- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 August 2016 17:05
- Hits: 760
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ยังต้องระวัง SET ผันผวนและอ่อนแรง ดังนั้นรอทยอยซื้อช่วงลบดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังขยับบวกแรงต่อเนื่องในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคาดว่ามาจากแรงซื้อเก็งกำไรเพื่อลุ้นผลการทำประชามติร่าง รธน. ของบ้านเราในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าการเมืองไทยจะเดินหน้าต่อตามโรดแมพ รวมทั้งยังมีแรงซื้อลุ้นตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสามารถขยับปิดบวกได้ค่อนข้างแรงกว่า 1% กันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอังกฤษ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือน ก.ค.ด้วย นอกจากนี้ในบ้านเรายังมีประเด็นบวกจากความคืบหน้าของการเมืองไทย หลังช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผลการทำประชามติร่าง รธน.ฉบับใหม่ผ่านไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังค่อนข้างผันผวน ส่วนการขยับบวกของตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ก็ถือว่ายังมีกรอบบวกที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ FSS ยังแนะนำให้ระวังแรงขายทำกำไรที่มีสิทธิจะกดดัน SET ให้มีจังหวะผันผวนและอ่อนตัวเป็นระยะได้
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดว่า SET มีความเสี่ยงกับการแกว่งตัวผันผวน หลังช่วงที่ผ่านมาดัชนีขยับขึ้นตอบรับข่าวบวกมากพอควรแล้ว ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมใหม่ช่วง SET ปรับตัวลงอีกครั้งน่าจะปลอดภัยกว่า
แนวรับ 1515-1512 , 1507-1500 จุด
แนวต้าน 1520-1522 , 1524-1526 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CCET, BLAND, BEC(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$756ล้าน นำโดยไต้หวัน US$420ล้าน เกาหลีใต้ US$199ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$28ล้านเท่ากับวันก่อนหน้า ขณะที่ไหลออกฟิลิปปินส์ และเวียดนาม US$2.2 ล้าน และ US$0.7ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลเข้าตามสภาพคล่องในตลาดการเงินที่มากขึ้นภายหลังจากการอัดฉีดสภาพคล่องและนโยบายเพิ่มเติมจาก BOE
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) การเมืองชัดเจน กำไรบจ.ดีขึ้น หนุนความเชื่อมั่น ผลประชามติอย่างไม่เป็นทางการ รับร่าง รธน. 61.4% (มากกว่าประชามติปี 2007 ที่รับร่างฯ 57.8%) และเห็นชอบกับคำถามพ่วง 58.1% เป็นข่าวดีต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข เราคาดว่าเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นอีก 15 เดือนข้างหน้าหรือ พ.ย. 2017 (กรธ.แก้ไขร่างให้สอดคล้องกับประเด็นคำถามพ่วงภายใน 30 วัน + ศาลรธน.พิจารณา 30 วันแล้วนำเสนอต่อนายกฯ + นายกฯมีเวลา 30 วันเพื่อกราบบังคมทูลเพื่อลงปรมาภิไธย + ทำกม.ลูก 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งอีก 150 วัน + สนช.พิจารณา 60 วัน + กกต.เตรียมจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 450 วัน) การเมืองที่ชัดเจนขึ้นจะสร้างความเชื่อมั่นต่อทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เรายังประเมิน SET Target 1,650 จุด กลุ่มที่อ่อนไหวกับการเมืองน่าจะ outperform เช่นกลุ่มแบงก์ รับเหมา วัสดุก่อสร้าง และค้าปลีกที่เน้นตลาดบน
(-) GPSC ประกาศกำไรสุทธิ 2Q16 เท่ากับ 686 ล้านบาท -21% Q-Q เพราะไม่มีปันผลรับเหมือนใน 1Q16 และ +45% Y-Y แนวโน้ม 2H16 ไม่น่าตื่นเต้น ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เร็วๆนี้ เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +54% Y-Y คง ราคาพื้นฐาน 35 บาท ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว ปรับลดคำแนะนำลงเป็นขาย
(+) BJC ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อแม้ว่าลูกหุ้นจากการเพิ่มทุนครั้งแรก (1:1 @35 บาท) จะเข้ามาเทรดแล้วและผ่านพ้นการชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนล๊อตที่ 2 (2:1 @35 บาท) แล้ว (ลูกหุ้นยังไม่เข้า) อาจมาจากการเก็งกำไรว่าจะได้เข้าคำนวณใน MSCI ที่จะประกาศศุกร์นี้ เพราะ Market cap. เพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นล้านบาทเป็น 1.56 แสนล้านบาทในรอบ 1 ไตรมาส ราคาพื้นฐานปีหน้าของเราอยู่ที่ 54 บาท แนะนำ ซื้ออ่อนตัว
(+) ASK เราคาดกำไร 2Q16 +4.5% Q-Q, +6% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 180 ล้านบาท จาก Spread ของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และตั้งสำรองลดลง กำไรใน 2H16 จะยิ่งโดดเด่นเพราะเงินกู้ 7.3 พันล้านบาทซึ่งมีดอกเบี้ย 4.5% จะครบกำหนดอายุ และถูก re-finance ด้วยดอกเบี้ยที่ถูกลง เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 4% เป็นเติบโต 11% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานปีนี้ขึ้นเป็น 26 บาท จากเดิม 22 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) K เราคาดกำไรสุทธิ 13 ล้านบาทใน 2Q16 พลิกจากขาดทุน 3 ล้านบาทใน 2Q15 แต่ -6% Q-Q ตามฤดูกาล แนวโน้ม 2H16 จะโดดเด่นจากงานที่รอรับรู้เป็นรายได้ 600 ล้านบาท เรายังคาดกำไรปีนี้ +16% Y-Y และปรับกำไรปี 2017-18 ขึ้นเฉลี่ย 14% เป็นเติบโต 29% Y-Y ในปี 2017 และโต 27% Y-Y ปี 2018 ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 8.80 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) EPG ราคาหุ้นปรับลงมาจนน่าสนใจซื้ออีกครั้งเพราะราคาปัจจุบันคิดเป็น PE 23 เท่าปีนี้และ 20 เท่าปีหน้า เทียบกับการขยายตัวของกำไรเฉลี่ยในช่วง 2 ปีนี้ที่ 25% ขณะที่กำไรสุทธิ 1Q17 (เม.ย.-มิ.ย. 2016) เราคาด +10% Q-Q, +33% Y-Y หากไม่รวมผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติ +28% Q-Q, +64% Y-Y เป็นอีก 1 ไตรมาสที่กำไรเติบโตสวยงาม เรายังคงราคาพื้นฐาน 15 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 ส.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.ค.)
9 ส.ค. - อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
10 ส.ค. - จีน: ยอดปล่อยสินเชื่อ (ก.ค.)
- สิงคโปร์: 2Q16 GDP
11 ส.ค. - ฟิลิปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
12 ส.ค. - MSCI Quarterly Index Review
- ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันแม่
- จีน: ยอดค้าปลีกและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (ก.ค.)
- ฮ่องกง: 2Q16 GDP
- ยูโรโซน: 2Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.)
15 ส.ค. - ไทย: 2Q16 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างแรงโดย S&P และ Nasdaq ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังตัวเลขการจ้างงานแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้ได้แข็งแกร่งเช่นกันโดยได้รับแรงหนุนจากจากตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง รวมถึงตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง
(0) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลง ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.94-35.05 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ขยับลง 0.13 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 41.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่จะเริ่มขยับขึ้นอีกครั้งเช้านี้หลังมีข่าวว่ากลุ่ม OPEC จะพูดคุยกันเพื่อตรึงปริมาณการผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ดิ่งลง 23.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,344.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch