WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"ซื้อใหม่/ถือต่อเมื่อ SET เหนือ 1510 จุด"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET Index ปิดทรงตัวที่ 1524.07 โดยผลประชุม BOJ ไม่ตื่นเต้นและทำให้ตลาดผิดหวังเล็กๆ ที่คงดอกกเบี้ยไว้ ไม่ได้ขยายวงเงินซื้อคืนพันธบัตร มีแต่เพิ่มวงเงินซื้อกองทุน ETFs และเพิ่มวงเงินโครงการปล่อยกู้เป็น 2 เท่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อแต่น้อยลงเป็น 636 ล้านบาท รายย่อยพลิกเป็นซื้อสุทธิ 806 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 1.1 พันล้านบาท พอร์ตบล.พลิกเป็นขายสุทธิ 360 ล้านบาท
      ผลการทำ Stress test ของ ECB ครั้งที่ 3 ออกมาแล้ว พบว่าธนาคารใหญ่ส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบ ยกเว้น Monte dei Paschi di Siena ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลีที่มี NPL สูงมากและ ECB คาดว่าสัดส่วนเงินกองทุน CET1 จะติดลบถ้าเศรษฐกิจทรุดตัวในปี 2561 อย่างไรก็ตาม การทดสอบครั้งนี้ยังไม่รวมผลกระทบจากการใช้ดอกเบี้ยติดลบและ Brexit ทำให้นักลงทุนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในภาคธนาคารยุโรปเท่าใดนัก ส่วนในสหรัฐก็ผิดหวังตัวเลข GDP เบื้องต้นประจำไตรมาส 2/59 ออกมาเติบโตเพียง 1.2% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% เพราะสินค้าคงคลังลดลงมาก แต่ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบรับทางลบเพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางทำให้เฟดไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
      สำหรับในประเทศ จะมีการประชุมกนง.วันที่ 3 ส.ค.นี้ เราประเมินว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% เพราะเศรษฐกิจหลายภาคส่วนเริ่มฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อยังไม่เป็นแรงกดดัน ขณะเดียวกันก็ติดตามการเมืองไทยด้วย โดยจะมีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งอาจมีผลต่อ Fund flow ในระยะสั้นได้ โดยตลาดตามดูว่าประชามติร่างฯจะผ่านหรือไม่ แล้วถ้าไม่ผ่านจะมีการเลือกตั้งในปี 60 หรือไม่ และถ้าจัดทำร่างฯใหม่เพื่อให้มีเลือกตั้งแล้วที่มาและเนื้อหาของร่างฯใหม่จะได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน - ซื้อใหม่เน้นค่าบวกและ SET ไม่ต่ำกว่า 1510 จุด มีหุ้นอยู่อาจพิจารณาแบ่งขายทำกำไรถ้าราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น CK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก แต่ก็พร้อมเปลี่ยนเป็นลบจากภาวะ Overbought + Divergence การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก หรืออ่อนแต่ไม่หลุด 1510 จุด โดยไม่ควรหวัง Gap กำไรมาก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1530-1540, 1550 จุด หุ้นเทคนิคเด่นเป็น ANAN, MCS, KKP, ASK, SCP, KAMART, FSMART, BJC เป็นต้น

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ
- ยูโรโซน - ธนาคารขนาดใหญ่ผ่านการทดสอบ Stress test ยกเว้น Monte dei Paschi di Siena ของอิตาลี
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress test) ในภาคธนาคารของยูโรโซนเมื่อ 29 ก.ค.59 โดยระบุว่าธนาคารขนาดใหญ่ (เช่น ธนาคารดอยช์แบงก์ของเยอรมนี, ธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลของฝรั่งเศส, ธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี, ธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษ และธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี) และธนาคารส่วนใหญ่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถต้านทานการทรุดตัวของเศรษฐกิจ และภาวะผันผวนในตลาดการเงิน ยกเว้นธนาคาร Monte dei Paschi di Siena ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี มีสถานะการเงินที่ย่ำแย่ที่สุด อันเนื่องมาจากหนี้เสียที่มีมูลค่าสูงถึง 3.60 แสนล้านยูโร หรือ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ECB ระบุว่า สัดส่วนการดำรงเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Common equity tier 1 capital (CET1) ratio ของธนาคาร Monte dei Paschi di Siena มีแนวโน้มที่จะลดลงสู่ระดับติดลบ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ -2.23% หากเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2561
การทดสอบ stress test ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ ECB เคยมีการจัดทำมา และเป็นการแสดงสถานะความแข็งแกร่งทางการเงินโดยทั่วไปของธนาคารในยูโรโซน โดยการทดสอบในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับ NPL ในสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีการประมาณการว่าภาคธนาคารมีตัวเลข NPL สูงถึง 1 ล้านล้านยูโร อย่างไรก็ตาม การทดสอบครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบการรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) และผลกระทบระยะยาวจากการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบ

ยูโรโซน - อัตราการว่างงานมิ.ย.ทรงตัวที่ 10.1%
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปหรือยูโรสแตท เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 10.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค. และยังคงเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี โดยลดจาก 11% ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ในบรรดาประเทศสมาชิก มอลตามีอัตราว่างงานต่ำสุดที่ 4% ตามมาด้วยสาธารณรัฐเช็ก 4.1% และเยอรมนี 4.2% ส่วนอัตราว่างงานสูงสุดได้แก่ กรีซ 23.3% และสเปน 19.9%

ยูโรโซน - อัตราเงินเฟ้อทั่วไปก.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 0.2% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.9%
ยูโรสแตทเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ค. +0.2% หลังจาก +0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.59 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +0.1% รายงานระบุว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นได้รับแรงหนุนจากราคาอาหาร แอลกอฮอล์ และยาสูบที่ +1.4% ค่าบริการ +1.2% ขณะที่ราคาพลังงานลดลงต่อเนื่อง โดย -6.6% สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนทรงตัวที่ 0.9%

ญี่ปุ่น - BOJ เพิ่มวงเงินโครงการปล่อยกู้/ซื้อกองทุน ETFs
เมื่อวันที่ 29 ก.ค.59 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และขยายวงเงินในโครงการซื้อกองทุน ETFs จากสถานการเงินต่างๆ เป็น 6 ล้านล้านเยน และเพิ่มวงเงินในโครงการปล่อยกู้อีก 2 เท่า เป็น 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มที่อ่อนกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ ขณะเดียวกันทาง BOJ ก็ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 59 ลงเป็น 0.1% (เดิม 0.5%) และปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 59 เป็น 1.0% (เดิม 1.2%)

- สหรัฐ - GDP ไตรมาส 2/59 เบื้องต้นเติบโตต่ำกว่าคาด ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ค.ลดลงและแย่กว่าคาด
ตัวเลข GDP เบื้องต้นประจำไตรมาส 2/59 ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.6% อย่างมาก โดยได้รับผลกระทบจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้มีการปรับลดการประมาณการตัวเลข GDP ไตรมาส 1/59 สู่ระดับ 0.8% (จากเดิม 1.1%) ด้านดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 90.0 ในเดือนก.ค. จาก 93.5 ในเดือนมิ.ย. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 90.5

ตลาดหุ้นสหรัฐ - ตลาดหุ้นปิดเปลี่ยนแปลงไม่มาก
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,432.24 จุด ลดลง 24.11 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,162.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด หรือ +0.16% โดยตลาดผิดหวังตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/59 ที่แย่กว่าคาด รวมทั้งปรับลด GDP ไตรมาส 1/59 ลงด้วย แต่ขณะเดียวกันก็มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตน้อยกว่าคาดขณะที่มีความเสี่ยงจากปัญหา Brexit และความอ่อนแอของภาคการเงินอิตาลีทำให้เฟดไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้น รวมทั้งหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียังปรับขึ้นดีจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอเมซอน และอัลฟาเบท (บริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์)

/- ตลาดหุ้นจีน - เตรียมเปิดทำการซื้อขายหุ้นถูกปลดล็อกราว 2.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้จะมีหุ้นปลดล็อกออกมาซื้อขายได้กว่า 1.7 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ & เสิ่นเจิ้น เช่น โอ-ฟิลม์ เทค, เจ้อเจียง, คริสตัล-อ็อพเทค, ปักกิ่ง บีดีสตาร์ เนวิเกชั่น เป็นต้น

ราคาน้ำมันดิบ - แกว่งแคบๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 41.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 24 เซนต์ ปิดที่ 42.46 ดอลลาร์/บาร์เรล นับว่ายังอ่อนแอจากความกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ อิงค์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 3 แท่น สู่ระดับ 374 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

+ ราคาทองคำ - ปรับขึ้น 0.5%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ระดับ 1,341.20 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
ไทย - คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ในการประชุม 3 ส.ค.นี้
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 3 ส.ค.นี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ เชื่อว่ากนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% เพื่อรอดูผลการลงประชามติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่วันที่ 7 ส.ค.นี้ (โดยประเด็นหลักที่สนใจคือจะมีการเลือกตั้งในปี 60 หรือไม่ถ้าร่างฯไม่ผ่านประชามติ และถ้าจัดทำร่างฯใหม่เพื่อให้มีเลือกตั้งแล้ว ที่มาและเนื้อหาของร่างฯใหม่จะได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่) และตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ส่วนเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำและไม่เป็นแรงกดดัน

+ ไทย - เอกชนสนใจเข้าซื้อซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 20 ราย
รฟม.เปิดเผยว่าการเปิดขายเอกสารประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง 21.2 กม. จำนวน 6 สัญญา จำนวน 76,632 ล้านบาท (มีค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือ Provisional Sum 3,486 ล้านบาท) รวมวงเงินเป็น 80,118 ล้านบาทในช่วง 15-29 ก.ค.59 ปรากฎว่ามีจำนวนผู้เข้าซื้อ จำนวน 20 ราย โดยผู้รับเหมาไทยที่ซื้อเอกสารครบ 6 สัญญา คือ CK, ITD, STEC, UNIQ และซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด ส่วนผู้รับเหมาต่างชาติที่ซื้อครบ 6 สัญญาเป็น China Communications Construction (จีน), China Railway Construction Corporation (จีน), China State Construction Engineering Corporation (จีน) และ SK Engineering and Construction (เกาหลี) สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ซื้อซองบางสัญญา ได้แก่ CNT (ซื้อซองสัญญา 5), NWR (สัญญา 1-2-3), PLE (สัญญา 5-6) เป็นต้น โดยรฟม.จะเปิดให้ยื่นซองประกวดราคาทั้ง 6 สัญญา ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ตามแผนงานคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างงานโยธาภายในเดือนพ.ค. 60

ความเห็นเชิงกลยุทธ์
- โครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐที่มีความคืบหน้ามากขึ้น จะเป็น Catalyst สำหรับการลงทุนภาคเอกชนให้กระเตื้องขึ้นด้วย แต่จะเป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังไม่ได้สูงมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 66% แต่ก็เพิ่มมาเป็นลำดับจากประมาณ 56% ในปี 58 ซึ่งการลงทุนที่ดีขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง หุ้นเด่นในสองกลุ่มนี้เป็น CK, STEC, SCC, TMT

+ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน - ช่วง 2H59 จะปิดรับซื้อไฟฟ้ากว่า 1,000 MW
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใน 6 เดือนหลังของปีนี้(ก.ค.-ธ.ค.) ว่า เรกูเลเตอร์จะเร่งปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในปีนี้ที่มีอยู่กว่า 1,000 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 50 เมกะวัตต์และขยะชุมชน 130 เมกะวัตต์ โครงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพ 400 เมกะวัตต์ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์การเกษตรระยะที่ 2 กำลังผลิต 519 เมกะวัตต์
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

BSP

 

adsoptimal100

paidtoclick copy

  

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!