- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 July 2016 16:47
- Hits: 875
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
พักชั่วคราว
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ที่พักตัวหลังจากวิ่งแรงมาหลายวันติดกันต้นสัปดาห์จุดสนใจหลักตอนนี้อยู่ที่ความเคลื่อนไหวของบรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่ เริ่มจากธนาคารกลางอังกฤษวันนี้ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยและขยาย QE ต่อด้วย ECB ปลายเดือน ที่น่าจะออกมาตรการกระตุ้นอื่นใดเพิ่มเพื่อรองรับผลกระทบของ Brexit คาดกันมากขึ้นว่าจีนและญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นทั้งด้านการเงินและการคลังในเร็ววัน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศออกมาไม่ค่อยดีต่อเนื่อง ภายในประเทศมูดดี้ส์ลดคะแนนเศรษฐกิจไทยลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง และยังคงคะแนนประเมินอื่น ถือว่าเป็นปัจจัยลบเล็กน้อย
หุ้นเด่นวันนี้ : KCE (84.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 95 บาท)
บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ เป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ชั้นนำของโลก น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการมาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพราะนวัตกรรมใหม่นี้จะเพิ่มความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก สถานะอันโดดเด่นในตลาด PCB โลก และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นรวมถึงกำลังการผลิตที่มากขึ้น (เพิ่มอีก 60%) จากโรงงานใหม่น่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี การผลิตในสองเฟสแรกของโรงงานใหม่พึ่งเต็มกำลังการผลิตไปและบริษัทเตรียมเปิดเฟส 3 ใน ก.ค.นี้ โรงงานใหม่นั้นมีเครื่องจักรที่ทันสมัยกว่าเดิมซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและอัตราของเสียอย่างมาก ล่าสุดบริษัทลงทุน 250 ลบ. เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับโรงงาน เคซีอีเทคโนโลยีในอยุธยาซึ่งจะช่วงเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.1 ล้านเป็น 1.2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน บริษัทยังตั้งบริษัทลูกขึ้นมาด้วยเงินลงทุน 70 ]บ. เพื่อผลิตเคมี เช่น ที่ไว้ใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับสัตว์ซึ่งจะช่วยให้ KCE ใช้ของเสียจากกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวโน้มระยะยาวของการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์ เราคาดว่ายอดขายจะเติบโตดี 15-16% ในปี 59 และ 60 บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาโลหะอุตสาหกรรมที่ตกต่ำในตลาดโลก โดยเฉพาะทองแดงซึ่งจะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ดียิ่งขึ้นอีก เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 22% ปี 59 และ 18% ในปี 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ KCE กลับมาเกิดความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal ซึ่งบอกว่าการ คาดว่าจะได้เห็นการทำ New High ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 88.50 บาท โดย KCE มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 83.00 บาท (แนวต้าน: 85.00, 85.50, 86.00; แนวรับ: 84.25, 84.00, 83.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
Moody’s กังวลเศรษฐกิจไทย โดยปรับลดการประเมินความแข็งแรงของเศรษฐกิจไทยลงสู่ระดับ high (-) จากเดิมที่ high หลังจากที่เห็นว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่แล้วถือว่าต่ำกว่าประเทศเกิดใหม่ด้วยกัน สะท้อนเป็นความสามารถในการแข่งขันในประเทศเกิดใหม่ด้วยกันที่ลดลง และอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทั้งนี้ Moody’s ประเมินอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 2.8% ในปีนี้ และ 3.0% ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม Moody’s ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือ Baa1 และมุมมองเสถียรภาพของไทยไว้เช่นเดิม สะท้อนถึงฐานะทางการคลังของประเทศที่เข้มแข็งและหนี้สินในระดับต่ำ สามารถทนทานกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้ (Moody’s/ Bangkok Post)
ความคืบหน้า EEC กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่ากำลังอยู่ในช่วงของการเร่งรัดเพื่อให้ร่างโครงการแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า เพื่อจะยื่นเสนอแก่ ครม. ให้พิจารณาอนุมัติในเดือนหน้า โดยกระทรวงฯ ประเมินว่าจะเกิดการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวในช่วง 5 ปีข้างหน้าถึง 5.50 แสนลบ. หลังจากที่สามารถเปิดตัวในปีนี้ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ราคาพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังจากแรงขายในช่วง 2 วันทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นมากพอที่จะทำให้นักลงทุนสนใจเข้าซื้อ และทำให้มีการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวเนื่องจากมีความต้องการเป็นจำนวนมาก ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 14/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.468% ลดลงจาก 1.513% เมื่อวันอังคาร (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันพุธ เนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.3% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.39 เยน และอ่อนค่าแตะระดับ 103.95 เยนในระหว่างการซื้อขาย (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ DJIA ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/59 จะหดตัวน้อยลงจากที่ตกต่ำในไตรมาส 1/59 และคาดว่าจะมีกำไรแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนื้ สิ่งที่นักลงทุนจับตามองในตอนนี้คือการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BoE จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากผลกระทบ Brexit (Reuters)
เศรษฐกิจสหรัฐแสดงสัญญาณแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่คงอยู่นาน จากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของ Fed หรือ Beige Book กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวเพียงเล็กน้อยในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.จนถึงเดือนมิ.ย. การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยทั่วไปเป็นบวกโดยมีสัญญาณอ่อนตัวลง การจ้างงานยังคงขยายตัวเล็กน้อยและมีรายงานในหลายเขตพื้นที่ว่ามีความต้องการแรงงานฝีมือเป็นจำนวนมาก โดยรวมแล้วความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้บริโภคยังคงไม่เปลี่ยนแปลง (CNBC, Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธปรับตัวลดลง หลังจากฟื้นตัวติดต่อกัน 4 วันก่อนหน้านี้ทำระดับเกือบสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ การปรับตัวลดลงดังกล่าวนำโดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงล่าสุด (Reuters)
เอเชีย :
การส่งออกของจีนลดลงมากกว่าที่คาดไว้ ในเดือน มิ.ย.ขณะที่ความต้องการทั่วโลกยังคงอ่อนแอและอึมครึมจากผลของ Brexit การนำเข้ายังหดตัวลงมากกว่าที่คาด ส่วนส่งออกลดลง 4.8%YoY ในเดือน มิ.ย. และลดลง 7.7%YoY ใน 1H59 การนำเข้าลดลง 8.4%YoY ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้า 48.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ที่ 46.64 พันล้านดอลลาร์ ในเดือน มิ.ย. และ 49.98 พันล้านดอลลาร์ ในเดือน พ.ค. นักเศรษฐศาสตร์ คาดว่าการส่งออก เดือน มิ.ย.ลดลง 4.1%YoY ตรงกับ เดือน พ.ค. และการนำเข้าคาดว่าจะลดลง 5%YoY เดือน พ.ค.ลดลง 0.4%(Reuters)
ประเทศญี่ปุ่น: “no helicopter money”: หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี Yoshihide Suga กล่าวว่าญี่ปุ่น ไม่ได้พิจารณานโยบายทางการเงินในการที่ธนาคารกลางจะใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในรูป "helicopter money," (Reuters)
รัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น ปรับลดการคาดการณ์สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลง แม้ BOJ จะพยายามให้บรรลุอัตราเงินเฟ้อ 2% ด้วยการทำ QQE แต่รัฐบาลคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.4 % ในช่วงสิ้นสุดปี (Reuters)
จักรพรรดิญี่ปุ่น Akihito มีพระราชประสงค์ที่จะก้าวลงจากตำแหน่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โฆษกเอ็นเอชเคกล่าวในวันพุธที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์วัย 82 ชันษา มีปัญหาสุขภาพและแสดงพระราชประสงค์สละราชสมบัติให้ทายาทของพระองค์คือ มกุฎราชกุมาร เจ้าชาย Naruhito วัย 56 ชันษา (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงกว่า 4% วันพุธ หักล้างการเป็นบวกวันก่อนเกือบหมดสิ้น เพราะตัวเลขสต็อกน้ำมันออกมาไม่ดีทำให้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับปริมาณล้นเกิน US EIA รายงานสต็อกน้ำมันดืบร่วงลง 2.5 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว น้อยกว่าผลสำรวจรอยเตอร์สที่คาดว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล Brent ล่วงหน้าปรับลง 2.21 ดอลลาร์สหรัฐ (-4.6%) ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าปรับลง 2.05 ดอลลาร์สหรัฐ (-4.4%) ปิดที่ 44.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองเพิ่มขึ้น 1% วันพุธ ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์เพราะแนวโน้มจะมีมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจมากขึ้นช่วยหนุนความต้องการนักลงทุนขณะที่ดอลลาร์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.8% แตะ 1,342.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
ทองแดงพุ่งแรงทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อตันวันพุธ แตะจุดสูงสุดนับแต่ เม.ย. เพราะการนำเข้าของจีนยังแข็งแกร่งใน มิ.ย. และนักลงทุนเก็งว่าจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ราคาทองแดงอ้างอิงตลาด LME แตะจุดสูงสุด 5,032 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงสุดนับแต่ 29 เม.ย. ปีที่แล้ว ก่อนจะปิด 4,938 ดอลลาร์สหรัฐ (+1.4%) (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094