- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 July 2016 16:15
- Hits: 398
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังขึ้นได้ดีแม้จะผันผวน แต่ก็น่าถือต่อและเลือกซื้อช่วงอ่อนตัว!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังผันผวนในแดนบวก หลังจากเปิดเช้าขยับขึ้นเกือบ 7 จุด แต่ถูกแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ย้อนลบเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายแล้วดัชนียังกลับมาปิดสิ้นวันเป็นบวกเกือบ 7 จุดได้ใหม่ โดยนักลงทุนยังรอลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประเทศชั้นนำต่างๆ อยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีลุ้นขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังสดใส ซึ่ง FSS คาดว่าจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อต่อเนื่องในบ้านเราด้วย โดยนักลงทุนคาดหวังว่าการประชุม BOE วันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) จะมีการเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) เพื่อรับมือกับผลกระทบของ Brexit นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังสามารถฟื้นตัวขึ้นเป็นบวกเกือบ 5% หลังจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ออกรายงานคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบัน และคาดว่าแนวโน้มตลาดน้ำมันในปีหน้าจะสดใสด้วย อย่างไรก็ตาม SET ขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงพอควร ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกดดันให้ผันผวน นอกจากนี้ SET จะติดช่วงหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้าด้วย (18-19 ก.ค.)
กลยุทธ์ : FSS แนะนำให้เน้นถือหุ้นต่อเนื่องเพื่อลุ้นเป้าหมาย 1500 จุดในช่วงถัดไปตามคาด ส่วนถ้ามีจังหวะอ่อนตัวลง ถือเป็นโอกาสเลือกหุ้นซื้อเพิ่ม
แนวรับ 1470-1466 , 1463-1459 จุด
แนวต้าน 1477-1480 , 1482-1484 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TNP, ASEFA, SGP(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$781 ล้าน ไหลเข้าทุกประเทศนำโดยไต้หวัน US$391 ล้าน และเกาหลีใต้ US$154 ล้าน ส่วนไทยมีเงินไหลเข้า US$93ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาครับคาดการณ์ว่าประเทศสำคัญๆจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช้านี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการประชุม BOE พรุ่งนี้มีคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่ม QE เพื่อลดผลกระทบ Brexit
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ลุ้นการประชุม BOE พรุ่งนี้ นักลงทุนทั่วโลกคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก BOE หลังจากก่อนหน้านี้ธนาคารได้ลดการดำรงเงินทุนสำรอง Countercyclical Capital Buffer rate ของธนาคารเหลือ 0% เพื่อช่วยสภาพคล่องในระบบ ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่า สะท้อนความหวัง BOJ มีมาตรการเพิ่มเติมเช่นกัน กระแสเงินทุนยังไหลเข้าไทยต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรนับตั้งแต่ Brexit เป็นต้นมา
(+) ครม.ไฟเขียวตั้งกองทุน Thailand Future Fund วงเงิน 1 แสนล้านบาท รับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 2-3% เพื่อเป็นแหล่งเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ เตรียมขายนักลงทุนทั่วไปปลายปีนี้ เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
(+) “ช้อปช่วยชุมชน” กระตุ้นการใช้จ่าย วานนี้ครม.อนุมัติให้การซื้อสินค้า OTOP นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท เริ่ม 1-31 ส.ค. แม้รัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีไปบ้าง แต่คุ้มเพราะช่วยกระตุ้นการจับจ่าย ช่วยระบายสินค้าให้ชุมชน และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ OTOP เข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น แม้ไม่มีหุ้นตัวใดได้ประโยชน์โดยตรงแต่เป็นการช่วยสร้างบรรยากาศ คาดเม็ดเงินหมุนเวียน 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.1% ของ GDP
(-) DTAC กำไรน่าผิดหวังมาก เหลือกำไรสุทธิเพียง 141 ล้านบาท -89% Q-Q, -90% Y-Y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดกว่า 70% จากรายได้ค่าบริการหดตัว Y-Y ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 9 ต้นทุนโครงข่าย ค่าใช้จ่ายแจกมือถือ และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นมาก และมีค่าชดเชยเลิกจ้างพนักงาน แนวโน้มยังน่าห่วง เราคาดกำไร 2H16 จะต่ำกว่า 1H16 เกือบครึ่ง เราปรับกำไรปีนี้ลง 50% เหลือ 2 พันล้านบาท -65% Y-Y หดตัวเป็นปีที่ 3 และคาดหดตัว 74% Y-Y ในปีหน้า ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 26.50 บาท ยังคงแนะนำขาย
(+) ADVANC กำไรที่ตกต่ำของ DTAC เอามาสะท้อนอุตสาหกรรมไม่ได้ เราคาดกำไรปกติ 2Q16 ของ ADVANC +9.1% Q-Q, +2.2% Y-Y และคาดปันผลกลางปี 6 บาท/หุ้น Yield 3.5% แต่กำไรจะชะลอลงใน 2H16 เพราะเริ่มรับรู้ต้นทุนใบอนุญาต 900 MHz และค่าเช่าอุปกรณ์จาก TOT หลังสิ้นสุดช่วงเยียวยา เรายังคาดกำไรทั้งปี -20% Y-Y แต่ Dividend yield ที่ระดับ 6.2% ต่อปีจะช่วยจำกัด downside ของราคาหุ้นได้ เรายังคงราคาพื้นฐาน 180 บาท แนะนำถือรอรับปันผล
(+) M แม้กำลังซื้อยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน แต่ด้วยฤดูกาลและมาตรการกระตุ้นของรัฐ เราคาดกำไร 2Q16 จะฟื้นคืนชีพทำจุดสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส +33.6% Q-Q, +13.4% Y-Y จากการที่ยอดขายต่อสาขาเดิม +3% Y-Y บวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ผลการดำเนินงานของ M ผ่านจุดแย่สุดไปแล้วและกำลังค่อยๆฟื้น แต่กำไร 3Q16 จะแผ่วชั่วคราวเพราะ Low season และดีขึ้นทำจุดสุงสุดของปีใน 4Q16 เรายังคาดกำไรปีนี้ +12.8% Y-Y คงราคาพื้นฐาน 55 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อเก็งกำไร จากเดิมถือ
(+) บจ.ที่คาดว่าผลประกอบการ 2Q16 จะออกมาดี ได้แก่ ASEFA, BEAUTY, FSMART, BIG, K, MAJOR, MTLS, GL, TK, THANI, TACC, TPCH
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ก.ค. - จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.)
14 ก.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: Beige Book
- BOE ประชุม
15 ก.ค. - จีน: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +6.6% Y-Y vs. 1Q16 +6.7% Y-Y)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
12,18-19ก.ค. - ไทย: ต.ล.ท. นำ 21 บจ.เดินสายโรดโชว์ที่สิงคโปร์และสหรัฐ
18-19 ก.ค. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
18 ก.ค. - ญี่ปุ่น: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Marine Day
19 ก.ค. - สหรัฐ: Housing starts, Building permits (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
20 ก.ค. - ไทย: ยอดรถ (มิ.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดบวกได้ดีต่อเนื่องและทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องผลกระทบ Brexit ขณะที่ญี่ปุ่นส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ดีเช่นกันโดยตลาดตอบรับเชิงบวกหลังอังกฤษได้นายกฯคนใหม่ทำให้คลายความกังวลเรื่องผลกระทบของ Brexit
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้เช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
(0) ค่าเงินบาทโดยรวมยังแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.05-35.25 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง OPEC คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่ากำลังการผลิตน้ำมันในปัจจุบันและตลาดน้ำมันในปีหน้าจะยังคงสดใส
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงแรง 21.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,335.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลที่ลดลงหลังอังกฤษได้นายกฯคนใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางต่างๆที่คาดว่าจะมีออกมาเพื่อลดผลกระทบของ Brexit
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch