- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 July 2016 16:53
- Hits: 544
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
เงินต่างชาติดันทดสอบ 1,500 จุด
KGI คาด SET วันศุกร์ขึ้นต่อ ทดสอบระดับจิตวิทยา 1,500 จุด แต่เรามองยังไม่ผ่าน (วานนี้ฟันด์โฟลว์ซื้อหนักเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และหุ้นขึ้นแรงกว่าเราคาด) ปัจจัยภายนอกยังดีต่อ แม้เมื่อวาน ธ.กลางอังกฤษคงดอกเบี้ยที่ 0.50% (ผิดจากที่ consensus คาดว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ย) แต่รายงานหลังประชุมชี้ชัดพอสมควรว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มใน ส.ค. ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ เปิดฤดูกาลงบภาคธนาคารได้ดี หลังเจพี มอร์แกน แจ้งงบไตรมาส 2 สูงกว่าที่ตลาดคาด 8% และจะมีธนาคารใหญ่อื่นๆ ในสหรัฐฯ รายงานตามมาในสัปดาห์หน้า ส่วนเช้าวันนี้ จีนจะรายงานจีดีพีไตรมาส 2/2559 ตลาดคาด +6.6% YoY (ไตรมาส 1/2559 โต 6.7% YoY) ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยจะหยุดยาว 4 วัน อาจมีแรงขายลดเสี่ยงบ้าง
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SAT, SCC* / สะสม TPCH
SAT (เป้า Consensus 16 บาท) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัว Sideway กรอบ 3 เหลี่ยม 14.2 - 14.5 บาท กรณีที่ทะลุผ่านแนวต้าน 14.5 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±15.2 บาท (กรณีเลวร้ายถ้าต่ำกว่า 14.2 บาท แนะนำ Stop loss) 2) แนวโน้มการบริโภคในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด (รายได้เกษตรกรเพิ่ม) เป็นบวกต่อยอดขายรถปิกอัพในประเทศ + ปลดล๊อกรถยนต์คันแรก (มีโอกาสที่จะขายรถออกมา เพื่อซื้อรถใหม่ช่วงปลายปีนี้) ทำให้คาดว่างบไตรมาส 2/59 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ 3) ข้อมูลใน Bloomberg consensus PE ปีนี้ 10 เท่าและลดลงเป็น 8.8 เท่าในปีหน้า
SCC* (เป้าพื้นฐาน 620 บาท) 1) รูปแบบราคาวานนี้ทดสอบแนวต้านแรกที่ 490 บาท หากวันนี้ผ่านได้มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 498 บาท และมีเป้าหมายทางเทคนิคที่ ±530 บาท (Stop loss 480 บาท) 2) วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/59 ทรงตัว QoQ และ YoY ซึ่งดีกว่าคาด (เดิมคาดจะอ่อนตัวลง เพราะเป็น Low season) ทำให้กำไร 1H59 คิดเป็น 60% ของประมาณการกำไรทั้งปี ขณะที่ 2H59 แนวโน้มสดใสเทียบ HoH ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปรับประมาณการขึ้น หากกำไรไตรมาส 2/59 เป็นตามคาด 3) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราประเมินราคา SCC* Laggard หุ้นที่ได้อานิสงส์โครงการก่อสร้างภาครัฐฯ ... ดูรายละเอียดในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TPCH (เป้า Consensus 22.6 บาท) 1) ประเมินรูปแบบราคาพัก Sideway ในกรอบ 18.7 – 19.6 บาท หากทะลุผ่านแนวต้าน 19.6 บาทได้ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 20.3 บาท และถัดไปที่ 22 บาท (กรณีที่ยังไม่ผ่าน แนะนำ “สะสม” ในกรอบแนวรับ – แนวต้านดังกล่าว) 2) Catalyst ระยะสั้น กกพ เปิดรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติประมูล FiT โรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้วันที่ 22 ก.ค.นี้ 3) โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ จ.ปัตตานี เฟสแรก 21MW (TPCH ถือหุ้น 65%) ที่ได้ LOI แล้ว คาดจะเปลี่ยนเป็น PPA ได้ภายในไตรมาส 3/59 (เป็น Upside ที่ Consensus บางแห่งยังไม่ได้ในประมาณการฯ)
หุ้นในกระแส
กลุ่มการบริโภคในประเทศ (CPALL*, TACC, TWZ) ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจฯ พบว่า ส่วนใหญ่ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้าๆในไตรมาส 2/59 และจะฟื้นตัวชัดในไตรมาส 3/59 (นสพ โพสต์ทูเดย์) แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มดีขึ้นตามที่ฝ่ายวิจัยฯคาด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด (ราคาสินค้าเกษตรฟื้น + ฝนตก) ประเมินหุ้นที่ได้อานิสงส์โดยตรงคือ CPALL* และ TACC (เกาะการเติบโตของ CPALL*) รวมถึง TWZ (เน้นขายโทรศัพท์มือถือ กลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด)
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (ITD*, UNIQ*, CK*, STEC*, SEAFCO, PYLON) และวัสดุฯ (SCC*, TASCO*) จากการเร่งผลักดันแผนการลงทุนนโยบายภาครัฐฯ (มอเตอร์เวย์ + รถไฟฟ้า + รถไฟรางคู่ + รถไฟความเร็วสูง) และการเตรียมความพร้อมออกกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มฯ เลือก CK* เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาฯตัวใหญ่ เลือก PYLON เป็น Top pick กลุ่มรับเหมาตัวเล็ก (งานเสาเข็ม) และ TASCO* เป็น Top pick หุ้นกลุ่มวัสดุฯ
หุ้นกลุ่มสื่อเกาะแนวรถไฟฟ้า (PLANB*, MACO) การประมูลโครงการรถไฟฟ้า และเริ่มเดินรถเส้นทางใหม่ๆ เราประเมินหุ้นกลุ่มสื่อโฆษณานอกบ้านจะได้อานิสงส์ (พื้นที่โฆษณาเพิ่ม) รวมทั้งคาดการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ทำให้เม็ดเงินโฆษณาเริ่มฟื้นตัวใน 2H59 (เห็นได้จากราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกและอสังหาฯแนวรถไฟฟ้าที่ Outperform ตลาดฯในช่วงที่ผ่านมา) i) PLANB* (เป้า Consensus 6.9 บาท) ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นมาตามคาด วันนี้หากผ่านแนวต้าน 6 บาท แนะนำ “Let profit run” แต่หากไม่ผ่านนักลงทุนที่เก็งกำไรตามที่เราแนะนำก่อนหน้า อาจพิจารณาขายทำกำไร Switching ไป MACO ที่ยัง Laggard ii) MACO (ยังไม่มีเป้า Consensus) ราคาหุ้นวานนี้เริ่มยืนที่ ±1.3 บาท แนะนำ “สะสม”
หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC*, SUPER, TPCH, PSTC, UWC) การประมูล FiT โรงไฟฟ้าชีวมวล 36MW เดือนนี้ (โครงการนำร่อง โครงการแรกของไทย) จะนำไปสู่การเปิดประมูลโครงการอื่นๆตามมาใน 2H59 – 1H60 เลือก IFEC* (อยู่ระหว่างเจรจาซื้อพลังงานทดแทนในต่างประเทศ คาดประกาศเร็วๆนี้ + รอการเปิดประมูล FiT พลังงานลมในไทยช่วงปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า) และ TPCH (โรงไฟฟ้าชีวมวล คาดเปิดประมูลล๊อตใหญ่ 400MW ปลายปีนี้) เป็นหุ้นเด่น
หุ้นมีข่าว
(-) 'ฟิทช์'มองลบต่อDTAC ธุรกิจเผชิญความเสี่ยง (ข่าวหุ้น) ฟิทช์มีมุมมองเชิงลบต่อ DTAC ชี้จ่อเผชิญความท้าทายชิงมาร์เก็ตแชร์กลับ-รักษากำไรไม่ให้ลด หลังตลาดธุรกิจมือถือแข่งขันดุ โดน “AIS-TRUE” รุกหนักขยายตลาดไม่หยุด พร้อมย้ำเสี่ยงกดดันต่ออันดับเครดิตในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า
(+) รฟท.ขายซองปลายก.ค.นี้ ทางคู่ประจวบฯ1.7หมื่นล. (ข่าวหุ้น) รับเหมาฯเตรียมชิงเค้กก้อนใหญ่ หลัง “ร.ฟ.ท.” จ่อเปิดขายซองประมูลรถไฟทางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร วงเงิน 1.72 หมื่นล้านบาท ปลายเดือนก.ค.นี้ ส่วนอีก 3 เส้นทางที่เหลือยังอยู่ระหว่างปรับ TOR และขออนุมัติ EIA
(+) ATP30จ่อปิดดีลลูกค้าเพิ่ม3ราย รุกธุรกิจใหม่ shuttle bus ย้ำรายได้โตทะลุ 15% (ข่าวหุ้น) ATP30 บุกธุรกิจ shuttle bus รับส่งผู้โดยสารคอมมูนิตี้ มอลล์ HABITO-BTS อ่อนนุช มองเป็นโอกาสที่ดี ล่าสุดจ่อคิวปิดดีลลูกค้ารายใหม่เพิ่ม 3 ราย ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โตมากกว่า 15%
(+) TRCจ่อคว้างานPTT สร้างท่อก๊าซ7พันล้าน บอร์ด “ปตท.” ประชุมเลือกผู้รับเหมาฯวันนี้ (ข่าวหุ้น) “ทีอาร์ซี” จ่อฮุบงานท่อก๊าซ หลังวันนี้บอร์ด PTT เตรียมถกเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการท่อก๊าซโคราช เฟส 2 มูลค่า 7,000 ล้านบาท และโครงการเพิ่มความดันก๊าซวังน้อยอีก 4,800 ล้านบาท อีกทั้ง “ปตท.” ชี้เดือนนี้จ่อลดราคาขายปลีกก๊าซ NGV ลงอีก 2 สตางค์
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
IFEC* (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) แนะนำ “สะสม” ประเมิน Downside ต่ำ โดยคำนวณ Replacement cost จากสินทรัพย์ในมือได้ = 6.1 บาท ไม่รวมโครงการที่กำลังก่อสร้าง + อยู่ระหว่างเจรจาซื้อใหม่เพิ่มคาดประกาศได้เร็วๆนี้ ขณะที่ รร ดาราเทวี คาดเตรียมออกจากแผนฟื้นฟูฯ ภายใน ส.ค.นี้ (ปลดล๊อกการลงทุน และบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินเพิ่มอีกในไตรมาส 3/59)
TWZ (เป้าพื้นฐาน 0.49 บาท) ราคาหุ้นปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 0.40 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 0.47 บาท แต่หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 0.40 บาทได้ แนะนำ “สะสม” ในกรอบ 0.36 – 0.40 บาท ... สตอรี่ขายเครื่องพ่วงซิม ADVANC* (เหมือนตอน COM7* ขายเครื่องพ่วงซิม TRUE* ซึ่งราคา COM7 ปรับขึ้นไปแล้ว)
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 38.85 บาท) ราคาหุ้นวานนี้ต่ำกว่ากรอบ 26 บาท ที่เราประเมิน (วานนี้หุ้นลูกเข้าเทรด) หากวันนี้กลับยืนเหนือ 26 บาทได้ จะกลับไปเทรดในกรอบ 26 – 27 บาท แนะนำ “สะสม” แต่หากต่ำกว่า แนะนำ “สะสม” ที่แนวรับถัดไปที่ 25 บาท ... คาดงบไตรมาส 2/59 เป็นจุดต่ำสุด ซึ่งตลาดรับรู้ไปพอสมควรแล้ว
TACC (เป้าพื้นฐาน 7.4 บาท) แนวต้านแรกที่ 6.25 บาท (แนวต้านเทรนด์ไลน์ขาลง) หากทะลุผ่านได้ ประเมินเป้าหมายทางเทคนิคที่ 6.60 บาท และ 6.85 บาท แนวรับ ±6 บาท ... จะเริ่มวางขายสินค้าลิขสิทธิ์ Sanrio โดยจะเริ่มที่สินค้าแบรนด์ Hello Kitty ในร้าน 7-Eleven เดือน ก.ย.นี้ และการส่งออกน้ำทุเรียน + มะม่วง (ชนิดชงน้ำร้อน) ไปยังประเทศจีน (แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายที่จีนเป็นทางการเร็วๆนี้)
BCP* (เป้าพื้นฐาน 36 บาท) แนะนำ Let profit run เป้าหมายทางเทคนิคที่ 36 บาท (จุดขายล๊อกกำไรหากต่ำกว่า 33.75 บาท) … ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มค่าการกลั่นในไตรมาส 2/59 เป็นจุดต่ำสุด และจะฟื้นตัวใน 2H59 + มีสตอรี่ IPO บ.ลูก (โซลาร์ฟาร์มในไทยและญี่ปุ่น) ปลายปีนี้
PYLON (เป้าสูงสุด Consensus 12.4 บาท) ประเมินแนวต้านแรก 11.2 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 11.5 บาท และ 12 บาท ตามลำดับ แนวรับ 10.7 บาท และ Stop loss 10.5 บาท ... ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเสาเข็มของไทยจะเริ่มต้นขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป อีกอย่างน้อย 2 – 3 ปี จากนโยบายการลงทุนภาครัฐฯ
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
DELTA* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 73 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/59 = 1.3 พันล้านบาท (+9.8% QoQ แต่ลดลง 18.15 YoY) SCC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 620 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/59 = 1.34 หมื่นล้านบาท (ทรงตัว QoQ และ YoY) หากกำไรออกมาตามคาด จะทำให้กำไร 1H59 คิดเป็น 60% ของประมาณการฯกำไรทั้งปี มีโอกาสปรับประมาณการฯขึ้น
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1490 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1490 จุดนั้น อาจรักษาแรงผลักขึ้นทดสอบต้าน 1497 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1490 จุดนั้น อาจกดราคาลงทดสอบรับ 1470 จุด
แนวรับวันนี้: 1483/1473 แนวต้านวันนี้: 1490/1497
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ