสน ลบ. หรือ 2.9% ของ GDP สำหรับปีงบประมาณ 59 สิ้นสุด 30 ก.ย. และคาดว่าจะขาดดุลคลังในปี 60 ด้วยเพื่อคงแรงส่งให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (Bangkok Post)
จับตาสถานการณ์น้ำท่วม ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนประชาชนใน 13 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ให้เตรียมรับมือกับภาวะฝนตกหลักและน้ำท่วมในพื้นที่ ขณะที่พืชผลทางการเกษตรและอาหารอาจได้รับผลกระทบและความเสียหายจากน้ำท่วม ขณะที่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม ล่าสุดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่าโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือจะเกี่ยวข้องกับการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหาร ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากผลของสภาพภาวะอากาศดังกล่าว ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมหนักคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร เนื่องจากความเห็นของประธาน Fed 2 รายได้จุดความหวังขึ้นมาอีกครั้งว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีปรับตัวลง 6/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.575% เพิ่มขึ้น 2 bps จากเมื่อวันจันทร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อมุมมองของเทรดเดอร์ต่อนโยบาย Fed เพิ่มขึ้น 2 bps อยู่ที่ระดับ 0.750% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันอังคาร หลังจากความเห็นของประธาน Fed 2 รายทำให้นักลงทุนคาดว่ามีเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เงินยูโรล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.82% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.1275 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดของวันที่ 1.1322 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 100.25 เยน หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดของวันที่ 99.56 เยน (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร จากที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากความเห็นของประธานเฟด 2 รายทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และนักลงทุนจะให้ความสนใจในรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบาย Fed ประจำเดือนก.ค. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ เพื่อหาเบาะแสของความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)
ความเห็นทำนองขึ้นดอกเบี้ยสร้างความกังวลอีกครั้ง ประธาน Fed สาขานิวยอร์ค William Dudley กล่าวว่าอาจเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ย ก.ย.นี้ ขณะที่ประธาน Fed สาขาแอตแลนตา Dennis Lockhart กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐน่าจะแข็งแรงพอรองรับการขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปี 59 นี้ Dudley ระบุว่ามีหลักฐานค่าจ้างงานมีการปรับขึ้นและตลาดแรงงานตึงตัวซึ่งจะช่วยกระตุ้นเงินเฟ้อได้ โดยต่อไปจะมีการประชุมของเหล่านายธนาคารกลางทั่วโลกที่ Jackson Hole รัฐ Wyoming ในสัปดาห์หน้า (Reuters)
ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ ก.ค. คงที่ หลังจากปรับผลของฤดูกาลแล้ว ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีทุกรายการเพิ่มขึ้น 0.8% จากที่เพิ่ม 1.0% ใน มิ.ย. ดัชนีของทุกรายการยกเว้นอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.1% ใน ก.ค. หลังเพิ่ม 0.2% ใน มิ.ย. เช่นเดียวกันดัชนีทุกรายการหักอาหารและพลังงานบวก 2.2% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ก.ค. เพิ่มขึ้นน้อยลงกว่าที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือน มิ.ย. (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลงหลังจากทำระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ กดดันจากการอ่อนตัวลงของราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยราคาหุ้น Schindler ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายลิฟต์สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ปรับตัวลดลงหลังบริษัทฯ ปรับลดมุมมองผลประกอบการในปีนี้ลงท่ามกลางอุตสาหกรรมการก่อสร้างในจีนที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมไปถึงการถดถอยของเศรษฐกิจบราซิล (Reuters)
เอเชีย :
จีนอนุมัติตลาดหุ้น เซินเจิ้น-ฮ่องกง: รัฐบาลจีนจากปักกิ่งอนุมัติ การเปิดตัวของโครงการที่รอคอยมานานในการอนุญาตให้เปิดตลาดซื้อขายหุ้นระหว่างฮ่องกงกับเซินเจิ้น ซึ่งจะเป็นตลาดที่คึกคักที่สุดเป็นอันดับสองของโลกและหนักไปทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังทิ้งข้อจำกัดเรื่องโควต้าสำหรับตลาดฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ และกล่าวว่าไม่ต้องมีข้อจำกัดโดยรวมสำหรับตลาดใหม่นี้ด้วย ข้อจำกัดที่เคยเข้มงวดสำหรับนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ที่เป็นปัญหาสำหรับการเข้าถึงตลาดถูกเอาออกไป จะช่วยให้นักลงทุนต่างประเทศเปิดรับหุ้นของจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น ซึ่งตลาดใหม่นี้จะมีกำหนดเปิดตัวในช่วงคริสมาสต์ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกอีกเกือบ 2% ในวันอังคาร แตะจุดสูงสุดรอบห้าสัปดาห์เป็นวันที่สองเพราะแหล่งข่าวจาก OPEC พูดถึงความต้องการอย่างชัดเจนของซาอุให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นขณะที่รัสเซียพบกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อถกเรื่องตลาด Brent ล่วงหน้าปรับขึ้น 88 เซนต์ (+1.8%) ปิดที่ 49.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 84 เซนต์ (+1.8%) ปิดที่ 46.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองวันอังคารบวกแล้วย่อลงมา หลังจากเจ้าหน้าที่ Fed ให้ความเห็นที่เป็นการกระตุ้นการเก็งว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยซึ่งช่วยให้ดอลลาร์สหรัฐกลับขึ้นมาลบน้อยลง จากจุดต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์ ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.7% ปิดที่ 1,347.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากบวกขึ้นไปถึง 1.3% ช่วงก่อนหน้า ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐบวก 0.7% ปิดที่ 1,356.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094