- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 July 2016 16:01
- Hits: 1006
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสลดลง? คาดเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับปัจจัยกดดัน หลัง BOE ออกมาส่งสัญญาณต่อประเด็น Brexit ว่าอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจของอังกฤษ และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงความผันผวนทางการเงิน แนะจับตาหุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง
อย่างไรก็ตามคาดธนาคารกลางหลายๆ แห่ง เช่น FED, BOJ, BOE และ ECB มีความเป็นไปได้ที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดหลังจากนี้ไป
ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดยังเป็น Sentiment ที่เป็นบวก โดยเฉพาะ Fund Flow ที่ไหลกลับมายังภูมิภาค รวมถึงไทย ล่าสุดต่างชาติยังซื้อสุทธิอีกกว่า 1,234 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นกว่า 41,000 ล้านบาท
ขณะที่แนะติดตาม (1) ค่าเงิน ล่าสุดเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าเล็กน้อยจากวานนี้ที่ 35.16 บาท โดยเช้านี้เคลื่อนไหว 35.18 – 35.20 ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค อย่างไรก็ตามค่าเงินสหรัฐฯ มีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้นเมื่อเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และลดลง เมื่อเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น
(2) Preview งบ 2Q/59 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งทำให้มีแรงเก็งกำไร + / - และ (3) ความชัดเจนในงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ที่เปิดขายซองประมูล 6 กค. – 5ส.ค.’59 และคาดยื่นซองในวันที่ 7 พ.ย.’59 พร้อมเปิดซองในวันที่ 17 พ.ย.’59 ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯและภายใต้เศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าดีขึ้นตามลำดับแต่ยังเปราะบาง หลังกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง
แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
SET SET50 SET100
1,450.07 -4.49 913.48 -5.06 2,057.59 -9.65
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -108.75, NASDAQ -39.66, S&P -14.40, FTSE +23.11, CAC -71.44 และ DAX -176.48
ภายใต้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลัง BoE เปิดเผยรายงานเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีวานนี้ ซึ่งเป็นการเปิดเผยรายงานครั้งแรกนับแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่ผ่านมา ว่าวิกฤต Brexit อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยลบจาก ตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ – พ.ค. ลดลง 1.0% จากความต้องการที่อ่อนแอในภาคการขนส่ง และสินค้าทุนขณะที่อยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ (8/7/59) ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ เฟด จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27/7/59
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากข่าวที่บริษัทประกันชีวิต 3 แห่ง (สแตนดาร์ด ไลฟ์ พรูเดนเชียล และเอวิวา) ได้ระงับการซื้อขายในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$2.39 อยู่ที่ US$46.60ต่อบาร์เรล ภายใต้ความวิตกกังวล (1) เศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของ Brexit คาดส่งผลต่อความต้องการพลังงานชะลอตัวลง และ (2) ปริมาณผลิตน้ำมันของไนจีเรียและซาอุดิอาระเบีย – มิย. เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 90,000 บาร์เรลต่อวัน และ 70,000 บาร์เรลต่อวัน จาก พ.ค. อยู่ที่ 1.53 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 10.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.04 1.87 3.28
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 52,019.79
สถาบัน -35.09
บัญชีหลักทรัพย์ -96.76
ต่างประเทศ 1,233.79
ในประเทศ -1,101.94
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$19.7 อยู่ที่ US$ 1,358.7 ต่อออนซ์ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในกรณีที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ลดลง กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,234 ล้านบาท สะสม YTD 41,149 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 6 – 8 ก.ค. 2559
6/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย.
สต็อกน้ำมัน
7/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
8/7/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK และ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่าง เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซ
ที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.09 อยู่ที่ 1.37% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.81 อยู่ที่ 15.58
หุ้นแนะนำ : STEC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788