- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 August 2016 17:27
- Hits: 951
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Commodities WoW, AAV, BDMS, BJC, CK, K, KAMART, PS, SAPPE, VIBHA
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
SET เริ่มบวกกรอบจำกัดและมีจังหวะย้อนลบให้เห็น จึงน่ารอซื้อลบ...
ตลาดหุ้นวานนี้ : ช่วงเปิดทำการ SET ปรับตัวลงกว่า 10 จุด คาดว่ามาจากข่าวเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในภาคใต้ของบ้านเราช่วงวันหยุด แต่ก็เป็นการปรับลงแค่ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาดและผลักดันให้ดัชนีดีดกลับขึ้นมาแกว่งบวกได้ ก่อนที่ในช่วงท้ายตลาดจะมีแรงขายออกมากดดันให้ SET ปิดเป็นลบเล็กน้อยอีกครั้ง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าตลาดหุ้นต่างประเทศยังขยับบวกต่อ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปิดบวกอีกกว่า 2% จากข่าวรัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังหารือเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน ขณะที่ยังมีลุ้นผลประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 26-28 ก.ย.ที่แอลจีเรียด้วย รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐเดือน ส.ค.ที่ปรับตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตามยอดค้าปลีกเดือน ก.ค.ของสหรัฐยังอยู่ในระดับทรงตัว ทำให้กรอบบวกของตลาดเอเชียค่อนข้างแคบ และยังผันผวนย้อนลบให้เห็นอยู่ โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังวิตกเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน ดังนั้นยังต้องระวัง SET อ่อนตัวลงต่อไว้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอขายสูงได้ โดยมีเป้าหมายที่ระดับดัชนี 1650 จุดหรือใกล้เคียง แต่ถ้าจะเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่ม เรายังแนะนำให้รอช่วง SET ปรับตัวลงก่อนดีกว่า
แนวรับ 1544-1540 , 1535-1532 จุด
แนวต้าน 1553-1558 , 1562-1566 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SMT, M, LOXLEY(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$206ล้าน นำโดยไต้หวันUS$124ล้าน และไทย US$76ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$12ล้านและเวียดนาม US$9ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคและกลุ่มพลังงานน่าจะนำตลาดตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้จากการเก็งกำไรข่าวการประชุมหารือระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบียเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) ปรับ GDP ขึ้น GDP ไทยดีกว่าคาด +3.5% Y-Y ใน 2Q16 และโตกว่า 1Q16 (+3.2% Y-Y) การใช้จ่ายของเอกชนเร่งตัวขึ้นและเป็นพระเอกในไตรมาสนี้ (มาตรการรัฐ+ภัยแล้งคลี่คลาย+รายได้เกษตรกรดีขึ้น+การซื้อรถเพิ่มเพราะผลของมาตรการรถคันแรกสิ้นสุดลง) ทำให้ GDP 1H16 +3.4% Y-Y แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งต่อ โฟลว์ไหลเข้า เราปรับ GDP ปี 2016-17 ขึ้น 0.1% เป็น +3.3% ปีนี้ +3.5% ปีหน้า เรายังเน้นกลุ่มรับเหมาวัสดุก่อสร้าง แบงก์ ค้าปลีก
• (0) กลุ่มโรงพยาบาล ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับลงเฉลี่ย 5% เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนแย่สุดในตลาด ขณะที่ SET +3.8% สอดคล้องกับกำไร 2Q16 ที่ไม่ดีไปกว่าคาด -26% Q-Q, +5% Y-Y (ร.พ.ขนาดใหญ่โตต่ำกว่าคาด ส่วนร.พ.ขนาดเล็ก แม้กำไรจะโตสูง แต่ตามคาด) แต่ราคาหุ้นเทรดที่ PE 40-50 เท่าหลายปีที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนใช้เป็นหลุมหลบภัยในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้น แม้จะเป็นธุรกิจที่ดีแต่เราคิดว่าราคาหุ้นยังพักฐานไม่พอ มีเพียง BDMS (ราคาพื้นฐานปีหน้า 26 บาท) และ BCH (ราคาพื้นฐานปีหน้า 14 บาท) ที่แนะนำซื้อ ส่วน VIBHA แม้จะปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้า3.20 บาทแต่ upside จำกัด แนะนำถือ สำหรับ BH มีความเสี่ยงจากการแข่งขันของร.พ.ในตะวันออกกลาง แนะนำเพียงถือ
• (+) SAPPE กำไรสุทธิ 2Q16 ฟื้นตัวดีกว่าคาดอย่างน่าประทับใจ +124% Q-Q, +22%Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดมาก การเติบโตของกำไรไตรมาสนี้มาจากการฟื้นตัวของตลาดอินโดนีเซียเป็นหลัก ส่วนตลาดจีนยังค่อนไปในทางทรงตัว เรายังคาดกำไรทั้งปี+24% Y-Y ปีหน้า +16% Y-Y บนสมมติฐานการส่งออกไปจีนกลับมาอยู่ในระดับปกติและถ้าเติบโตมากกว่าเดิมก็จะเป็น upside ต่อประมาณการ เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้า 26 บาท แนะนำซื้อ
• (+) K กำไรสุทธิ 2Q16 ดีตามคาด พลิกจากขาดทุน 4 ล้านบาทใน 2Q15 และทรงตัวเมื่อเทียบ 1Q16 ทั้งที่เป็น Low season ปัจจุบันมี Backlog 500 ล้านบาทและผู้บริหารคาดได้เพิ่มอีก 200 ล้านบาท ทำให้กำไรปี 2017-18 น่าจะโตได้เฉลี่ย 28% ขณะที่มี PEเพียง 15 เท่าสิ้นปีหน้า เรายังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 8.80 บาท การจ่ายหุ้นปันผล10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่+เงินสด 0.006 บาท จะช่วยเสริมสภาพคล่องของหุ้นให้ดีขึ้น
• (-) KAMART เราลดคำแนะนำเป็นขาย จากซื้อ เพราะราคาหุ้นเต็มมูลค่าปีนี้ที่เราปรับขึ้นจาก 9.50 เป็น 11 บาทแล้ว ปัจจุบันมี PE ถึง 34 เท่าปีนี้และ 29 เท่าปีหน้า เทียบกับกำไรใน 3 ปีข้างหน้าที่เราปรับขึ้นแล้วเป็น +20% เฉลี่ยต่อปี การหันมาสร้างแบรนด์ของบริษัทเป็นสิ่งที่เราชอบแต่ใช้เวลา ทำให้ยังตามไม่ทัน BEAUTY ที่คาดกำไรโตเฉลี่ย 30% ต่อปีขณะที่ราคาหุ้น BEAUTY ปรับลงมาจนเริ่มมี upside น่าสนใจเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐาน10.20 บาท ปัจจุบันเราชอบ BEAUTY มากกว่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 ส.ค. - สหรับ: Housing starts, Building permit (ก.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ส.ค.)
17 ส.ค. - สหรัฐ: FOMC Meeting Minutes
18 ส.ค. - ฟิลิปปินส์: 2Q16 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
19 ส.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประขุม
- ไต้หวัน: 2Q16 GDP
20 ส.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ค.)
23 ส.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
24 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกและทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบรวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯจะพุ่งขึ้น แต่นักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องของเศรษฐกิจในยูโรโซน
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบแม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างแรงและสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.55-35.62 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. พุ่งขึ้น 1.25 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล จากข่าวที่ว่ากลุ่ม OPECรวมถึงรัสเซียจะมีการหารือเพื่อจัดการกับภาวะอุปทานที่ล้นตลาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,347.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า FED อาจยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research