- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 August 2016 18:46
- Hits: 4401
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ยืนเหนือ 1530 ได้...ยังไม่ลุ้นไปต่อ'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : QTC (จาก Fully Valued เป็น ขาย), TIPCO (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดทรงตัวที่ 1548.13 โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้น Big Cap กลุ่มหลัก แต่การซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กช่วยพยุงตลาดไม่ให้อ่อนลงแรง นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่ออีก 3.5 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 326 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ
ผลประกอบการ 2Q59 และปันผลระหว่างกาลที่ทยอยออกมา และความเชื่อเรื่อง Fund flow ยังเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดหุ้นในช่วงนี้ แต่การเข้าลงทุนใหม่ก็ต้องระวัง เพราะในช่วง 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นแล้วราว 7%QTD ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 3%QTD ให้ผลตอบแทนรวม 10% ในระยะเวลาไม่นาน ขณะที่ราคาหุ้นหลายบริษัทให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% เพราะราคาหุ้นปรับขึ้น Outperform SET ซึ่งหากมีความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงเข้ามาเพิ่ม นักลงทุนต่างชาติก็พร้อมที่จะ Take profit และพักการลงทุนไปก่อน ซึ่งในสภาวะการณ์แบบนี้ การลงทุนต้อง Selective อย่างมาก รวมทั้งควรติดตามตลาดและหุ้นอย่างใกล้ชิด & ไม่หวัง Gap กำไรมากเกินไป
กลยุทธ์การลงทุน : ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีรองรับและยังเหลือ Upside พอควร, มีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว ปัจจัยจับตา คือ การประกาศ MSCI Rebalancing รอบเดือนส.ค.59 สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น CPALL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ โดยดัชนีปิดเหนือเส้น SMA10 ได้ แต่ยังควรระวังแกว่งจากภาวะ Overbought + Divergence การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1550-1560, 1570 จุด แนวตัดขาดทุน/ลดพอร์ตตามคือ 1530 จุด สำหรับหุ้นที่มีเทคนิคเด่น ได้แก่ CPF, CPALL, DTAC, LH, GFPT, SEAFCO เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
จีน : เงินหยวนถูกใช้ในการทำธุรกรรมมากขึ้น (ปี 58 เพิ่มราว 22%YoY)
ธนาคารกลางจีนได้เปิดเผยว่า สกุลเงินหยวนของจีนได้ถูกนำไปใช้ในการทำธุรกรรมแบบข้ามแดนมากยิ่ง โดย ปริมาณการชำระเงินด้วยเงินหยวนในปี 58 อยู่ที่ 12.1 ล้านล้านหยวน หรือ 1.83 ล้านล้านดอลลร์ เพิ่มขึ้น 21.7%YoY และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของปริมาณการชำระเงินแบบข้ามแดนทั้งหมด ทั้งนี้รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มีการใช้เงินหยวนไปทั่วโลกอย่างจริงจัง เนื่องจากจีนต้องการลดต้นทุนในการทำธุรกรรมสำหรับการค้าระหว่างประเทศลง และเมื่อปี 58 ทาง IMF ได้เพิ่มสกุลเงินหยวนเข้าสู่ตะกร้าสกุลเงิน SDR ส่งผลให้เงินหยวนเป็นหนึ่งในสกุลเงินสำรองที่ได้รับการรับรองอย่างเต็มรูปแบบจาก IMF
+ อินโดนีเซีย : เล็งปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 17% จาก 25%
เว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของอินโดนีเซียระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 25% เป็น 17% (เท่ากับสิงคโปร์) เพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของประเทศและดึงดูดบริษัทเอกชนของประเทศให้ฝากเงินภายในประเทศ
/- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลงแต่ไม่มาก
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,495.66 จุด ลดลง 37.39 จุด หรือ -0.20% ดัชนี NASDAQ ลดลง 20.90 จุด หรือ -0.40% ดัชนี S&P500 ลดลง 6.25 จุด หรือ -0.29% โดยราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมทั้งผลประกอบการบริษัทใหญ่บางบริษัทอ่อนแอกว่าคาด เช่น ไมเคิล คอร์, เวนดี้ส์ โค เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบ : ร่วงแรง..กังวลอุปทานล้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ -2.5% ปิดที่ 41.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 93 เซนต์ หรือ -2.1% ปิดที่ 44.05 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะ EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ส.ค.59 เพิ่ม 1.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ซึ่งสำรวจโดยวอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล รวมทั้งมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.67 ล้านบาร์เรลในเดือนก.ค.59
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้น 0.4%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,351.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดเชื่อว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเพราะ GDP Growth สหรัฐในช่วง 2Q59 ขยายตัวไม่มาก (+1.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +2.6%)
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ MC (ราคาปิด 13.70 บาท, ราคาพื้นฐาน 15.10 บาท) : กำไรสุทธิ 2Q9 ดีกว่าคาด & จ่ายปันผลสูง
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q59 เท่ากับ 191 ล้านบาท (+10%YoY แต่ -5%QoQ) ดีกว่าคาดจากส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่เข้ามา 16 ล้านบาท ขณะที่ไม่มีใน 2Q58 และเป็นส่วนแบ่งผลขาดทุน 9 ล้านบาทใน 1Q59 สำหรับงวด 1H59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 393 ล้านบาท เติบโต 6%YoY
ยอดขาย 2Q59 เติบโต 11%YoY แต่หดตัว 12%QoQ เป็น 1.0 พันล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้น YoY มาจากการส่งเสริมการขายรายสัปดาห์ที่เน้นร้านค้าปลีกของตัวเอง (FSS) ทำให้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโตได้ 6%YoY ส่วนการลดลง QoQ เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล&แผนกลยุทธ์ทางการตลาด ในช่วง 6M59 บริษัทลดจุดจำหน่ายในประเทศไป 9 แห่งเป็น 857 แห่ง (ลดจุดจำหน่ายที่เป็น FSS และร้าน mcmc ในปั๊มปตท. 15 แห่งสุทธิ 9 แห่งเหลือเป็น 279 แห่ง, ลดจุดจำหน่ายใน Modern trade ไป 1 แห่ง เหลือเป็น 549 แห่ง และเพิ่มรถโมบาย 1 ยูนิต รวมเป็น 6 ยูนิต) ส่วนจุดจำหน่ายในต่างประเทศอยู่ที่ 23 แห่งทรงตัวเท่ากับสิ้นปี 58
อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 54.5% ใน 2Q59 จาก 51.8% ใน 1Q59 แต่อ่อนลงจาก 56.5% ใน 2Q58 โดยอัตรากำไรขั้นต้นเป็นไปตามแผนการตลาดและ Product Mixed โดยในช่วงที่มาร์จิ้นอ่อนลงก็เป็นเพราะการลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายและเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภท Value of money ให้มากขึ้นเพื่อสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้หากแยกประเภทของอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q59 พบว่าจะเป็นอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเสื้อผ้าและนาฬิกาเท่ากับ 55.8% และ 41.1% ตามลำดับ บริษัทมีค่าใช้จ่ายบริหารสูงขึ้นเป็น 13.0% ของรายได้จากการขาย เพิ่มจาก 11.7% ใน 2Q58 และ 8.2% ใน 1Q59 ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายบุคคลกรที่เพิ่มขึ้น
ระดับสินค้าคงคลังลดลงแต่ยังค่อนข้างสูง ณ สิ้นมิ.ย.59 ลดลงเป็น 2.07 พันล้านบาท (ลดลง 251 ล้านบาทจากสิ้นปี 58) คิดเป็นระยะเวลาหมุนเวียนประมาณ 6 เดือน ซึ่งลดลงจากช่วงสิ้นปีก่อนที่เกือบ 7 เดือน แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงตามธรรมชาติของธุรกิจเสื้อผ้าที่มีหลายแบบ หลายสี หลายขนาด อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินบริษัทแข็งแกร่งมาก โดยเป็นเงินสดสุทธิ ณ สิ้นมิ.ย.59 เท่ากับ 816 ล้านบาท (คิดเป็น 1.0 บาท/หุ้น)
แนะนำถือ เราปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 15.10 บาท โดยเลื่อนไปอิง P/E ปี 60 ที่ 14.50 เท่า จุดเด่นของบริษัทคือจ่ายปันผลสูง ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 1H59 เท่ากับ 0.40 บาท (82% ของกำไรสุทธิ) กำหนด XD 23 ส.ค.59 ชำระเงิน 9 ก.ย.59) คิดเป็น Interim dividend yield 2.9%
+ CPALL (ราคาปิด 54.75 บาท, ราคาพื้นฐาน 60 บาท) : กำไร 2Q59 โตแกร่งถึง 34%YoY
3 กรรมการบริษัท CPALL ประกาศงดรับค่าตอบแทนประจำเดือนเป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ส.ค.59 เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีถูกก.ล.ต.ปรับใช้อินไซเดอร์เทรดดิ้งซื้อหุ้น MAKRO ด้วยข้อผิดพลาดที่กระทำไปโดยไม่เจตนาเนื่องจากไม่เข้าใจกฎเกณฑ์อย่างชัดแจ้ง สำหรับกำไรสุทธิ 2Q59 ของ CPALL อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท (+34%YoY) ส่วนงวด 6M59 มีกำไรสุทธิ 8.3 พันล้านบาท (+26%YoY) ปัจจัยหนุน คือ รายได้เพิ่มขึ้น (งวด 2Q59 : +14%YoY โดยมาจากสาขาเพิ่มขึ้น 783 แห่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาเป็น 9,252 สาขาในสิ้นมิ.ย.59) ส่วน SSSG อยู่ที่ 5% ซึ่งแข็งแกร่งมากและ Outperform อุตสาหกรรม) รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายลดลง เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเติบโตของธุรกิจบริษัทและคาดการณ์ว่ายอดขาย & กำไรมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากการขยายสินค้าและบริการ การขยายสาขา และการปรับ Product Mixed ซึ่งรวมถึงการขายสินค้า House brand ที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้นด้วย แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 60 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
0000000000000000000
? 2016 PricewaterhouseCoopers. All rights reserved.