- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 July 2016 16:42
- Hits: 660
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ในทิศทางเดียวกับหุ้นโลกหลังจากที่ตลาดเห็นความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐจากตัวเลขว่าจ้างงานเมื่อวันศุกร์ และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากประเทศใหญ่ และธนาคารกลางหลักของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัฐบาลญี่ปุ่น และ ECB ความเสี่ยงทางการเมืองในอังกฤษลดลง หลังจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้ว ชัดเจนว่าความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้น ปัจจัยภายในประเทศวันนี้หนุนตลาดด้วยเช่นกัน ครม.ไฟเขียว กองทุนอนาคตประเทศไทย 1 แสนล้านบาท ด้วยการลงทุนทันที 1 หมื่นล้านบาท ในโครงการสร้างถนน และทางหลวงหลายสาย นอกจากนี้ยังมีมาตรการหักลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ 15,000 บาท จากการซื้อสินค้า OTOP
หุ้นเด่นวันนี้ : SCC (ราคาปิด 482.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 548.53 บาท)
เราเลือกบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจท่ามกลาง Outlook ธุรกิจปิโตรเคมีที่สดใสและการฟื้นตัวของความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเรายังคงเห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงสะท้อนมาจากส่วนต่างราคา (Spread) HDPE-Naphtha ที่สามารถยืนเหนือระดับ 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้อย่างยาวนานและมั่นคง ในส่วนของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เราเห็นพัฒนาการและความคืบหน้าเชิงบวกของกิจกรรมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศกลับมาฟื้นตัวเด่นชัด โดยเฉพาะในช่วงปีหน้า จากประมาณการกำไรของ Bloomberg consensus คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าตะเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปีมาอยู่ที่ 4.67 หมื่นลบ. และ 4.80 หมื่นลบ. ตามลำดับ แต่เชื่อว่าจะเห็นการปรับประมาณการกำไรของตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปูนซีเมต์ในประเทศ ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ระดับ PER ปีนี้ที่เพียง 12.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปีที่ 16.0 เท่า และยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอีกราว 4.0% ในส่วนของ Price Pattern ของ SCC ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal เหลือเพียงรอการยืนยันถึงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ โดยหาก Price Pattern ของ SCC สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 486 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ทันที ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCC ในระยะสั้นคาดว่าน่าจะไปทดสอบเป้าหมายสำคัญที่ 492 บาทก่อน และหาก Price Pattern ของ SCC ยังมีความแข็งแกร่งมากพอ โดยสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 492 บาท ก็จะไปทดสอบเป้าหมายหลักต่อไปที่ 516 บาท โดย SCC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 470 บาท (แนวต้าน: 486.00, 490.00, 494.00; แนวรับ: 478.00, 474.00, 470.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เม็ดเงินโฆษณาร่วง 8% ช่วงครึ่งแรก จากการสำรวจของ Nielsen Thailand สื่อกระแสหลักในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ยูนิลีเวอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยหั่นงบโฆษณาลง การใช้จ่ายโฆษณาในช่วงครึ่งแรกปี 59 ร่วงลง 7.86% เหลือ 5.597 หมื่น ลบ. จากปีที่แล้วที่ 6.074 หมื่น ลบ. มีเพียงโฆษณาจากสื่อนอกบ้านและอินเทอร์เน็ตที่ยังเติบโตอยู่ได้ (The Nation)ความเห็น: การใช้จ่ายโฆษณาน่าจะฟื้นตัวหลังเราเห็นสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ได้แก่ ปัญหาภัยแล้งที่บรรเทาลงและความคืบหน้าในการใช้นโยบายการคลัง
ครม. ไฟเขียวไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ระยะเริ่ม คณะรัฐมนตรีเห็นชอบวงเงินเริ่มต้น 1 หมื่น ลบ. สำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) ซึ่งจะลงทุนในโครงการถนนสามโครงการในระยะแรก ได้แก่ มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ระยอง วงแหวนรอบนอกเชื่อมอยุธยาและพัทยา และทางด่วนเชื่อม ถ.พระราม3-ดาวคะนอง-ถ.กาญจนาภิเษก ระยะแรกเงิน 1 หมื่น ลบ. นี้จะใช้เงินทุนจาก ก.คลัง เงินทุน 1 พัน ลบ. มาจากกองทุนวายุภัค 1 เพื่อจัดตั้งกองทุนรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน (Bangkok Post)
ครม.อนุมัติมาตรการหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ผ่านการซื้อสินค้า OTOP เพื่อกระตุ้นแรงซื้อของประชาชน โดยให้สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่ซื้อจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยระยะเวลาการซื้อสินค้าดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่ 1-31 ส.ค.59 (Bangkok Post) ความเห็น: ถือเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างงานและรายได้ให้กับชุมชน ไม่เฉพาะแค่ในระยะสั้นเท่านั้น
ยอดจดทะเบียนบริษัทใหม่เพิ่มขึ้น 1% ในช่วงครึ่งปีแรก มาอยู่ที่ 31,792 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียนรวม 1.27 แสนลบ. สูงขึ้น 35% YoY โดยหลักๆ มาจากภาคธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายส่งเครื่องจักร ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ (Bangkok Post) ความเห็น: คาดว่าจะเห็นการเพิ่มสูงขึ้นจากนี้ด้วยแรงหนุนของมาตรการภาครัฐ อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึง พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ
ต่างประเทศ
รัฐสภาอังกฤษจะจัดอภิปรายต่อคำร้องที่ลงชื่อกว่า 4 ล้านคนที่เรียกร้องให้จัดประชามติรอบสองว่าอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ แต่จะไม่พิจารณาว่าจะจัดประชามติอีกหรือไม่ เนื่องจากชาวอังกฤษได้ลงคะแนนในสัดส่วน 52% ต่อ 48% ที่จะออกจากสหภาพยุโรป จึงมีคนจำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการจัดประชามติรอบใหม่ นางเทเรซา เมย์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษซึ่งจะรับตำแหน่งต่อในวันพุธนี้ ไม่ยอมรับการจัดการลงประชามติดังกล่าว คณะกรรมการธิการพิจารณาคำร้องของรัฐสภาย้ำว่าไม่สนับสนุนต่อข้อเรียกร้องให้มีการลงประชามติอีกครั้ง (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของญี่ปุ่นได้ดันราคาหุ้นและลดความต้องการพันธบัตรสหรัฐซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยลง ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลง 24/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.513% เพิ่มขึ้นจาก 1.434% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยนเมื่อวันอังคาร เนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นตัวดันตลาดหลังพรรคของนายอาเบะชนะในการเลือกตั้งวุฒิสภาในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 1.95% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.79 เยน สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ผลการลงประชามติของอังกฤษสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดทั่วโลก (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐต่างปิดบวกเมื่อวันอังคาร โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ DJlA ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มวัสดุและกลุ่มพลังงานเป็นตัวนำตลาดขึ้นจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้นหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐอันแข็งแกร่งซึ่งประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้งการดีดกลับของราคาน้ำมันดิบส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น (Reuters)
ปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่งสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค. เนื่องจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวลง บ่งชี้ว่การลงทุนทุนในสินค้าคงคลังมีแนวโน้มฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2/59 ปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่งปรับตัวขึ้น 0.1% จากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่งจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. (Reuters)
เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 2.3% YoY ในไตรมาส 2/59 ตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับปริมาณสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง จากประมาณการ GDP ของ Fed สาขาแอตแลนต้าซึ่งประกาศเมื่อวันอังคาร ทั้งนี้ ประมาณการตัวเลข GDP ล่าสุดต่ำกว่าตัวเลขที่คำนวณไว้เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 2.4% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นำโดยหุ้นธ.พ. อิตาลีบนความคาดหวังว่าจะสามารถจัดการกับหนี้เสียได้ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีขึ้น (Reuters)
เอเชีย :
กรุงเฮกออกกฎต่อต้านจีน: ในวันอังคารที่ผ่านมาศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮกปฏิเสธการเรียกร้องของจีนเพื่อสิทธิทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ในการพิจารณาคดีที่อ้างได้ว่าเป็นชัยชนะของฟิลิปปินส์ จีนไม่ยอมรับและคว่ำบาตรกรณีนี้ ที่นำหยิบยกขึ้นมาโดยฟิลิปปินส์และย้ำว่าจะ ไม่ผูกพันกับกฎและการพิจารณาคดี ใด ๆ ที่ออกมา รัฐบาลกรุงปักกิ่งออกมากล่าวว่า การพิจารณาคดีนี้จะเพิ่มความขัดแย้งและการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น (Reuters)
ความเชื่อมั่นของประเทศจีนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนในเดือน มิ.ย.: ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในหุ้น ขึ้นมาที่ 54.9 ในเดือน มิ.ย. เป็นการเพิ่มขึ้น 14.9% จากเดือน พ.ค. และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ตามการสำรวจโดยกองทุนคุ้มครองนักลงทุนประเทศจีนที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ (Reuters)
ผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดการณ์เงินเฟ้ออ่อนตัวลงในช่วงสามเดือน ถึงเดือน มิ.ย. ทำให้มีความคาดหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้น เพิ่มเติม อัตราส่วนของครัวเรือนที่คาดว่าราคาจะ เพิ่มขึ้นในหนึ่งปีจากนี้ ยืนอยู่ที่ 72.4% ในเดือน มิ.ย. ลดลงจาก 75.7% ในเดือน มี.ค. การสำรวจรายไตรมาส BOJ แสดงให้เห็นในวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นครัวเรือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจอยู่ที่ ลบ 27.3 ในเดือน มิ.ย. เลวร้ายลง จาก ลบ 22.5 ในเดือน มี.ค. (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันพุ่ง 5% วันอังคาร เป็นการบวกรายวันมากสุดนับแต่ เม.ย. เพราะนักลงทุนปิดสถานะชอร์ตและการดีดกลับทางเทคนิคช่วยหนุนตลาดให้ฟื้นจากจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือน Brent ล่วงหน้าปรับขึ้น 2.22 ดอลลาร์สหรัฐ (+4.8%) ปิดที่ 48.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าปรับขึ้น 2.04 ดอลลาร์สหรัฐ (+4.6%) ปิดที่ 46.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าได้ย่อลงในช่วงหลังการซื้อขายเพราะสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (APl) รายงานตัดเลขการเพิ่มสต็อกน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลเกินคาดสำหรับสัปดาห์ที่แล้ว (Reuters)
ราคาทองร่วงแรงสุดรายวันในรอบสามสัปดาห์วันอังคาร เพราะหุ้นโลกวิ่งขึ้นจากการคลายความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนในอังกฤษและคาดการณ์ว่าจะมีมาตรเศรษฐกิจออกมาเพิ่ม ซึ่งทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ราคาทองคำตลาดจรร่วงมากถึง 1.9% แตะ 1,329.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดลบ 1.6% เหลือ 1,332.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
โลหะพื้นฐานบวก สังกะสีแตะจุดสูงสุดรอบ 13 เดือนและนิกเกิลแตะจุดสูงสุดนับแต่ ต.ค. เพราะนักเก็งกำไรได้เริ่มเข้าเก็บหลังมีการเลือกนายกฯ อังกฤษคนใหม่และคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นออกมามากขึ้น ราคาสังกะสีอ้างอิงตลาด LME ปิดบวก 2.5% ที่ 2,193 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงสุดนับแต่ 1 มิ.ย. ปีที่แล้ว (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094