WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ทิศทางตลาด
  ผันผวน? แม้ยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ที่ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นเดิม โดยเฉพาะคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายๆ แห่ง จะยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประเด็น Brexit รวมถึงยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดอาจถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลัง DTAC ประกาศผลการดำเนินงาน 2Q/59 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ก่อนหน้านี้
  อย่างไรก็ตามคาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow ที่ไหลกลับมายังภูมิภาคต่อเนื่อง รวมถึงไทย ซึ่งต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สูงกว่า 9,500 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นสูงถึง 46,000 ล้านบาท
  ขณะที่คาดยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q/59 และเงินปันผลถึงกลางเดือนส.ค. และภายใต้ความชัดเจนในงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ซึ่งคาดเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุน เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ที่เปิดขายซองประมูล 6 กค. – 5ส.ค.’59 และคาดยื่นซองในวันที่ 7 พ.ย.’59 พร้อมเปิดซองในวันที่ 17 พ.ย.’59 รวมถึงล่าสุดวานนี้ ครม. เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย(Thailand Future Fund - TFF) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีมูลค่า 1 แสนล้านบาท คาดจะสามารถยื่นขอจดทะเบียนและจัดตั้งกองทุน อย่างเป็นทางการได้ ภายในเดือนก.ค.นี้ คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดฯ รวมถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
  แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI

SET SET50 SET100
1,474.92 +6.53 931.03 +4.95 2,098.50 +11.79

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +120.74, NASDAQ +34.18, S&P +14.98, FTSE -2.17, CAC +66.85 และ DAX +130.66
โดย DJIA และ S&P 500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ปัจจัยบวกจาก (1) ราคาน้ำมัน WTI ที่เพิ่มขึ้นกว่า 4% และ (2) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย สู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และคาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE ขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ ในการประชุมวันพรุ่งนี้ (14/7/59) เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit
  นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการ – 2Q/59 ของ บริษัทอัลโค อิงค์ ที่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นผลจากการปรับลดต้นทุน การปิดโรงถลุงแร่ที่มีต้นทุนสูง และปรับลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรม
  ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย สต็อกสินค้าภาคค้าส่ง และยอดขายส่ง – พ.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% และ 0.5% ตามลำดับ
  ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังอังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$2.04 อยู่ที่ US$46.80ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์ว่าในปี’60 อุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน ขณะที่ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดจะค่อยๆลดลง และคาดว่าแนวโน้มตลาดน้ำมันสดใส
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.5 1.9 3.21

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 68,357.78
สถาบัน -1,805.94
บัญชีหลักทรัพย์ -258.11
ต่างประเทศ 3,254.19
ในประเทศ -1,190.15

ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$21.3 อยู่ที่ US$ 1,335.3
  ต่อออนซ์ จากการขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +3,254 ล้านบาท สะสม YTD 46,095 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 13 - 15 ก.ค.  2559
13/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย.
   สต็อกน้ำมัน

1/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

15/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
   ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.
   ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์คเดือนก.ค.
   ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.
   ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนมิ.ย.
   สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค.
   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.ค.

  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, UNIQ, PYLON และ SEAFCO
  (5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซ
ที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%  
  (8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.08 อยู่ที่ 1.51% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.01 อยู่ที่ 13.55
หุ้นแนะนำ : STEC
นักวิเคราะห์ :  จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!