- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 August 2016 16:45
- Hits: 998
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AOT, CPF, INTUCH, M, MINT, PACE, ROBINS, SPRC, TACC, TRUE
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
คาด SET ยังมีสิทธิปรับตัวลงให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อได้!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนมากขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากก่อนหน้านั้นดัชนีดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงกว่า 60 จุดตอบรับข่าวบวกจากผลการทำประชามติร่าง รธน.ของไทย ขณะที่ช่วงเดือนเศษที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็แกว่งยกระดับขึ้นมาค่อนข้างเร็วถึงกว่า 150 จุดแล้วด้วย ทำให้FSS ยังเตือนให้ระวังการกลับไปปรับพักตัวลงของ SET อยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ปิดทำการไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเนื่องในวันแม่(12 ส.ค.) ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ค่อนข้างสดใส แต่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งเริ่มเปิดทำการด้านลบ หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่เริ่มกลับมาปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับข้อมูลด้านการค้าปลีกของสหรัฐ รวมทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ก็อ่อนแอลง นอกจากนี้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาตลาดหุ้นกลุ่ม TIPs ก็แกว่งตัวอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาครวมทั้งบ้านเรายังมีเหตุการณ์วางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้หลายแห่งซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วโดยไม่มีความรุนแรงเพิ่มเติม แต่ก็อาจสร้างความกังวลต่อนักลงทุนได้ ดังนั้นยังต้องระวัง SET ปรับตัวลงต่ออยู่
กลยุทธ์ : ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับตัวลงก่อนดีกว่า โดยจังหวะตลาดปรับลงเรายังมองเป็นโอกาสในการซื้อสะสมเพราะเรายังคาดว่าดัชนีมีโอกาสยกระดับขึ้นไปแถว 1650 จุดหรือใกล้เคียงได้
แนวรับ 1550-1542 , 1538-1532 จุด
แนวต้าน 1554-1556 , 1558-1562 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WORK, BTW, ROBINS(buy back)
Fund Flow เมื่อวันพฤหัสกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$355ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$150ล้าน ไทย US$131 ล้าน และไต้หวันUS$130ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ US$63ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคตามสภาพคล่องในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงแต่อาจชะลอลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ (ยอดค้าปลีกและ PPI) และ GDP ญี่ปุ่นออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดไว้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) ลุ้น GDP ไทยเช้านี้อาจดีกว่าคาด ชดเชยเหตุระเบิดที่กระทบระยะสั้น ตลาดคาด GDP 2Q16 +3.3% Y-Y สูงกว่าไตรมาสแรกที่ +3.2% Y-Y มีลุ้นเติบโตสูงกว่าคาดเพราะการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐที่แข็งแกร่ง น่าจะช่วยหักล้าง sentiment ที่แย่จากเหตุระเบิดในช่วงสุดสัปดาห์ไปได้บ้าง จากเหตุเช่นนี้ในอดีต พบว่า SET ปรับลงเฉลี่ย1% เพียง 1-2 วัน กลุ่มโรงแรมลงแรงแต่กลับเป็นโอกาสในการซื้อ ส่วน Flow พักฐานเพียงชั่วคราวนำโดยกองทุนที่ขายมากกว่ากว่าต่างชาติ
• (+) กำไรสุทธิบจ.ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด +23% Q-Q, +7% Y-Y กลุ่มที่ดีกว่าคาดส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Commodity เพราะกำไรจากสต็อกและส่วนต่างสินค้าปิโตรเคมีสูงกว่าคาดกลุ่มที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง (ไม่นับกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ) ได้แก่กลุ่มไฟแนนซ์ ค้าปลีกสื่อโฆษณานอกบ้าน อาหาร โรงแรม และกลุ่มพลังงานทดแทน
• (+) TACC กำไรสุทธิ 2Q16 ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ตามคาด +12.5% Q-Q, +17.5% Y-Yจากหลายปัจจัยที่หนุนการเติบโต ทั้งยอดขายกาแฟโถกด 3 ที่บริษัทเพิ่งเป็น Supplierหลักให้กับร้าน 7-11, การเติบโตของร้าน All Café ของ 7-11 ที่บริษัทเป็น Supplierผลิตภัณฑ์ประเภทชาทั้งหมด และการเติบโตของตลาดกัมพูชา แนวโน้มกำไรจะเติบโตดีต่อในอนาคต เรายังคาดกำไรปีนี้ +75% Y-Y ปีหน้า +15.2% Y-Y และมี Upside จากสินค้าใหม่ๆที่จะทยอยเข้ามา เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้า 8.10 บาท แนะนำซื้อ
• (+) TRUE เราปรับคำแนะนำจากขาย เป็นซื้อ จากรายได้ 2Q16 ที่โตอย่างรวดเร็วมากบวกกับการคุมต้นทุนและรายจ่ายได้ดี แม้จะขาดทุน 326 ล้านบาท แต่ก็ขาดทุนน้อยกว่าเราและตลาดคาดมาก การทำตลาดเชิงรุกและคลื่นความถี่ที่มากพอที่จะรักษาคุณภาพได้ทำให้เราปรับประมาณการขึ้นเป็นขาดทุนน้อยลงในปี 2016-17 และคาดว่าจะเริ่มพลิกเป็นกำไรได้ 1.9 พันล้านบาทในปี 2018 เราปรับราคาพื้นฐานปีหน้าขึ้นเป็น 10 บาท
• (+) ROBINS กำไรสุทธิ 2Q16 ดีตามคาด -11.2% Q-Q, +38.4% Y-Y Product Mixยังทำงานดีต่อเนื่อง สินค้า House Brand และ Exclusive Brand ได้รับการตอบรับที่ดี มีสัดส่วนรวม 10% ของรายได้ ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้น แนวโน้มกำไรจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q16 เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า 76 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
• (+) MINT กำไรปกติ 2Q16 -63.7% Q-Q, +10.2% Y-Y ต่ำกว่าคาดจากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่สูงกว่าคาดมาก เราปรับลดกำไรปีนี้ลงเหลือโต 14.4% Y-Y แต่คาดปีหน้าโต20.2% ตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 48 บาท ราคาหุ้นวันนี้น่าจะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดแต่เป็นโอกาสซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ส.ค. - ไทย: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +3.3% Y-Y, +0.4% Q-Q)
- ญี่ปุ่น: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +0.7% Q-Q annualized)
16 ส.ค. - สหรับ: Housing starts, Building permit (ก.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ส.ค.)
17 ส.ค. - สหรัฐ: FOMC Meeting Minutes
18 ส.ค. - ฟิลิปปินส์: 2Q16 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
19 ส.ค. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประขุม
- ไต้หวัน: 2Q16 GDP
20 ส.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ค.)
23 ส.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.), ดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ส่วนใหญ่ปิดในแดนลบหลังผิดหวังกับตัวเลขเศรษฐกิจทั้งยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิตที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาด
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบเล็กน้อยเช่นกันจากหุ้นในกลุ่มเหมืองซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นรวมถึงตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นที่ออกมาต่ำกว่าประมาณการณ์ของตลาด
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.70-35.85 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.00ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.49 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเกิดการเก็งกำไรมากขึ้นจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะมีมาตรการจัดการกับภาวะ Oversupply
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 6.80 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,343.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้าจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research