- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 July 2016 17:05
- Hits: 1395
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? ตามตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง โดยอยู่ระหว่างรอผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ในวันนี้ (14/7/59) แนะระวัง
การขายทำกำไร (Sell on Fact) หาก BOE มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามความคาดหมายของตลาด ขณะที่ (-) จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และ Beige Book ของเฟด ที่ระบุเศรษฐกิจมีทิศทางอ่อนลง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่การผลิตไร้ทิศทาง ส่วนการบริการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม (+) คาดเฟดอาจยังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ประชุม 26 – 27/7/59)
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow แรงซื้อสุทธิของต่างชาติยังมีต่อเนื่อง ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สูงกว่า 14,000 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 51,000 ล้านบาท
ขณะที่คาดยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/59 และเงินปันผลถึงกลางเดือนส.ค. และภายใต้ความชัดเจนในงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ซึ่งคาดเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุน เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ที่เปิดขายซองประมูล 6 กค. – 5ส.ค.’59 และคาดยื่นซองในวันที่ 7 พ.ย.’59 พร้อมเปิดซองในวันที่ 17 พ.ย.’59 รวมถึงล่าสุด (12/7/59) ครม. เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย(Thailand Future Fund - TFF) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท คาดจะสามารถยื่นขอจดทะเบียนและจัดตั้งกองทุน อย่างเป็นทางการได้ ภายในเดือนก.ค.นี้ คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดฯ รวมถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
SET SET50 SET100
1,477.61 +2.69 934.38 +3.35 2,104.28 +5.78
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +24.45, NASDAQ -17.09, S&P +0.29, FTSE -10.29, CAC +3.88 และ DAX -33.36
ภายใต้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ (14/7/59) เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexitโดยคาดปรับสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ 0.5% แต่การปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจาก
(1) ราคาดิบ WTI ที่ลดลง 4.4% หลัง EIA เปิดผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และ (2) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด ที่ระบุว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงขยายตัวเพียงเล็กน้อยในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค. - มิ.ย. และยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนแอลง ขณะที่ภาคการผลิตปรับตัวไร้ทิศทาง และภาคบริการมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$2.05 อยู่ที่ US$44.75ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ล่าสุด ลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล ซึ่งสะท้อนถึงภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานภาวะเศรษฐกิจของเฟด ข้างต้น
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.59 1.91 3.21
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 76,143.57
สถาบัน -1,823.06
บัญชีหลักทรัพย์ -116.25
ต่างประเทศ 4,542.98
ในประเทศ -2,603.68
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$8.3 อยู่ที่ US$ 1,343.6 ต่อออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังคาดการณ์ว่าเฟด จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +4,543 ล้านบาท สะสม YTD 50,638 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 14 - 15 ก.ค. 2559
14/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
15/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.
ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์คเดือนก.ค.
ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.
ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนมิ.ย.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, UNIQ, PYLON และ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซ
ที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 1.47% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.51 อยู่ที่ 13.04
หุ้นแนะนำ : LIT
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788