- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 July 2016 16:43
- Hits: 417
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ทะลุผ่านแนวต้านบริเวณ 1,480 จุด จากแรงซื้อหนาแน่นของนักลงทุนต่างชาติ ปิดที่ 1,488.69 จุด เพิ่มขึ้น 11.08 จุด หรือ +0.75% มูลค่าการซื้อขาย 68,169 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน อีก 3,998 ล้านบาท แต่ Short สุทธิ ใน SET50 Index Futures ครั้งแรกในรอบ 4 วัน 1,860 สัญญา แต่กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 2,939 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
BOE คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% แต่ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเดือนหน้า
ตัวเลข GDP 2Q59 ของจีน ตลาดคาด +6.6% yoy
เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย และจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันพุธที่ 20 ก.ค.
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า
การประชุม ECB ในวันที่ 21 ก.ค. คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก -0.40%
รายงานงบ 2Q59 ของกลุ่มธนาคารในวันที่ 20-21 ก.ค. คาดผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มธนาคารขยายตัว QoQ
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงลบ (วันที่ 2 ติดต่อกัน)
เราคงมุมมอง "ระมัดระวัง" ต่อภาพรวมตลาด และเชื่อว่า SET INDEX มี Upside ที่จำกัดมากขึ้นหลังดัชนีเคลื่อนตัวเข้าใกล้บริเวณ 1,500 จุด ส่งผลให้ Valuation ของ SET INDEX ณ ราคาปิดวานนี้ค่อนข้างตึงตัว โดยซื้อขายที่ PER2559 ระดับ 16.09 เท่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นทั่วโลก สะท้อนผ่านกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเซียเกิดใหม่อย่างหนาแน่นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นยุโรป จึงเชื่อว่าหาก SET INDEX มีการปรับฐานจะลงไม่ลึก และมีแนวรับบริเวณ 1460 จุด +/- เนื่องจากมีการประชุม ECB, FED และ BOJ รออยู่ในช่วงที่เหลือของเดือน
คาด SET INDEX วันนี้จะแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1480-1495 จุด มีโอกาส Underperoform ตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว 4 วัน ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศอาจชะลอการลงทุนและมูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 5.5 - 6.0 หมื่นล้านบาท
เชิงกลยุทธ์ MBKET ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็นการ Selective มากขึ้น ในหุ้นที่ยัง Laggard, ผลประกอบการ 2Q59 จะออกมาเด่น และมีการจ่ายเงินปันผล 1H59
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร TOP : ราคาปิด 61.75 บาท ราคาเหมาะสม 74.00 บาท
a) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น TOP จะฟื้นตัวได้ จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q59 ที่คาดว่าจะขยายตัวโดดเด่น qoq และเพิ่มขึ้น yoy เป็น 6,377 ล้านบาท จากแรงหนุนของกำไร Stock สูงถึง 3,403 ล้านบาท
b) Valuation ของ SET INDEX ที่เริ่มตัวตึงที่ระดับ PER2559 ที่ 16.09 เท่า จะส่งผลให้หุ้น Laggard มีความน่าสนใจมากขึ้น โดย YTD หุ้น TOP ปรับตัวลง -6.4% เทียบกับ SET ENERGY +26.2% และ SET INDEX +15.6%
a) ซื้อขายที่ระดับ PER2559 เพียง 8.4 เท่า และคาดการณ์เงินปันผล 1H59 หุ้นละ 1.10 บาทคิดเป็น Dividend Yield 1.7% และทั้งปี 2559 หุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.3%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 มากถึง 742 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$1,116 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติสะสมหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันมูลค่าหนาแน่น 3,998 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 14,718 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 54,636 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่ม Short สุทธิในรอบ 4 วันทำการ 1,860 สัญญา จาก 3 วันทำการก่อนหน้าที่ Long สุทธิรวม 17,153 สัญญา ส่งผลให้ QTD สถานะ Long สุทธิลดลงเหลือ 9,791 สัญญา
แต่กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 2,939 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิเล็กน้อย 90 ล้านบาท
Short-Selling วานนี้
ลดลงเป็นวันที่ 3 เหลือ 701 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 761 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 ยังคงเป็น Basket Orders
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็นวันที่ 8 อีก 3,720 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,107 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิทะลุ 20,000 ล้านบาท เป็น 23,838 ล้านบาท โดยยังคงเป็นลักษณะกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย ได้แก่ ซื้อสุทธิสูงสุด กลุ่มธนาคาร 996 ล้านบาท, กลุ่มพลังงาน 884 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 392 ล้าน
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ยอดขอสวัสดิการว่างงานเท่ากับสัปดาห์ก่อน: เท่ากับ 2.54 แสนตำแหน่ง เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้าและดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.65 แสนตำแหน่ง
ยุโรป
ไม่มี
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย: อยู่ที่ระดับ 1.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยไปเมื่อเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ธนาคารกลางยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2559 ลงสู่ระดับ 2.7% จากเดิมคาดที่ 2.8% และปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงมาอยู่ที่ 1.1% จาก 1.2% จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงความเสี่ยงจากกรณี Brexit
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530