- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 July 2016 18:11
- Hits: 1545
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'บวกรับตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐแกร่งเกินคาด'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงถึง 2.87 แสนตำแหน่ง (จากที่คาดไว้ 1.75 แสนตำแหน่ง) ตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชียปรับขึ้น (โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นแรงเพราะพรรค LDP ชนะเลือกตั้งจึงคาดว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายการคลังกระต้นเศรษฐกิจต่อด้วย) ทั้งนี้ก่อนหน้านักลงทุนมีความกังวลว่า Brexit จะฉุดอุปสงค์และเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลง แต่เมื่อตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐออกมาแข็งแกร่งมากความกังวลก็คลายลงไปบ้างในระยะสั้น ส่วนความวิตกเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมีน้ำหนักน้อยลงไปมากหลังมีประเด็น Brexit เข้ามา โดยคาดว่าสหรัฐอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปี 59 หรือไม่ก็ไปปรับขึ้นในปี 60 เลย
สำหรับราคาน้ำมันดิบ ขยับขึ้นเล็กน้อยแม้สัญญาณเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น แต่เพราะยังกังวลกับอุปทานที่เพิ่มหลังเบเกอร์ ฮิวส์รายงานว่าแท่นขุดเจาะที่ปิดไปเริ่มกลับมาผลิตเพิ่มต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 แล้ว ยังผลให้ราคาน้ำมันมีความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นในช่วง 3Q59
ส่วนปัจจัยในประเทศ เข้าสู่ช่วง Preview ผลประกอบการไตรมาส 3/59 และมีความหวังว่าการลงทุนภาครัฐจะคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงการบริโภคได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ภาคท่องเที่ยวยังเติบโต YoY และน่าจะเป็น Low season ที่ดีกว่าหลายปีก่อน เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic & AEC Play โดยหลีกเลี่ยงกลุ่ม/หุ้นที่มีข่าวหรือความเสี่ยงด้านลบ สำหรับหุ้น Top Picks ของเดือนก.ค.59 เป็น CK, CPALL, CPN, JASIF และ Dark Horse คือ ANAN, BWG ส่วนหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น CPF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสปรับขึ้นก่อนลงต่ำ/ปรับฐาน การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1460, 1470 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1440 จุดควรตัดขายออกไปก่อน
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ STPI, AMATA, VIBHA, TACC หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ FSMART, VIH, STEC, MCS, CKP, AQUA, TVO, PYLON, TTCL, SCI, TTA, SST หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ SYNEX, VGI, TCAP หุ้นที่หลุด List เป็น KBS, AP
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ญี่ปุ่น : ดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นตอบรับพรรค LDP ชนะเลือกตั้งวุฒิสภา
เช้าวันนี้ (11 ก.ค.59) หลังเปิดตลาดซื้อขายได้ประมาณ 15 นาที ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นปรับขึ้นกว่า 400 จุด หรือบวกเกือบ 3% ขานรับพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวุฒิสภา ซึ่งชัยชนะของ LDP ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังต่อ อย่างไรก็ดี ระดับดัชนีปัจจุบันที่ 15,555 ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 17,905 (เมื่อต้นเดือนก.พ.59) อยู่ 13%
+ สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรมิ.ย.เพิ่มถึง 2.87 แสนตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.9% หลังจากอยู่ที่ 4.7% ในเดือนพ.ค.59 ซึ่งตัวเลขจ้างงานฯเพิ่มขึ้นดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 175,000 ตำแหน่งอย่างมาก ทั้งนี้ในเดือนมิ.ย.59 ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 265,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้นเพียง 11,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 123,000 ตำแหน่ง ด้านตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.1%MoM ในเดือนมิ.ย.
-/+ จีน : ดัชนีราคาผู้ผลิตมิ.ย.ลดลง และดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มในอัตราที่น้อยลง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดต้นทุนราคาสินค้าที่หน้าประตูโรงงานปรับตัว -2.6%YoY ในเดือนมิ.ย. แต่ก็น้อยลงจากพ.ค.ที่ -2.8%YoY สำหรับ 6M59 ดัชนี PPI -3.9%YoY ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ยังจับตาอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ +1.9%YoY ในเดือนมิ.ย. (ลดลงจาก +2.0%YoY ในเดือนพ.ค.และ +2.3%YoY ในเดือนเม.ย.) สำหรับ 6M59 ดัชนี +2.1%YoY ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3.0%YoY อยู่พอสมควร
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นแรง รับตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง
ดัชนี DJIA ปรับขึ้น 250.86 จุด หรือ +1.40% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 79.95 จุด หรือ +1.64% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 32.00 จุด หรือ +1.53% ตอบรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนมิ.ย.ที่ออกมาดีเกินคาดมาก
+ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแต่ไม่มาก เพราะยังกังวลอุปทานเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.60% ปิดที่ 45.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 46.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้แม้ว่าตลาดน้ำมันจะตอบรับตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐในทางบวก แต่ก็ยังกังวลกับอุปทานน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดเบเกอร์ ฮิวจ์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน เปิดเผยว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 351 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
- ราคาทองคำอ่อนลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,358.40 ดอลลาร์/ออนซ์+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นแรง รับตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- กลุ่มไฟแนนซ์ : กังวลผลกระทบถ้าต้องคิดดอกเบี้ยเช่าซื้อไม่เกิน 15% ต่อปี
มีกระแสข่าวว่าสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงสัญญาธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ โดยสคบ.จะนัดผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อรถ 14 รายหารือในวันที่ 14 ก.ค.นี้ เพื่อปรับปรุงสัญญาธุรกิจเช่าซื้อให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.ทวงหนี้ฉบับใหม่ ซึ่งมีการเสนอให้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ไว้ไม่เกิน 15% ซึ่งถ้าสรุปได้จะประกาศใช้ได้ในเดือนธ.ค.59 ซึ่งส่วนนี้จะกระทบผู้ประกอบการเช่าซื้อ โดยเฉพาะเช่าซื้อรถจักรยายนต์ ซึ่งปัจจุบันอัตราสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อยู่ที่ประมาณ 24-25% ต่อปี
ผลกระทบ : ทาง MTLS กล่าวว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทจำกัดมาก เพราะบริษัทเน้นปล่อยสินเชื่อรับจำนำ ซึ่งปัจจุบันคิดอัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 15% ต่อปี ด้าน SAWAD กล่าวว่าบริษัทมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ 15-20% ของพอร์ตทั้งหมด 1.5 หมื่นล้านบาท จึงจะได้รับผลกระทบบ้าง สำหรับ TK, GL, S11 ซึ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และ THANI ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ และรถเพื่อการพาณิชย์ และมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี จะได้รับผลกระทบแบบมีนัยสำคัญถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในธุรกิจสัญญาธุรกิจเช่าซื้อให้ลดลงจริงอย่างที่เป็นข่าว เพราะรายได้หลักมาจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยผลประกอบการของ GL จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า TK และ S11 เพราะบริษัทมีกำไรสุทธิจากในประเทศ 45% และต่างประเทศ 55% ของกำไรทั้งหมด
ประเด็นคือ ถ้าผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อเป็นต่ำกว่า 15% แต่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมอื่นๆ มากขึ้น ก็จะไปชดเชยกับรายได้ค่าดอกเบี้ยที่ลดลงไปได้ส่วนหนึ่ง
+ กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม : เลื่อนการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลออกไปก่อน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังระบุว่า การเรียกเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลชะลอออกไปก่อน เนื่องจากผลการประชุม 3 ฝ่าย คือ คณะกรรมาธิการด้านการเก็บภาษีของสนช., ผู้แทนจากครม. และตัวแทนสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ สรุปว่าการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มให้ใช้กฎหมายของหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบันควบคุมไปก่อน (แนวหน้า, 11 ก.ค.59)
+ รู้ผลประมูลรถเมล์ NGV สัปดาห์นี้
การประมูล E-Auction รถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน มูลค่า 4,021.70 ล้านบาท (จัดหาและซ่อมบำรุง) ที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ต้องรอตรวจเอกสารแล้วจึงจะประกาศผลประมูล ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นสัปดาห์นี้ (ใน TOR ไม่ได้กำหนดวันประกาศผลไว้) สำหรับผู้มีสิทธิเข้าประมูลมี 2 ราย คือกลุ่ม CHO และกลุ่มเบสท์ริน กรุ๊ป หลังทราบผลประมูลแล้วคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในปลายเดือนก.ค.59 และเอกชนที่ชนะประมูลต้องส่งมอบรถภายใน 90 วันหลังเซ็นสัญญา
หลังจากนี้ จะมีการออกร่าง TOR จัดหารถเมล์ปรับอากาศระบบไฟฟ้า 200 คันมูลค่ารวมซ่อมบำรุง 4 พันกว่าล้านบาท ขณะนี้กำลังรอเข้าพิจารณาในครม. ถ้าอนุมัติคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในประมาณเดือนส.ค.นี้ เอกชนที่สนใจประมูลงานนี้ ได้แก่ CHO, LOXLEY
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]