- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 July 2016 18:17
- Hits: 1323
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (27 - 30 มิถุนายน 59)
SET ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 วันทำการ จากความกังวลต่อประเด็น BREXIT ที่ลดลง และแรงซื้อของกองทุนในประเทศที่ทำ windows dressing ช่วงปลายไตรมาส ส่งผลให้ดัชนีกลับตัวปิดสูงกว่าช่วงก่อน BREXIT ปิดสัปดาห์ SET ปิดที่ 1444.99 จุดเพิ่มขึ้น 31.8 จุด (+2.3%WoW)
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(+) ภาพรวมการผลิตในหลายประเทศปรับตัวดีขึ้น โดย PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 52.8 ในเดือนมิ.ย. และ ISM ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนมิ.ย.
(+) ความกังวลต่อผลกระทบของ BREXIT ลดลง จากท่าทีของธนาคารกลางในหลายประเทศที่พร้อมดำเนินแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ
(+) นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE ระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น จาก BREXIT ส่งผลให้ BoE มีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจในฤดูร้อนนี้
(+) สหรัฐรายงาน TIP Report ปรับสถานะของไทยขึ้นเป็น Tier 2 Watch List สร้างสัญญาณบวกต่อกลุ่มสินค้าอาหารทะเล และความหวังต่อสถานะใบเหลืองของ IUU
(-) นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ คาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไปจนถึงปี 61 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว
(+/-) ราคาน้ำมันมีความผันผวน แม้ว่าจะได้รับผลดีจากค่าเงินดอลลาร์ แต่ความกังวลต่อปัญหา Supply จากการเพิ่มกำลังการผลิตของ ไนจีเรีย แคนาดา และอิรัก ยังคงมีอยู่
(+/-) ตลท.ให้ PSTC,PSTC-W1 ใช้ Cash Balance ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.-11 ส.ค.59
(+/-) First Day TRADE หุ้น ALT IPO ราคา 4.70 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
* การรายงานผลการประชุม FOMC ของวันที่ 14-15 มิ.ย.
* ตัวเลขเศรษฐกิจไทย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
* ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ สหรัฐ ดุลการค้าเดือนพ.ค. ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนมิ.ย.จาก ADP ยุโรป ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.
* การประชุมสุดยอด NATO เป็นเวลา 2 วันที่กรุงวอร์ซอว์ โปแลนด์
* แนวโน้มค่าเงินปอนด์ และราคาน้ำมัน
ความคิดเห็น
คาดหมายเคลื่อนไหวผันผวนของดัชนีในสัปดาห์นี้ แม้ว่าภาพรวมจะไม่ได้มีปัจจัยลบเข้ามามากนัก แต่ด้วยแรงซื้อที่มีเข้ามาก่อนหน้า และแรงขายของกองทุนในประเทศหลังการสิ้นสุดการทำ windows dressing ช่วงไตรมาส 2 ทำให้เราประเมินโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อมีจำกัด
กลยุทธ์การลงทุน (4-8 กรกฎาคม 59)
ประเมินหุ้นที่ Laggard มีโอกาส Rebound ขึ้นตามดัชนี โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรหลังการ upgrade เป็น Tier 2 ของสหรัฐ หุ้นในกลุ่ม เดินเรือ ที่ค่าระวางฟื้นตัวขึ้น และหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับผลดีจากการลงทุนของรัฐที่เดินหน้า
วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 4 – 8 ก.ค 59
จบรอบ หรือ ไปต่อ
SET Closed 1,444.99 จุด High: 1,452.08 จุด Low : 1,410.08 จุด
Resistant : 1,452 , 1,466 Support : 1,436 , 1,428
SET ผันผวนมากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มในสัปดาห์นี้มีความสำคัญที่จะบ่งชี้ทิศทางในระยะกลางว่าจะวิ่งยาวต่อไป หรือปรับฐานลง ทั้งนี้ SET ยังคงไต่ระดับเป็นแนว Uptrend มีแนวรับ และแนวต้านตามกรอบอย่างชัดเจน ปัญหาคือการทดสอบบริเวณ 1,450 จุดไม่ผ่าน และมีแรงขายกดดันทุกครั้ง ซึ่งเกิดภาพ Triple top ขึ้นแล้ว ล่าสุดแท่งเทียนสร้างรูปเชิงลบแบบ Hanging Man ซึ่งอาจทำให้อ่อนตัวต้นสัปดาห์ แต่ Indicators หลายตัวในรอบนี้ยืนยันการเดินหน้าต่อ และมีแนวต้านสำคัญที่ทดสอบตามกรอบบนคือ 1,466 จุด หากผ่านได้จะวิ่งต่อไปยังแนววงรีที่ 1,530 จุด แต่หากไม่ผ่านจะอ่อนตัวลงมายังแนวล่างที่ 1,400 จุด หรือเกิด M-Curve week นี้จึงเป็นไปได้ทั้งสองทาง
กลยุทธ์
1 เก็งกำไรตามปกติ เน้น Buy on Weakness หากต่ำกว่า 1,436 จุด ให้ลดปริมาณหุ้นและไปรอรับที่ต่ำลง
2. หาก SET สามารถวิ่งผ่าน 1,466 จุดอย่างแข็งแรง ให้เพิ่มปริมาณหุ้น และถือยาวขึ้น
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
TU ราคาปิด 22 บาท
* ได้รับผลดีจากการที่สหรัฐ upgrade สถานะสู่ Tier 2 ของไทยใน TIP Report ล่าสุด สร้างสัญญาณบวกต่อสถานะใบเหลืองที่ได้รับจาก IUU ชองยุโรป
* แนวโน้มปี 59 ขยายตัวจากขยายตลาดใหม่ และ การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
* ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯภายในปี 63
แนวโน้มทางเทคนิค
TU ราคาปิด 22.00 บาท
แนวต้าน 23.50บาท แนวรับ 21.50 บาท
แนว Stop Loss เมื่อราคาหุ้นใกล้หลุดแนว 21.00 บาท
กราฟ TU เคลื่อนไหว Sideway มาตลอด 2 เดือน ไม่กำหนดทิศทางที่ชัดเจน ขณะที่ RSI ก่อตัวเป็นสามเหลี่ยม และมีปลายชี้ขึ้นเล็กน้อย หากผ่านไปในทิศทางใดจะ follow ต่อเนื่องไป ในระยะนี้จึงเหมาะสำหรับการเก็งกำไรเท่านั้น หากผ่าน 23.50 บาทจะเร่งตัวขึ้นในระยะยาว แต่หากหลุด 21.50 บาททิศทางจะแย่ลง
กลยุทธ์
1. เข้าเก็งกำไร ในราคาปัจจุบัน และซื้อเพิ่มเมื่อผ่าน 23.50 บาท
2. หากหลุด 21.00 บาท ให้ขายออกหมด
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ